อียิปต์และการแสวงหาชีวิตอันเป็นนิรันดร์
ประวัติศาสตร์ที่มีความลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่แห่ง “ อียิปต์”
ทริปนี้เกิดจากการดูหลังเรื่องThe Mummy และ The Mummy Returns ส่วนตัวสนใจประวัติศาสตร์และการทำมัมมี่
เลยตัดสินใจที่จะไปอียิปต์ เริ่มต้นที่
ไคโร > อัสวาน Aswan > ลูเซอร์ Luxor > กัวเซรา El Qoseir
“ ไคโร “ เมืองหลวงของอียิปต์
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า จะมาเที่ยวอียิปต์มันอาจจะไม่ได้สะดวกสบายเท่าไหร่นัก ที่นี่ยังคงมีความล้าหลังเหลืออยู่ให้เห็น
ส่วนใครที่ชอบความดิบ ความเรียล ที่อียิปต์น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
การขอวีซ่าที่ใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่ง 3 อาทิตย์กว่าจะอนุมัติ ได้วีซ่ามา 1 เดือน
ก่อนมาบอกตามตรงว่าไม่มีเวลาศึกษาเกี่ยวกับอียิปต์มากเท่าไหร่ (ดูแค่ในหนัง) ใช้วิธีการจองทุกอย่างผ่านเอเจนซี่ทัวร์ ทริปนี้เราไปทั้งหมด 12 วัน
(รวมเดินทาง ) หลักๆใช้บริการของ
SPRING TOURS
สภาพอากาศ เดินทาง 20 มีนาคม 22 – 31 มีนาคม 22 ช่วงที่เดินทางลมแรง อากาศเย็น อุณภูมิอยู่ที่ 10 – 23 องศาโดยประมาณ
บางวันแดดไม่ออก กลางคืนจะเย็นนะคะ อย่าลืมเสื้ออุ่นๆเผื่อด้วยนะคะ
มาตรการโควิดที่นี่ ใช้แค่ใบรับรองการฉีดวัคซีนเท่านั้น มาถึงประมาณตีสามครึ่ง ไกด์มารับที่สนามบิน ทริปนี้เราพักที่ไคโร 3 คืนรวมวันที่เดินทางที่โรงแรม Steigenberger Hotel El Tahrir Cairo ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองไคโร
เช้าวันที่ 1 ในไคโร ไกด์มารับที่โรงแรมประมาณ 10 โมง วันนี้สายหน่อยเพราะเราเดินทางมาถึงเช้า จากนั้นก็ขับรถพาไปชมพิพิธภัณฑ์ในไคโร Egyptian Museum พิพิธภัณฑ์ห่างจากโรงแรมไม่ไกลนัก ( พิพิธภัณฑ์เก่า ใหม่จะเปิดเดือนมิถุนา 22) วันนี้อากาศไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ มีลมแรงและหนาวหน่อย ไกด์พาเข้าชมพร้อมเล่าประวัติของวัตถุโบราณที่ขุดค้นเจอ บางชิ้นยังสมบูรณ์แบบมาก แม้เวลาจะผ่านไปหลายพันปีก็ตาม ซึ่งการแสดงคอลเลกชันโบราณวัตถุอียิปต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีการโชว์ของโบราณที่ขุดค้นพบมากกว่า 120,000 รายการ
หนึ่งในคอลเล็กชั่นที่มีชื่อเสียงที่สุดคงเป็นTut Ankh Amun Treasures ที่ค้นพบแบบสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่เคยค้นพบมา
โลงศพ จะมีหลายแบบ สำหรับคนที่มีตำแหน่งชนชั้น ยกตัวอย่างโลงศพชั้นในของมัมมี่ ฟาโรห์ ตุตันคามูน มีชั้นที่ทำจากไม้เคลือบทองคำแท้ อีกชั้นเป็นหินอ่อน และเมื่อเปิดโลงออกมาก็พบว่าหน้ากากเป็นทองคำแท้ทั้ง 45 กิโล ตกแต่งลวดลายด้วยหินสีต่างๆ ( ห้ามถ่ายด้านใน ภาพบางส่วนจากอินเตอร์เน็ต)
หน้ากาก Tut Ankh Amun ที่ทำจากทองคำและหิน (ภาพจาก SPRING TOURS )
ภาพที่ตอนค้นพบ
ผู้ที่เขียนเรื่องราวไว้บนกระดาษปาปิรุส
มัมมี่ย่าของ Tut Ankh Amun
