ในความเป็นจริง การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่จะมีขึ้น 24 พ.ย. นี้ นั้น
พรรคเพื่อไทยได้เปรียบมาก มีโอกาสชนะใส ๆ จะชนะมากหรือน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง
เพราะฐานเสียงมีมากกว่า เพื่อไทยมี สส. 7 เขต (รวม ทสท.อีก 2 เขต) ขณะประชาชนมี สส.แค่เขตเดียว
และการเลือกตั้งท้องถิ่นแบบนี้ ไม่มีการเลือกตั้งนอกเขต ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อไทยได้เปรียบทุกประตู
ไม่มีเลือกตั้งนอกเขต คนอุดรที่ไปทำงานที่อื่นก็ไม่ได้เลือก
ไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า คนอุดรที่ติดธุระ ที่ไปทำธุระที่อื่นก็ไม่ได้เลือก
ซึ่งคนสองกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่นิยมพรรคส้มกันทั้งนั้น พรรคส้มจึงขาดเสียงไปเยอะ
พรรคใดมีฐานเสียงท้องถิ่นมากกว่า จึงได้เปรียบมาก พรรคส้มจึงชนะยากในระดับท้องถิ่น
แต่ขนาดนี้ เพื่อไทยยังใช้วิธีตลาดล่างในการหาเสียง
ทั้งนายใหญ่ ทั้งลูกน้อง ที่ดูเหมือนนายใหญ่จะตลาดล่างมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะกร่างถึงขั้นพาดพิงไปถึงหมา
การที่เพื่อไทยโจมตีผู้สมัครของพรรคประชาชนว่า ไม่ใช่คนอุดรธานี เป็นคนหนองบัวลำภู อย่าไปเลือก
เป็นวิธีการตลาดล่างมาก เป็นวิธีการที่ดูถูกคนอุดรฯว่าโง่
เพราะจังหวัดหนองบัวลำภู คืออำเภอหนึ่งของอุดร แยกตัวออกเป็นจังหวัดเมื่อปี 36
ซึ่งตอนนั้น ผู้สมัครพรรคประชาชนอายุเบญจเพศแล้ว จึงถือว่าเป็นคนอุดรธานีร้อยเปอร์เซนต์ฺ
และผู้สมัครพรคคส้ม ยังลงการเมืองท้องถิ่นในอุดรจนถึงขั้นเคยเป็นรองนายก อบจ.อุดรมาแล้วหนึ่งสมัย
การใช้วิธีว่าไม่ใช่คนอุดรนี่ จึงตลาดล่างสุด ๆ
ทักษิณเลือกไปอุดร เพื่อแสดงบทบาทโชว์ลีลาให้เข้าตาอำนาจที่ขึ่คอทักษิณอยู่
ก็เพราะมั่นใจว่า เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. แน่ ๆ
ทักษิณต้องการแสดงให้อำนาจเห็นว่า เขาเล่นงานพรรคส้มได้
และอวดให้เห็นว่า เขามีมวลชนหนุนหลังอยู่มาก เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขต่อรอง หากอำนาจจะทำอะไรเขา
ทักษิณลงทุนเสียคน ถึงขนาดพูดเชิงกล่าวหาธนาธร และพรรคส้ม
ในเรื่อง 112 เรื่องความจงรักภักดี เป็นวิธีการตลาดล่างสุด ๆ ทั้งที่ตัวเองก็ครวญเสมอว่าโดน 112 เล่นงาน
ชนะแน่ ๆ จึงฉวยโอกาสไปสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง
จึงน่าสงสัยในความจริงใจของทักษิณ
นายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ วันนี้ ต้องเล่นบทเป็นเบี้ยในกระดาน ให้อำนาจพอใจ เพื่อความอยู่รอด
น่าอดสูจริง ๆ
หาเสียงอุดรธานี ไม่น่าเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้วิธีการตลาดล่างถึงขนาดนี้
ในความเป็นจริง การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่จะมีขึ้น 24 พ.ย. นี้ นั้น
พรรคเพื่อไทยได้เปรียบมาก มีโอกาสชนะใส ๆ จะชนะมากหรือน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง
เพราะฐานเสียงมีมากกว่า เพื่อไทยมี สส. 7 เขต (รวม ทสท.อีก 2 เขต) ขณะประชาชนมี สส.แค่เขตเดียว
และการเลือกตั้งท้องถิ่นแบบนี้ ไม่มีการเลือกตั้งนอกเขต ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อไทยได้เปรียบทุกประตู
ไม่มีเลือกตั้งนอกเขต คนอุดรที่ไปทำงานที่อื่นก็ไม่ได้เลือก
ไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า คนอุดรที่ติดธุระ ที่ไปทำธุระที่อื่นก็ไม่ได้เลือก
ซึ่งคนสองกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่นิยมพรรคส้มกันทั้งนั้น พรรคส้มจึงขาดเสียงไปเยอะ
พรรคใดมีฐานเสียงท้องถิ่นมากกว่า จึงได้เปรียบมาก พรรคส้มจึงชนะยากในระดับท้องถิ่น
แต่ขนาดนี้ เพื่อไทยยังใช้วิธีตลาดล่างในการหาเสียง
เป็นวิธีการตลาดล่างมาก เป็นวิธีการที่ดูถูกคนอุดรฯว่าโง่
เพราะจังหวัดหนองบัวลำภู คืออำเภอหนึ่งของอุดร แยกตัวออกเป็นจังหวัดเมื่อปี 36
ซึ่งตอนนั้น ผู้สมัครพรรคประชาชนอายุเบญจเพศแล้ว จึงถือว่าเป็นคนอุดรธานีร้อยเปอร์เซนต์ฺ
และผู้สมัครพรคคส้ม ยังลงการเมืองท้องถิ่นในอุดรจนถึงขั้นเคยเป็นรองนายก อบจ.อุดรมาแล้วหนึ่งสมัย
การใช้วิธีว่าไม่ใช่คนอุดรนี่ จึงตลาดล่างสุด ๆ
ทักษิณเลือกไปอุดร เพื่อแสดงบทบาทโชว์ลีลาให้เข้าตาอำนาจที่ขึ่คอทักษิณอยู่
ก็เพราะมั่นใจว่า เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. แน่ ๆ
ทักษิณต้องการแสดงให้อำนาจเห็นว่า เขาเล่นงานพรรคส้มได้
และอวดให้เห็นว่า เขามีมวลชนหนุนหลังอยู่มาก เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขต่อรอง หากอำนาจจะทำอะไรเขา
ทักษิณลงทุนเสียคน ถึงขนาดพูดเชิงกล่าวหาธนาธร และพรรคส้ม
ในเรื่อง 112 เรื่องความจงรักภักดี เป็นวิธีการตลาดล่างสุด ๆ ทั้งที่ตัวเองก็ครวญเสมอว่าโดน 112 เล่นงาน
ชนะแน่ ๆ จึงฉวยโอกาสไปสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง
จึงน่าสงสัยในความจริงใจของทักษิณ
นายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ วันนี้ ต้องเล่นบทเป็นเบี้ยในกระดาน ให้อำนาจพอใจ เพื่อความอยู่รอด
น่าอดสูจริง ๆ