สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ผมลบไปหลายคนอยู่นะ
คนแรก ฐานะที่บ้านเค้าไม่ค่อยดี อาจจะอยู่ในระดับปานกลางล่ะมั้ง คือแค่เกือบปานกลาง พ่อเค้าไม่ได้ทำอะไร แม่ขายของอะไรเล็กน้อย แบบเปลี่ยนไปเรื่อย เค้าคบกับผมเพราะฐานะมั้ยไม่รู้นะ รู้แต่ว่า เวลาขึ้นรถ Taxi ทีไร ไม่เคยช่วยออกค่ารถเลย ผมก็ไม่เคยเก็บ คือเราขึ้นบ่อยไงครับ เพราะเค้าก็ไม่ค่อยมี แต่คือเค้าขึ้นฟรีทุกอาทิตย์เลย รวมกันเป็นเวลาหลายปี
แถมหมอนี่ กลัวคนถึงขนาดที่ว่า ยอมไปเป็นลูกน้องอัธพาลในห้อง คอยยกกระเป๋า ซื้อของให้กิน แต่จุดพีคมันคือ ครั้งนึงอันธพาลในห้องอยากให้พวกเราแตกกัน มันก็เลยสั่งให้ผมตบหัวเพื่อนผม แล้วบอกว่า ถ้าผมทำแล้ว มันจะไม่แกล้งผม แต่ผมก็ไม่ยอมทำ มันก็เลยยื่นข้อเสนอไปให้เพื่อนผมแทน ปรากฏเพื่อนผมทำทันที แลกกับการที่ไม่ต้องโดนอัด
ลองคิดว่าเป็นสถานการณ์ข้างนอกดูสิครับ ถ้าไปมีเรื่องกับคนอื่น แล้วโดนยื่นข้อเสนอแบบนี้ โดยมีปืนเป็นตัวชี้วัด ผมคงถูกเพื่อนยิงทิ้งไปแล้ว
คนที่ 2 สมัยมหาลัย ผมสนิทกับหมอนี่นะ มาแนวเดิม อาศัยนั่งรถผมฟรีตลอด ไม่เคยช่วยออกอะไรเลย อันนี้พิมพ์ถึง Taxi นะครับ คือผมจะต้องลงที่บ้านก่อน คือผมนั่งกลับส่วนตัวอยู่แล้วไง มันก็จะใช้โอกาสนี้ นั่งฟรีต่อไปถึงบ้านมัน โดยที่มันไม่ต้องเสียค่า 35 บาทแรก จนตอนหลังผมเริ่มขึ้นรถเมล์เป็น ก็เลยกลับรถเมล์แทน
แต่มันพีคตรง ตอนเรียนจบ มันถามผมว่า ทำงานยัง ผมก็บอกว่ายัง แล้วมันก็บอกผมว่า คงไม่ทำงานสินะ เกาะพ่อแม่กิน ผมปิดช่องทางการติดต่อมันทันที ทั้งที่ตอนยังไม่รับปริญญา ผมยังไปเป็นพนักงานขายผักอยู่ที่โลตัสอยู่เลย คือมันใกล้บ้านไงครับ แล้วคือพวกนี้มันไม่ทำงานอะไรพวกนี้ด้วยนะ ชอบดูถูกอาชีพขั้นต่ำ
คนที่ 3 เค้าเสียอย่างเดียว ชอบมองหน้าตาคน ประมาณชอบมองคนที่หน้าตาคนอื่น ผมล่ะเกลียดคนประเภทนี้ คือถ้าไม่ตาบอดคงไม่รู้สึก ผมก็เลยถอยห่างออกมา
ผมลบไปหลายคนอยู่นะ
คนแรก ฐานะที่บ้านเค้าไม่ค่อยดี อาจจะอยู่ในระดับปานกลางล่ะมั้ง คือแค่เกือบปานกลาง พ่อเค้าไม่ได้ทำอะไร แม่ขายของอะไรเล็กน้อย แบบเปลี่ยนไปเรื่อย เค้าคบกับผมเพราะฐานะมั้ยไม่รู้นะ รู้แต่ว่า เวลาขึ้นรถ Taxi ทีไร ไม่เคยช่วยออกค่ารถเลย ผมก็ไม่เคยเก็บ คือเราขึ้นบ่อยไงครับ เพราะเค้าก็ไม่ค่อยมี แต่คือเค้าขึ้นฟรีทุกอาทิตย์เลย รวมกันเป็นเวลาหลายปี