การทำมัมมี่นั้น ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเป็นการรักษาศพ เพื่อรอการเกิดใหม่อีกครั้ง โดยที่จะนำศพมาทำความสะอาด จากนั้นทำการดึงเอาสมองคนตายออกมาทางรูจมูก และใช้มีดกรีดข้างลำตัวเพื่อควักอวัยวะภายในออกมา เหลือไว้แค่หัวใจ และจากนั้นจึงชำระช่องท้องให้สะอาดก่อนนำร่างไปตากแห้ง นอกจากขั้นตอนการรักษาร่างแล้ว อวัยวะภาย ตับ ลำไส้ ปอด และกระเพาะอาหาร จะถูกห่อรวมกันไว้และเก็บรักษาไว้พร้อมร่าง
หรือถ้าสำหรับฟาโรห์ หรือเหล่าขุนนาง คนรวย ในยุคนั้นจะใช้โถเก็บอวัยวะภายในของผู้ตาย 1 ชุด มี 4 ใบ นิยมใช้วัสดุเป็นหินต่างๆ แยกชิ้นส่วนอวัยวะทั้งสี่ไว้ในโถแต่ละใบ และในการทำมัมมี่สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกส่วนคือหน้ากากมัมมี่ ไว้เพื่อปกปิดส่วนใบหน้าและอกนั่นเอง
โลงศพ จะมีหลายแบบ สำหรับคนที่มีตำแหน่งชนชั้น ยกตัวอย่างโลงศพชั้นในของมัมมี่ ฟาโรห์ ตุตันคามูน มีชั้นที่ทำจากไม้เคลือบทองคำแท้ อีกชั้นเป็นหินอ่อน และเมื่อเปิดโลงออกมาก็พบว่าหน้ากากเป็นทองคำแท้ทั้ง 45 กิโล ตกแต่งลวดลายด้วยหินสีต่างๆ ( ห้ามถ่ายด้านใน ภาพบางส่วนจากอินเตอร์เน็ต)
นอกจากมัมมี่คนแล้ว ชาวอียิปต์โบราณยังทำมัมมี่จากสัตว์ต่างๆ เช่น มัมมี่แมว มัมมี่สิงโต และ มัมมี่หมา หรือแม้กระทั่งจระเข้ เพราะชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าในสัตว์แต่ละชนิดจะมีเทพแต่งต่างกันออกไป ไว้เพื่อปกป้องมัมมี่ที่เป็นมนุษย์
เสร็จจากพิพิธภัณฑ์ก็ไปรับประอาหารกลางวันแถวๆย่าน Abdeen จำชื่อร้านไม่ได้
เป็นบุฟเฟ่ โชคดีที่ พกน้ำพริกจากไทยมาด้วย อาหารบ้านเขาไม่เผ็ดเลย
ทานข้าวเสร็จก็ออกเดินทางไปชมมัสยิด มัสยิดอัมร์อิบันอัล – อัส (Amr ibn Al-A'as Mosque)
มัสยิด มัสยิดอัมร์อิบันอัล – อัส (Amr ibn Al-A'as Mosque)
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปยัง ตลาดที่มีชื่อเสีงที่สุดในอียิปต์ Khan Al-Khalili (ข่าน เอล คาลิลี่) เป็นตลาดที่เต็มไปด้วยของฝากมากมาย เป็นจุดหลักๆที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างมาก การเดินตลาดที่นี่ต้องใจแข็ง ไกด์บอกว่าอยากได้อะไรห้ามทำเป็นตื่นเต้นอยากได้ และต้องต่อราคาให้สุดๆ ครึ้งๆเลยก็ได้ ของจะคล้ายๆกันทุกร้าน
จบโปรแกรมวันที่หนึ่ง โดยมื้อค่ำก็ฝากท้องไว้ที่โรงแรมค่ะ
“การคมนาคมที่ไคโร ”
ที่นี่มีความหลากหลายบนท้องถนนมาก มีรถยนต์ จักรยานยนต์ จักรยาน ม้า และ ลา
สำหรับใครที่จะมาอียิปต์ อย่าได้คิดว่าจะขับรถเองเลยค่ะ บอกได้ว่าโหด เพราะที่นี่คนอยากจะข้ามก็ข้าม ไม่ต้องถามหาทางม้าลาย
แถมรถยังติดสุดๆอีกด้วย การบีบแตรถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก
“อาหารการกิน”
มาอียิปต์ควรพกยาแก้ท้องเสียมาด้วย อาหารที่ไม่ปรุงสุก ข้างทาง อย่าได้อยากลอง เพราะนั่นจะทำให้คุณท้องเสียแน่นอน สำหรับทริปนี้เราเน้นที่ร้านอาหาร ที่ทางทัวร์แนะนำเรื่องความสะอาด ( แต่อย่าคาดหวังอะไรมากนะ)
มื้อแรกที่โรงแรม ยังมีท้องเสียเลย “น้ำ” ดื่มจากขวดเท่านั้นนะ
บอกก่อนนะ โดยทั่วไปคนที่นี่ไม่ว่าจะไกด์ คนขับรถ หรือแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำก็ต้องมีทิป วันแรกลงเครื่อง ที่สนามบินเข้าห้องน้ำ พนักงานถามหาทิป งง ซิ!!
