คลัง ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากสงคราม ส่งออกลด-เงินเฟ้อพุ่ง
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/109827/
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มองภาพรวมเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยุเครน ส่งผลให้ประเทศขนาดใหญ่มีการส่งออกลดลงและเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น
วันนี้( 2 เม.ย.65) นาย
พิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอยู่บ้างจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งมีการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก และสงคราม ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงค่าครองชีพของผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นทั่วโลก โดยจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สหรัฐอเมริกามีมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ลดลงอยู่ที่ 15.5% ในเดือนมกราคม 2565 จากเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 20.6% นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 กับเดือนธันวาคม 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเหลือ 110.5 จาก 115.2 และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 7.9% จากเดิม 7.0%
สำหรับยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% จากเดิม 4.7% ส่วนจีนมีมูลค่าการส่งออกสินค้าลดลงอยู่ที่ 6.1% จาก 20.8%
ขณะที่มาตรการรับมือ นอกจากการแก้ปัญหาระยะสั้นที่หลายๆ ประเทศได้ออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพต่างๆ อาทิ การอุดหนุนหรือควบคุมราคาพลังงานไม่ให้สูงเกินไป และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาระดับเงินเฟ้อในประเทศแล้ว สิ่งที่สำคัญ คือ ประเทศต้องใช้นโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่เหมาะสม ดูแลความเหมาะสมด้านราคา และมีการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กันไป ต้องมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะเอื้อต่อการประหยัดพลังงาน เช่น การสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่ง การพัฒนา energy grid เชื่อมโยงพลังงานระหว่างประเทศต่างๆ การส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า การพัฒนาพลังงานชีวมวลเพื่อเป็นพลังงานทดแทนของประเทศอย่างยั่งยืน เป็นต้น
เพื่อไทย หวั่นบัตรลต.คนละเบอร์ทำบัตรเสียพุ่ง แนะรัฐรับข้อเสนอ เปิดสมัคร ส.ส.เขตก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3267175
เพื่อไทย หวั่นบัตรลต.คนละเบอร์ทำบัตรเสียพุ่ง แนะรัฐรับข้อเสนอ เปิดสมัคร ส.ส.เขตก่อนค่อยสมัครพรรค เพื่อง่ายต่อปชช.
เมื่อวันที่ 2 เมษายน น.ส.
อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า หลังจากในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีมติให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส. กับหมายเลขพรรคการเมืองใช้เป็นคนละหมายเลข ซึ่งเป็นการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งในปี 2550 ซึ่งประเทศไทยเคยมีบทเรียนมาแล้วว่าสร้างผลเสียมากมาย เพราะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เกิดความยุ่งยากและซับซ้อนขึ้น
จนอาจทำให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนไม่เป็นไปเจตนารมณ์ของประชาชน และยังมีโอกาสที่จะทำให้ประชาชนลงคะแนนเสียงผิดโดยไม่ตั้งใจ โอกาสที่จะมีบัตรเสียก็มีมากขึ้นตามไปด้วย และยังทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง จากการที่ ส.ส.เขตจะต้องทำการสื่อสารหาเสียงในพื้นที่ไปพร้อมกับการรณรงค์หาเสียงของพรรค ซึ่งอาจจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยอ่อนแอลงตามไปด้วยเช่นกัน
น.ส.
อรุณี กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดการระบบเลือกตั้งไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนในการเลือกตั้งปี 2550 ไม่นำเอาผลการวิจัยที่คณะกรรมการการเลือกตั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการศึกษาวิจัยเรื่องระบบการเลือกตั้ง พบว่าการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ แต่ใช้คนละเบอร์ทำให้เกิดปัญหาและสร้างความสับสน จนในที่สุดเสียงเป็นเอกฉันท์ให้กลับไปใช้ระบบบัตรเบอร์เดียวในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2554
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การเลือกตั้งทั่วไปซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศได้แสดงสิทธิที่มีอยู่อย่างเท่าเทียมของตนเองในรอบหลายปีที่ประชาชนอยากให้เกิดขึ้นในเร็ววัน ควรจะเป็นการเลือกตั้งที่มีระบบที่จะช่วยสะท้อนความต้องการของประชาชนมากที่สุด ซึ่งพรรคพท.มีความพร้อมในการเลือกตั้งทุกกติกาที่ต้องตอบสนองต่อเจตจำนงของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้ การใช้บัตรเลือกตั้งสองใบคนละเบอร์ ทำให้ประชาชนเสียมากกว่าได้ประโยชน์ ทางออกเดียวที่จะช่วยให้เกิดการสับสนน้อยที่สุดและไม่ทำผิดรัฐธรรมนูญ คือ ข้อเสนอของพรรคพท. ที่ให้ กกต.เปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตก่อน แต่ยังไม่ประกาศหมายเลขผู้สมัคร หลังจากนั้นให้รับสมัครเลือกแบบบัญชีรายชื่อ ให้พรรคจับเบอร์แล้วค่อยประกาศให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้งสองแบบ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