แถมหมอนี่ กลัวคนถึงขนาดที่ว่า ยอมไปเป็นลูกน้องอัธพาลในห้อง คอยยกกระเป๋า ซื้อของให้กิน แต่จุดพีคมันคือ ครั้งนึงอันธพาลในห้องอยากให้พวกเราแตกกัน มันก็เลยสั่งให้ผมตบหัวเพื่อนผม แล้วบอกว่า ถ้าผมทำแล้ว มันจะไม่แกล้งผม แต่ผมก็ไม่ยอมทำ มันก็เลยยื่นข้อเสนอไปให้เพื่อนผมแทน ปรากฏเพื่อนผมทำทันที แลกกับการที่ไม่ต้องโดนอัด
ลองคิดว่าเป็นสถานการณ์ข้างนอกดูสิครับ ถ้าไปมีเรื่องกับคนอื่น แล้วโดนยื่นข้อเสนอแบบนี้ โดยมีปืนเป็นตัวชี้วัด ผมคงถูกเพื่อนยิงทิ้งไปแล้ว
คนที่ 2 สมัยมหาลัย ผมสนิทกับหมอนี่นะ มาแนวเดิม อาศัยนั่งรถผมฟรีตลอด ไม่เคยช่วยออกอะไรเลย อันนี้พิมพ์ถึง Taxi นะครับ คือผมจะต้องลงที่บ้านก่อน คือผมนั่งกลับส่วนตัวอยู่แล้วไง มันก็จะใช้โอกาสนี้ นั่งฟรีต่อไปถึงบ้านมัน โดยที่มันไม่ต้องเสียค่า 35 บาทแรก จนตอนหลังผมเริ่มขึ้นรถเมล์เป็น ก็เลยกลับรถเมล์แทน
แต่มันพีคตรง ตอนเรียนจบ มันถามผมว่า ทำงานยัง ผมก็บอกว่ายัง แล้วมันก็บอกผมว่า คงไม่ทำงานสินะ เกาะพ่อแม่กิน ผมปิดช่องทางการติดต่อมันทันที ทั้งที่ตอนยังไม่รับปริญญา ผมยังไปเป็นพนักงานขายผักอยู่ที่โลตัสอยู่เลย คือมันใกล้บ้านไงครับ แล้วคือพวกนี้มันไม่ทำงานอะไรพวกนี้ด้วยนะ ชอบดูถูกอาชีพขั้นต่ำ
คนที่ 3 เค้าเสียอย่างเดียว ชอบมองหน้าตาคน ประมาณชอบมองคนที่หน้าตาคนอื่น ผมล่ะเกลียดคนประเภทนี้ คือถ้าไม่ตาบอดคงไม่รู้สึก ผมก็เลยถอยห่างออกมา
แสดงความคิดเห็น
ตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยจนทำงาน มีใครที่ไม่ติดต่อกับเพื่อนมัธยมบ้างคะ ? ฟีลแบบเลิกคบไปเลย
เราคือหนึ่งในนั้น เพราะมีความทรงจำที่ไม่ดีกับเพื่อนวัยมัธยม
แล้วล่าสุดเห็นในสตอรี่ไอจีเพื่อนที่จบมัธยมมารุ่นเดียวกันว่าเขานัดไปกินข้าวไปเจอกัน เขาไม่ชวนบวกกับเราไม่ว่างด้วยค่ะ ถ้าให้เลือกเราคงไม่อยากไปเพราะมันไม่สนิทใจไปแล้วอ่ะ ถึงเรื่องที่ผ่านมา8ปีแล้ว เราก็ลืมๆไปบ้าง จะให้ไปนั่งเม้าคุยกันหัวเราะกัน มันก็คงรู้สึกแปลกๆเนอะ 5555555 ตอนสมัยมัธยมมัปัญหากันค่อนข้างเยอะ เขาว่ากันว่าพออายุมากขึ้นเราจะมีเพื่อนในชีวิตน้อยลงเพราะเราเลือกคบอันนี้น่าจะจริง