แต่ไม่ได้ให้นะคะ
วันที่2 วันนี้อากาศดี เย็นนิดหน่อยพร้อมลมเบาๆ
โปรแกรมวันนี้ออก 08.00 น ออกเดินทางไปยังพิระมิด The Great Pyramid of Giza > เมมฟิส Memphis > สักการา Sakkara
มหาพีระมิดโบราณ สุสานเพื่อการกำเนิดใหม่
มหาพีระมิดกีซา หรือ The Great Pyramid of Giza
อายุกว่า 5,000 ปี เป็นการก่อสร้างที่ต้องอาศัยการคำนวนอย่างละเอียด พิระมิที่ดูยิ่งใหญ่อลังการนี้ มันมีไว้สำหรับฝังพระศพของกษัตริย์อียิปต์โบราณ
ชาวอียิปต์นั้นมีความเชื่อว่า คนที่ตายไปแล้วจะกลับคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง พีระมิด ใช้เวลาในการสร้างกว่า 20 ปี
คิดดูว่าน่าทึ่งแค่ไหนกับการสร้างโดยใช้แรงงานคน ขนหินทีละก้อนมาวางเรียงรายหลายสิบชั้น หินที่สร้างเป็นแกรนนิดโดยจะขนจากอีกที่หนึ่ง ซึ่งไกลกว่า
10กิโลเมตร โดยความสูงที่ 147เมตร ( ประมาณอาคาร 40 ชั้น) ฐานทั้ง 4 ด้านของพีระมิดคีออปส์กว้างด้านละประมาณ
230 เมตร ด้านทั้ง 4 ของพีระมิดหันออกในแนวทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก
ที่น่าทึ่งอีกหนึ่งคือ “ สฟิงซ์” ที่ตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางพีระมิด โดยการสร้าง สฟิงซ์ นั้นใช้หินก้อนยักษ์เพียง1 ก้อนแกะสลักมีความยาวของลำตัวที่ 73.5 เมตร สูง 21 เมตร
สฟิงซ์เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของกษัตริย์ หรือเป็นสัตว์ที่มีชาญฉลาดและมีพลังเพื่อปกป้องพระศพและทรัพย์สมบัติภายในพีระมิด ส่วนรูปร่างหน้าตานั่น เป็นสัตว์ลูกผสม ระหว่างมนุษย์กับสิงโต โดยใช้แบบเดียวกับสัญลักษณ์ องค์ฟาโรห์อียิปต์ ที่ใช้ทำหน้ากากมัมมี่ แต่เนื่องจากระยะเวลาผ่านไปหลายพันปี บวกกับอียิปต์มีพายุทะเลทรายจึงทำให้เสียหายอย่างมาก จินตนาการว่า หน้ากากตัวเป็นสิงโต ตัวใหญ่ยักษ์ท่ามกลางทะเลทราย จะดูน่าเกรงขามขนาดไหนเชียว มันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงมาก
สักการา Sakkara
( ฝากติดตามต่อไปยัง อัสวาน ลัคเซอร์ และปิดทริปที่ทะเลอียิปต์ค่ะ ติดตามได้ในคอมเมนต์นะคะ ขอบคุณค่ะ )
[CR] เที่ยว อียิปต์ ดินแดนประวัติศาสตร์ใต้ท้องทะเลทราย
ประวัติศาสตร์ที่มีความลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่แห่ง “ อียิปต์”
ทริปนี้เกิดจากการดูหลังเรื่องThe Mummy และ The Mummy Returns ส่วนตัวสนใจประวัติศาสตร์และการทำมัมมี่
เลยตัดสินใจที่จะไปอียิปต์ เริ่มต้นที่ ไคโร > อัสวาน Aswan > ลูเซอร์ Luxor > กัวเซรา El Qoseir
“ ไคโร “ เมืองหลวงของอียิปต์
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า จะมาเที่ยวอียิปต์มันอาจจะไม่ได้สะดวกสบายเท่าไหร่นัก ที่นี่ยังคงมีความล้าหลังเหลืออยู่ให้เห็น
ส่วนใครที่ชอบความดิบ ความเรียล ที่อียิปต์น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
