คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 28
มีคนเดียว สบายไปแต่ถ้าเจอเหตุการณ์อย่านั้นส่วนตัวจะเลือก ทางออกแบบนี้
1. เก็บเงินจำนวนเท่ากันให้คนที่ค่าเทอมถูกกว่า (เพราะเค้าพยายามมากกว่า) ใส่บัญชี ให้ไป summer ตปท. หรือรางวัลเป็นครั้งคราว
2. อธิบายให้ลูกคนที่ค่าเทอมแพงฟังว่า พี่สอบได้พี่เลยได้ส่วนนี้ ส่วนเราสอบไม่ได้ ใช้เงินเยอะกว่าพี่ เลยอดส่วนนี้ไป
เช่น ค่าเทอม 70000 อาจจะมีงบให้คนละแสน คนน้องเหลือ 30000 พี่อาจจะเหลือ 80000 เป็นต้น แล้วก็อย่าลืมสอนให้ช่วยเหลือกันในทางที่ถูกที่ควร
1. เก็บเงินจำนวนเท่ากันให้คนที่ค่าเทอมถูกกว่า (เพราะเค้าพยายามมากกว่า) ใส่บัญชี ให้ไป summer ตปท. หรือรางวัลเป็นครั้งคราว
2. อธิบายให้ลูกคนที่ค่าเทอมแพงฟังว่า พี่สอบได้พี่เลยได้ส่วนนี้ ส่วนเราสอบไม่ได้ ใช้เงินเยอะกว่าพี่ เลยอดส่วนนี้ไป
เช่น ค่าเทอม 70000 อาจจะมีงบให้คนละแสน คนน้องเหลือ 30000 พี่อาจจะเหลือ 80000 เป็นต้น แล้วก็อย่าลืมสอนให้ช่วยเหลือกันในทางที่ถูกที่ควร
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าพ่อแม่มีปัญญาและเต็มใจจะส่งเรียนอินเตอร์หรือเรียนนอกทั้งคู่
แต่บังเอิญคนนึงเรียนเก่ง ก็เลยได้ที่ ๆ ฟรี/ถูกและดีด้วย
แบบนี้ไม่ถือว่าพ่อแม่ลำเอียงนะ แต่คือโชคดีที่ลูกช่วยทุ่นค่าใช้จ่าย
แต่ถ้ากำหนดไว้แต่แรกว่าจะส่งดี ๆ แพง ๆ เฉพาะกับคนนึง (พี่หรือน้องก็แล้วแต่)
แต่กับอีกคนยังไงก็ไม่ส่งเรียนแพงแน่ ๆ ถ้าเข้ารร.ดี ๆ ไม่ได้ก็เรียนรร.บ้าน ๆ ไป
อันนี้ถือว่าลำเอียงค่ะ (กรณีแบบนี้เจอเยอะมากกับครอบครัวคนจีนยุคเก่า ๆ ระหว่างลูกสาวกับลูกชาย)
แต่บังเอิญคนนึงเรียนเก่ง ก็เลยได้ที่ ๆ ฟรี/ถูกและดีด้วย
แบบนี้ไม่ถือว่าพ่อแม่ลำเอียงนะ แต่คือโชคดีที่ลูกช่วยทุ่นค่าใช้จ่าย
แต่ถ้ากำหนดไว้แต่แรกว่าจะส่งดี ๆ แพง ๆ เฉพาะกับคนนึง (พี่หรือน้องก็แล้วแต่)
แต่กับอีกคนยังไงก็ไม่ส่งเรียนแพงแน่ ๆ ถ้าเข้ารร.ดี ๆ ไม่ได้ก็เรียนรร.บ้าน ๆ ไป
อันนี้ถือว่าลำเอียงค่ะ (กรณีแบบนี้เจอเยอะมากกับครอบครัวคนจีนยุคเก่า ๆ ระหว่างลูกสาวกับลูกชาย)
ความคิดเห็นที่ 7
จากเคสผมเลยละกัน
พี่ผมไปเรียนเมืองนอก เงินที่บ้าน
พี่ผมต้องเรียนไป ทำงานพิเศษ + ที่บ้านส่งให้
ผ่านไปหลายปี ยุคผม ค่าเงินถูกลง ทุนมีมากขึ้น
ผมไปเรียนเมืองนอก ผมสอบชิงทุนได้
ดังนั้นผมไม่ต้องทำงาน ใช้เงินที่บ้านส่งให้(งบเท่ากัน)
ผมใช้สบายๆ กิน เที่ยว เรียน