เลขาพท. หวั่นสงกรานต์ทำยอดโควิดพุ่ง เตือนรบ.อย่าซ้ำเติม เดินหน้าสู่โรคประจำถิ่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3267162
‘เลขาพท.’ เตือน ‘รบ.’ อย่าเร่งผลักโควิดเป็นโรคประจำถิ่นซ้ำเติมปชช. ห่วงหลังสงกรานต์ยอดพุ่ง เหตุรัฐไร้มาตรการรับมือที่ชัดเจน
เมื่อวันที่ 2 เมษายน นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมทีมครอบครัวพท.นครราชสีมา เข้าร่วมพิธีเททองหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ พระวิหารหลวง วัดพระนารายณ์มหาราช จังหวัดนครราชสีมา พร้อมพูดคุยกับพี่น้องประชาชนเพื่อสอบถามถึงปัญหาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งกำลังเป็นปัญหาในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้ยังร่วมกันเดินทางไปเยี่ยมเยียนครอบครัวผู้สูงอายุ ณ สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง มอบสิ่งของและเลี้ยงอาหาร พร้อมให้กำลังใจผู้สูงอายุ
นาย
ประเสริฐ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิดทำร้ายคนไทยมาเป็นปีที่ 3 แล้ว รัฐบาลยังควบคุมการระบาดไม่ได้ จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้น ในส่วนของผู้ติดเชื้ออยู่ระดับเกินหมื่นทุกวัน ‘
เจอ แจก จบ’ สุดท้ายประชาชนกลายคนเป็นที่ถูกทิ้งให้ ‘
จบ เจ็บ ตาย’ รายวัน’ ในทางวิชาการประเมินกันอย่างมากว่า หลังสงกรานต์มีโอกาสระบาดรุนแรงเป็นไฟลามทุ่ง พุ่งออกจาก กทม.ไปสู่จังหวัดต่างๆ เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือการแพร่ระบาดช่วงเทศกาลที่มีการเคลื่อนย้ายผู้คนจำนวนมาก ผู้เสียชีวิตรายวันนิวไฮต่อเนื่อง ขยับจากหลักสิบใกล้แตะหลักร้อยเข้าไปทุกที แต่รัฐบาลและ ศบค. พยายามยัดเยียดให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น แต่ไม่มีความพร้อมใดๆ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับพี่น้องประชาชนไปทั่ว ดังนั้นรัฐบาลจึงควรพิจารณาการประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่นให้รอบคอบ อย่าปล่อยให้เป็นการผลักวิกฤตปัญหาไปเป็นภาระประชาชนมากกว่านี้ เพราะจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมทุกข์ให้พี่น้องประชาชน
JJNY : ส่งออกลด-เงินเฟ้อพุ่ง│พท.หวั่นคนละเบอร์ทำบัตรเสียพุ่ง│เลขาพท.หวั่นสงกรานต์ทำโควิดพุ่ง│ศพพลเรือนยูเครนเกลื่อนถนน
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/109827/
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มองภาพรวมเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยุเครน ส่งผลให้ประเทศขนาดใหญ่มีการส่งออกลดลงและเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น
วันนี้( 2 เม.ย.65) นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอยู่บ้างจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งมีการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก และสงคราม ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงค่าครองชีพของผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นทั่วโลก โดยจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สหรัฐอเมริกามีมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ลดลงอยู่ที่ 15.5% ในเดือนมกราคม 2565 จากเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 20.6% นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 กับเดือนธันวาคม 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเหลือ 110.5 จาก 115.2 และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 7.9% จากเดิม 7.0%
สำหรับยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% จากเดิม 4.7% ส่วนจีนมีมูลค่าการส่งออกสินค้าลดลงอยู่ที่ 6.1% จาก 20.8%
ขณะที่มาตรการรับมือ นอกจากการแก้ปัญหาระยะสั้นที่หลายๆ ประเทศได้ออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพต่างๆ อาทิ การอุดหนุนหรือควบคุมราคาพลังงานไม่ให้สูงเกินไป และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาระดับเงินเฟ้อในประเทศแล้ว สิ่งที่สำคัญ คือ ประเทศต้องใช้นโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่เหมาะสม ดูแลความเหมาะสมด้านราคา และมีการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กันไป ต้องมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะเอื้อต่อการประหยัดพลังงาน เช่น การสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่ง การพัฒนา energy grid เชื่อมโยงพลังงานระหว่างประเทศต่างๆ การส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า การพัฒนาพลังงานชีวมวลเพื่อเป็นพลังงานทดแทนของประเทศอย่างยั่งยืน เป็นต้น
เพื่อไทย หวั่นบัตรลต.คนละเบอร์ทำบัตรเสียพุ่ง แนะรัฐรับข้อเสนอ เปิดสมัคร ส.ส.เขตก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3267175
เพื่อไทย หวั่นบัตรลต.คนละเบอร์ทำบัตรเสียพุ่ง แนะรัฐรับข้อเสนอ เปิดสมัคร ส.ส.เขตก่อนค่อยสมัครพรรค เพื่อง่ายต่อปชช.