การขอวีซ่าที่ใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่ง 3 อาทิตย์กว่าจะอนุมัติ ได้วีซ่ามา 1 เดือน
ก่อนมาบอกตามตรงว่าไม่มีเวลาศึกษาเกี่ยวกับอียิปต์มากเท่าไหร่ (ดูแค่ในหนัง) ใช้วิธีการจองทุกอย่างผ่านเอเจนซี่ทัวร์ ทริปนี้เราไปทั้งหมด 12 วัน
(รวมเดินทาง ) หลักๆใช้บริการของ SPRING TOURS
สภาพอากาศ เดินทาง 20 มีนาคม 22 – 31 มีนาคม 22 ช่วงที่เดินทางลมแรง อากาศเย็น อุณภูมิอยู่ที่ 10 – 23 องศาโดยประมาณ
บางวันแดดไม่ออก กลางคืนจะเย็นนะคะ อย่าลืมเสื้ออุ่นๆเผื่อด้วยนะคะ
มาตรการโควิดที่นี่ ใช้แค่ใบรับรองการฉีดวัคซีนเท่านั้น มาถึงประมาณตีสามครึ่ง ไกด์มารับที่สนามบิน ทริปนี้เราพักที่ไคโร 3 คืนรวมวันที่เดินทางที่โรงแรม Steigenberger Hotel El Tahrir Cairo ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองไคโร
เช้าวันที่ 1 ในไคโร ไกด์มารับที่โรงแรมประมาณ 10 โมง วันนี้สายหน่อยเพราะเราเดินทางมาถึงเช้า จากนั้นก็ขับรถพาไปชมพิพิธภัณฑ์ในไคโร Egyptian Museum พิพิธภัณฑ์ห่างจากโรงแรมไม่ไกลนัก ( พิพิธภัณฑ์เก่า ใหม่จะเปิดเดือนมิถุนา 22) วันนี้อากาศไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ มีลมแรงและหนาวหน่อย ไกด์พาเข้าชมพร้อมเล่าประวัติของวัตถุโบราณที่ขุดค้นเจอ บางชิ้นยังสมบูรณ์แบบมาก แม้เวลาจะผ่านไปหลายพันปีก็ตาม ซึ่งการแสดงคอลเลกชันโบราณวัตถุอียิปต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีการโชว์ของโบราณที่ขุดค้นพบมากกว่า 120,000 รายการ
หนึ่งในคอลเล็กชั่นที่มีชื่อเสียงที่สุดคงเป็นTut Ankh Amun Treasures ที่ค้นพบแบบสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่เคยค้นพบมา
โลงศพ จะมีหลายแบบ สำหรับคนที่มีตำแหน่งชนชั้น ยกตัวอย่างโลงศพชั้นในของมัมมี่ ฟาโรห์ ตุตันคามูน มีชั้นที่ทำจากไม้เคลือบทองคำแท้ อีกชั้นเป็นหินอ่อน และเมื่อเปิดโลงออกมาก็พบว่าหน้ากากเป็นทองคำแท้ทั้ง 45 กิโล ตกแต่งลวดลายด้วยหินสีต่างๆ ( ห้ามถ่ายด้านใน ภาพบางส่วนจากอินเตอร์เน็ต)
หน้ากาก Tut Ankh Amun ที่ทำจากทองคำและหิน (ภาพจาก SPRING TOURS )
ภาพที่ตอนค้นพบ
ผู้ที่เขียนเรื่องราวไว้บนกระดาษปาปิรุส
มัมมี่ย่าของ Tut Ankh Amun
การทำมัมมี่นั้น ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเป็นการรักษาศพ เพื่อรอการเกิดใหม่อีกครั้ง โดยที่จะนำศพมาทำความสะอาด จากนั้นทำการดึงเอาสมองคนตายออกมาทางรูจมูก และใช้มีดกรีดข้างลำตัวเพื่อควักอวัยวะภายในออกมา เหลือไว้แค่หัวใจ และจากนั้นจึงชำระช่องท้องให้สะอาดก่อนนำร่างไปตากแห้ง นอกจากขั้นตอนการรักษาร่างแล้ว อวัยวะภาย ตับ ลำไส้ ปอด และกระเพาะอาหาร จะถูกห่อรวมกันไว้และเก็บรักษาไว้พร้อมร่าง