คือเอาจริงๆ พี่น้องกัน คุยกันได้
พ่อแม่ คุยอธิบายกับลูกได้
มันไม่ได้ยากเลยครับ
พี่ผมไปเรียนเมืองนอก เงินที่บ้าน
พี่ผมต้องเรียนไป ทำงานพิเศษ + ที่บ้านส่งให้
ผ่านไปหลายปี ยุคผม ค่าเงินถูกลง ทุนมีมากขึ้น
ผมไปเรียนเมืองนอก ผมสอบชิงทุนได้
ดังนั้นผมไม่ต้องทำงาน ใช้เงินที่บ้านส่งให้(งบเท่ากัน)
ผมใช้สบายๆ กิน เที่ยว เรียน
คือเอาจริงๆ พี่น้องกัน คุยกันได้
พ่อแม่ คุยอธิบายกับลูกได้
มันไม่ได้ยากเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
คิดว่าการส่งลูก 2 คน เรียนโรงเรียนที่มีค่าเทอมต่างกัน ถือเป็นควาใหม่ยุติธรรมของพ่อแม่ไหมครับ
1. ต่างกันแต่แรกแบบชัดเจน เช่น คนพี่เรียนรร.ไทย คนน้องเรียนอินเตอร์ หรือ คนพี่เรียนรร.รัฐบาลปกติ น้องเรียน EP หรือเอกชนชื่อดัง
2. ต่างกันไม่เยอะ 2-3 หมื่น แต่กินเวลายาวนาน ตั่งแต่อนุบาล ยันมหาลัย
เช่น การที่ตอนประถมคนพี่เรียนเก่งกว่า สอบเข้าสาธิตติด แต่คนน้องเรียนไม่เก่งเท่า เลยสอบไม่ติด พ่อแม่เลยพาเข้ารร.เอกชนชื่อดัง ซึ่งค่าเทอมแพงกว่า
พอเข้าม.ปลาย พี่ติดมหิดลวิทยานุสรณ์ / กำเนิดวิทย์ (เรียนฟรี) หรือเตรียมอุดม (ค่าเทอมหลักพัน) แต่คนน้องก็ยังสอบไม่ติด เลยเข้าเอกชนชื่อดังแทน
ต่อมาเข้ามหาลัย พี่เรียนม.รัฐ น้องเรียนม.เอกชน หรือเรียนรัฐทั้งคู่ แต่น้องดันเลือกคณะที่ค่าเทอมแพงกว่าพี่มากๆ ส่วนพี่เรียนคณะอื่นที่ค่าเทอมไม่แพงเท่า
อันนี้อาจฟังดูไม่เยอะ แต่ถ้าคิดดูดีๆแล้วเยอะมาก เพราะกว่าจะเรียนประถมจนจบมัธยม มี 12 ปี 24 เทอม ถ้าเรียนมหาลัยคณะที่มี 6 ปี ก็เพิ่มอีก 12 เทอม รวมเป็น 36 เทอม สมมติต่างกันเทอมละ 25000 รวมก็จะต่างกัน 25,000x36 = 900,000 นี่ยังไม่รวมใช้จ่ายที่เป็นค่าสังคมที่ต่างกันอีก
สรุปคือจ่ายให้น้องมากกว่าพี่ล้านนึง
ถ้าการเลี้ยงดูอื่นๆเท่ากันหมด แค่อาจมีรายจ่ายค่าสังคมต่างกันไปตามสังคมเพื่อนที่ลูกอยู่ ทั้งสองกรณีนี้จะถือว่าพ่อแม่ลำเอียง รักลูกไม่เท่ากันไหมครับ
ปล. ทั้งสองเคสมีจริงๆนะครับ เคยเห็นตัวอย่างมาแล้วจากคนใกล้ตัว และที่น่าแปลกคือ มักเป็นคนน้อง ที่ค่าเรียนและค่าสังคมแพงกว่า (น้องชอบแต่งตัว ซื้อเครื่องสำอางดีๆ ใช้แบรนด์เนม ใช้ไอโฟน ย้อมผม/ทำผมตามห้างทุกเดือน) แต่พี่จะใช้จ่ายสมถะ (แต่งตัวลุยๆ เสื้อยืดกางเกงยีน ไม่แต่งหน้า โทรศัพท์เก่าๆ) ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากสังคมเพื่อนที่ต่างกันของพี่น้อง