เมื่อวันที่ 2 เมษายน น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า หลังจากในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีมติให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส. กับหมายเลขพรรคการเมืองใช้เป็นคนละหมายเลข ซึ่งเป็นการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งในปี 2550 ซึ่งประเทศไทยเคยมีบทเรียนมาแล้วว่าสร้างผลเสียมากมาย เพราะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เกิดความยุ่งยากและซับซ้อนขึ้น
จนอาจทำให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนไม่เป็นไปเจตนารมณ์ของประชาชน และยังมีโอกาสที่จะทำให้ประชาชนลงคะแนนเสียงผิดโดยไม่ตั้งใจ โอกาสที่จะมีบัตรเสียก็มีมากขึ้นตามไปด้วย และยังทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง จากการที่ ส.ส.เขตจะต้องทำการสื่อสารหาเสียงในพื้นที่ไปพร้อมกับการรณรงค์หาเสียงของพรรค ซึ่งอาจจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยอ่อนแอลงตามไปด้วยเช่นกัน
น.ส.อรุณี กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดการระบบเลือกตั้งไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนในการเลือกตั้งปี 2550 ไม่นำเอาผลการวิจัยที่คณะกรรมการการเลือกตั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการศึกษาวิจัยเรื่องระบบการเลือกตั้ง พบว่าการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ แต่ใช้คนละเบอร์ทำให้เกิดปัญหาและสร้างความสับสน จนในที่สุดเสียงเป็นเอกฉันท์ให้กลับไปใช้ระบบบัตรเบอร์เดียวในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2554
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การเลือกตั้งทั่วไปซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศได้แสดงสิทธิที่มีอยู่อย่างเท่าเทียมของตนเองในรอบหลายปีที่ประชาชนอยากให้เกิดขึ้นในเร็ววัน ควรจะเป็นการเลือกตั้งที่มีระบบที่จะช่วยสะท้อนความต้องการของประชาชนมากที่สุด ซึ่งพรรคพท.มีความพร้อมในการเลือกตั้งทุกกติกาที่ต้องตอบสนองต่อเจตจำนงของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้ การใช้บัตรเลือกตั้งสองใบคนละเบอร์ ทำให้ประชาชนเสียมากกว่าได้ประโยชน์ ทางออกเดียวที่จะช่วยให้เกิดการสับสนน้อยที่สุดและไม่ทำผิดรัฐธรรมนูญ คือ ข้อเสนอของพรรคพท. ที่ให้ กกต.เปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตก่อน แต่ยังไม่ประกาศหมายเลขผู้สมัคร หลังจากนั้นให้รับสมัครเลือกแบบบัญชีรายชื่อ ให้พรรคจับเบอร์แล้วค่อยประกาศให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้งสองแบบ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
เลขาพท. หวั่นสงกรานต์ทำยอดโควิดพุ่ง เตือนรบ.อย่าซ้ำเติม เดินหน้าสู่โรคประจำถิ่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3267162
‘เลขาพท.’ เตือน ‘รบ.’ อย่าเร่งผลักโควิดเป็นโรคประจำถิ่นซ้ำเติมปชช. ห่วงหลังสงกรานต์ยอดพุ่ง เหตุรัฐไร้มาตรการรับมือที่ชัดเจน
เมื่อวันที่ 2 เมษายน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมทีมครอบครัวพท.นครราชสีมา เข้าร่วมพิธีเททองหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ พระวิหารหลวง วัดพระนารายณ์มหาราช จังหวัดนครราชสีมา พร้อมพูดคุยกับพี่น้องประชาชนเพื่อสอบถามถึงปัญหาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งกำลังเป็นปัญหาในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้ยังร่วมกันเดินทางไปเยี่ยมเยียนครอบครัวผู้สูงอายุ ณ สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง มอบสิ่งของและเลี้ยงอาหาร พร้อมให้กำลังใจผู้สูงอายุ
นายประเสริฐ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิดทำร้ายคนไทยมาเป็นปีที่ 3 แล้ว รัฐบาลยังควบคุมการระบาดไม่ได้ จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้น ในส่วนของผู้ติดเชื้ออยู่ระดับเกินหมื่นทุกวัน ‘เจอ แจก จบ’ สุดท้ายประชาชนกลายคนเป็นที่ถูกทิ้งให้ ‘จบ เจ็บ ตาย’ รายวัน’ ในทางวิชาการประเมินกันอย่างมากว่า หลังสงกรานต์มีโอกาสระบาดรุนแรงเป็นไฟลามทุ่ง พุ่งออกจาก กทม.ไปสู่จังหวัดต่างๆ เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือการแพร่ระบาดช่วงเทศกาลที่มีการเคลื่อนย้ายผู้คนจำนวนมาก ผู้เสียชีวิตรายวันนิวไฮต่อเนื่อง ขยับจากหลักสิบใกล้แตะหลักร้อยเข้าไปทุกที แต่รัฐบาลและ ศบค. พยายามยัดเยียดให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น แต่ไม่มีความพร้อมใดๆ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับพี่น้องประชาชนไปทั่ว ดังนั้นรัฐบาลจึงควรพิจารณาการประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่นให้รอบคอบ อย่าปล่อยให้เป็นการผลักวิกฤตปัญหาไปเป็นภาระประชาชนมากกว่านี้ เพราะจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมทุกข์ให้พี่น้องประชาชน