หรือถ้าสำหรับฟาโรห์ หรือเหล่าขุนนาง คนรวย ในยุคนั้นจะใช้โถเก็บอวัยวะภายในของผู้ตาย 1 ชุด มี 4 ใบ นิยมใช้วัสดุเป็นหินต่างๆ แยกชิ้นส่วนอวัยวะทั้งสี่ไว้ในโถแต่ละใบ และในการทำมัมมี่สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกส่วนคือหน้ากากมัมมี่ ไว้เพื่อปกปิดส่วนใบหน้าและอกนั่นเอง
โลงศพ จะมีหลายแบบ สำหรับคนที่มีตำแหน่งชนชั้น ยกตัวอย่างโลงศพชั้นในของมัมมี่ ฟาโรห์ ตุตันคามูน มีชั้นที่ทำจากไม้เคลือบทองคำแท้ อีกชั้นเป็นหินอ่อน และเมื่อเปิดโลงออกมาก็พบว่าหน้ากากเป็นทองคำแท้ทั้ง 45 กิโล ตกแต่งลวดลายด้วยหินสีต่างๆ ( ห้ามถ่ายด้านใน ภาพบางส่วนจากอินเตอร์เน็ต)
นอกจากมัมมี่คนแล้ว ชาวอียิปต์โบราณยังทำมัมมี่จากสัตว์ต่างๆ เช่น มัมมี่แมว มัมมี่สิงโต และ มัมมี่หมา หรือแม้กระทั่งจระเข้ เพราะชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าในสัตว์แต่ละชนิดจะมีเทพแต่งต่างกันออกไป ไว้เพื่อปกป้องมัมมี่ที่เป็นมนุษย์
เสร็จจากพิพิธภัณฑ์ก็ไปรับประอาหารกลางวันแถวๆย่าน Abdeen จำชื่อร้านไม่ได้
เป็นบุฟเฟ่ โชคดีที่ พกน้ำพริกจากไทยมาด้วย อาหารบ้านเขาไม่เผ็ดเลย
ทานข้าวเสร็จก็ออกเดินทางไปชมมัสยิด มัสยิดอัมร์อิบันอัล – อัส (Amr ibn Al-A'as Mosque)
มัสยิด มัสยิดอัมร์อิบันอัล – อัส (Amr ibn Al-A'as Mosque)
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปยัง ตลาดที่มีชื่อเสีงที่สุดในอียิปต์ Khan Al-Khalili (ข่าน เอล คาลิลี่) เป็นตลาดที่เต็มไปด้วยของฝากมากมาย เป็นจุดหลักๆที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างมาก การเดินตลาดที่นี่ต้องใจแข็ง ไกด์บอกว่าอยากได้อะไรห้ามทำเป็นตื่นเต้นอยากได้ และต้องต่อราคาให้สุดๆ ครึ้งๆเลยก็ได้ ของจะคล้ายๆกันทุกร้าน
จบโปรแกรมวันที่หนึ่ง โดยมื้อค่ำก็ฝากท้องไว้ที่โรงแรมค่ะ
“การคมนาคมที่ไคโร ”
ที่นี่มีความหลากหลายบนท้องถนนมาก มีรถยนต์ จักรยานยนต์ จักรยาน ม้า และ ลา
สำหรับใครที่จะมาอียิปต์ อย่าได้คิดว่าจะขับรถเองเลยค่ะ บอกได้ว่าโหด เพราะที่นี่คนอยากจะข้ามก็ข้าม ไม่ต้องถามหาทางม้าลาย
แถมรถยังติดสุดๆอีกด้วย การบีบแตรถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก
“อาหารการกิน”
มาอียิปต์ควรพกยาแก้ท้องเสียมาด้วย อาหารที่ไม่ปรุงสุก ข้างทาง อย่าได้อยากลอง เพราะนั่นจะทำให้คุณท้องเสียแน่นอน สำหรับทริปนี้เราเน้นที่ร้านอาหาร ที่ทางทัวร์แนะนำเรื่องความสะอาด ( แต่อย่าคาดหวังอะไรมากนะ)
มื้อแรกที่โรงแรม ยังมีท้องเสียเลย “น้ำ” ดื่มจากขวดเท่านั้นนะ
บอกก่อนนะ โดยทั่วไปคนที่นี่ไม่ว่าจะไกด์ คนขับรถ หรือแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำก็ต้องมีทิป วันแรกลงเครื่อง ที่สนามบินเข้าห้องน้ำ พนักงานถามหาทิป งง ซิ!!
แต่ไม่ได้ให้นะคะ
วันที่2 วันนี้อากาศดี เย็นนิดหน่อยพร้อมลมเบาๆ
โปรแกรมวันนี้ออก 08.00 น ออกเดินทางไปยังพิระมิด The Great Pyramid of Giza > เมมฟิส Memphis > สักการา Sakkara
มหาพีระมิดโบราณ สุสานเพื่อการกำเนิดใหม่
มหาพีระมิดกีซา หรือ The Great Pyramid of Giza
อายุกว่า 5,000 ปี เป็นการก่อสร้างที่ต้องอาศัยการคำนวนอย่างละเอียด พิระมิที่ดูยิ่งใหญ่อลังการนี้ มันมีไว้สำหรับฝังพระศพของกษัตริย์อียิปต์โบราณ
ชาวอียิปต์นั้นมีความเชื่อว่า คนที่ตายไปแล้วจะกลับคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง พีระมิด ใช้เวลาในการสร้างกว่า 20 ปี
คิดดูว่าน่าทึ่งแค่ไหนกับการสร้างโดยใช้แรงงานคน ขนหินทีละก้อนมาวางเรียงรายหลายสิบชั้น หินที่สร้างเป็นแกรนนิดโดยจะขนจากอีกที่หนึ่ง ซึ่งไกลกว่า
10กิโลเมตร โดยความสูงที่ 147เมตร ( ประมาณอาคาร 40 ชั้น) ฐานทั้ง 4 ด้านของพีระมิดคีออปส์กว้างด้านละประมาณ
230 เมตร ด้านทั้ง 4 ของพีระมิดหันออกในแนวทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก
ที่น่าทึ่งอีกหนึ่งคือ “ สฟิงซ์” ที่ตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางพีระมิด โดยการสร้าง สฟิงซ์ นั้นใช้หินก้อนยักษ์เพียง1 ก้อนแกะสลักมีความยาวของลำตัวที่ 73.5 เมตร สูง 21 เมตร
สฟิงซ์เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของกษัตริย์ หรือเป็นสัตว์ที่มีชาญฉลาดและมีพลังเพื่อปกป้องพระศพและทรัพย์สมบัติภายในพีระมิด ส่วนรูปร่างหน้าตานั่น เป็นสัตว์ลูกผสม ระหว่างมนุษย์กับสิงโต โดยใช้แบบเดียวกับสัญลักษณ์ องค์ฟาโรห์อียิปต์ ที่ใช้ทำหน้ากากมัมมี่ แต่เนื่องจากระยะเวลาผ่านไปหลายพันปี บวกกับอียิปต์มีพายุทะเลทรายจึงทำให้เสียหายอย่างมาก จินตนาการว่า หน้ากากตัวเป็นสิงโต ตัวใหญ่ยักษ์ท่ามกลางทะเลทราย จะดูน่าเกรงขามขนาดไหนเชียว มันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงมาก
สักการา Sakkara
( ฝากติดตามต่อไปยัง อัสวาน ลัคเซอร์ และปิดทริปที่ทะเลอียิปต์ค่ะ ติดตามได้ในคอมเมนต์นะคะ ขอบคุณค่ะ )
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้