สมรภูมินโยบายพรรคดูดคะแนนเลือกตั้ง นักวิชาการอัดบิดเบี้ยว กระทุ้งอัพเวล ปชต.ไทย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3820340
ผู้เขียน ทีมข่าวเศรษฐกิจ
สมรภูมินโยบายพรรคดูดคะแนนเลือกตั้ง
นักวิชาการอัดบิดเบี้ยว กระทุ้งอัพเวล ปชต.ไทย
ตลอดการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน สั่นสะเทือนโลก ทุบเศรษฐกิจไทยจนล้มราบคาบ แต่สุดท้ายก็บริหารงานฝ่ามรสุมเหล่านั้นมาได้แบบฉิวเฉียด!!
⦁ หาเสียงรุกหนัก ลดแลกแจกแถม
ล่าสุดรัฐบาลใกล้ครบเทอม “นับถอยหลัง” เตรียมยุบสภา เพื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ แน่นอนทุกพรรคการเมือง ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน พรรคสาขา พรรคน้องใหม่ หรือกระทั่งพรรคชื่อใหม่แต่คนหน้าเก่า ล้วนพร้อมใจงัดนโยบายต่างๆ โชว์วิสัยทัศน์ คิดโครงการให้โดนใจประชาชนมากที่สุดเพื่อ เรียกคะแนนเสียงกันอย่างถึงพริกถึงขิง
โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจที่เน้นแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แจกเงินคนจน อัดเงินช่วยเกษตรกร ดูแลราคาสินค้าเกษตรลดภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจ แก้ไข พักหนี้ ปลดหนี้สินตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพิ่มค่าแรงรายวันขั้นต่ำ เงินเดือนเด็กจบใหม่ที่สูงขึ้น และสวัสดิการต่างๆ อีกมากมาย
ส่องนโยบายพรรคลุง พลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มี พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือบิ๊กป้อม เป็นหัวหน้าพรรค ออกนโยบายเอาใจคนไทย เน้นสานต่อมาตรการที่ได้รับความนิยม อาทิ บ้านประชารัฐ คนละครึ่ง รวมทั้งโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยบิ๊กป้อมประกาศก้องว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะแจกเงินเพิ่มอัดฉีดบัตรคนจนทันที คนละ 700 บาทต่อเดือน อีกทั้งยังย้ำว่านโยบายนี้เป็น พปชร.เท่านั้น
⦁ บัตรคนจนรอบใหม่สะดุดเฉย
ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน นักการเมืองอีกลุง พล.อ.
ประยุทธ์ หรือบิ๊กตู่ ตัดสินใจ เข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่เปิดเกมด้วยการออกมาชูบิ๊กตู่เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักการเมืองที่จงรักภักดีให้ตามมาที่บ้านหลังใหม่ด้วย ขณะนั้นหลายฝ่ายจึงจับตาอากัปกิริยาพี่ใหญ่อย่างบิ๊กป้อมจะฉุนหรือเฉย เพราะเป็นเกมแยกกันเดินไว้แต่แรก
ไม่ว่าเกมการเมืองจะเป็นรูปแบบไหน แต่สิ่งที่เชื่อขนมกินได้เลย คือ ทั้งบิ๊กตู่ และบิ๊กป้อม ต่างต้องการชูผลงานด้านเศรษฐกิจเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชน โดยเฉพาะผลงานบัตรคนจน ล่าสุด บิ๊กตู่แห่งรวมไทยสร้างชาติ ไม่ยอมแพ้บิ๊กป้อมแห่งพลังประชารัฐ เพราะเริ่มออกมาขิงแล้วว่า “บัตรคนจน” เป็นผลงานเด่นที่ริเริ่มคิดมาจากไอเดียบิ๊กตู่
ล่าสุดพิษจากการเมืองร้อนๆ ทำให้โครงการบัตรคนจนรอบใหม่ที่เดิมกำหนดประกาศชื่อปลายเดือนมกราคม 2566 และเริ่มใช้สิทธิใหม่ 1 มีนาคมนี้ ส่อแววจะสะดุดซะงั้น
โดย
สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และฐานะประธานคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 หรือบัตรคนจน เพราะยังไม่ได้รายชื่อจากหน่วยงานตรวจสอบ
ด้านทางกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า กระบวนการตรวจการลงทะเบียนบัตรคนจน ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบข้อมูลหลายด้านทั้งเงื่อนไขส่วนบุคคลและจะต้องมีการนำไปตรวจสอบข้อมูลรายครัวเรือนอีก ทำให้มีความยากกว่าและใช้เวลานานขึ้น
ท่าทีดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายมองว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าการเลื่อนบัตรคนจน เป็นการดึงเกม ไม่ให้ นาย
สันติ คนของ พปชร. ได้ใช้บัตรคนจนรอบใหม่ในการหาเสียงให้ พปชร.!!
⦁ ทีดีอาร์ไอทุบนโยบายจูงใจบิดเบี้ยว
เรื่องนี้
นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยกับ มติชน ว่า การตลาดของนโยบายการเมืองในปัจจุบันนั้น คิดเป็นจุดๆ ทั้งที่จริงควรกลับมาคิดเป็นระบบ ควรดูถึงเรื่องการคลัง ว่าควรจะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน และเป็นธรรมได้ เพราะฉะนั้นเวลาพูดถึงความยั่งยืน ถ้ามองไปแต่ส่วนของรายจ่าย ไม่ได้มองที่รายได้ ท้ายที่สุดก็กลับมาตั้งคำถามว่า แล้วจะหารายได้อย่างไร
ส่วนในแง่ของความเป็นธรรม ต้องมองว่าคนกลุ่มประโยชน์นี้จะได้รับหรือเปล่า ทั้งสองส่วนเป็นหัวใจสำคัญ ถ้าไม่สามารถตอบได้ จะทำให้นโยบายที่ออกมาจูงใจให้เกิดความบิดเบี้ยว
สำหรับหลักการการทำนโยบายต่างๆ นั้น อะไรที่มีสิทธิประโยชน์หรือให้การช่วยเหลือเพิ่มขึ้น แจกเป็นเงินอีกเท่าตัว เป็นสิ่งที่ทำให้ดูน่ากลัวผู้คนคงประหลาดใจว่านโยบายนี้จะทำได้หรือเปล่า แม้นโยบายตัวเลขเพิ่มขึ้นไม่เยอะ แต่เป็นสิ่งที่ใช้งบประมาณเยอะ ก็น่ากังวลใจ อาทิ คำนวณงบแล้วใช้หลักแสนล้านบาท มีภาระผูกพันไปยาวๆ รูปแบบนี้จะเริ่มเสี่ยงว่าตอนได้เป็นรัฐบาลจะหาเงินมาอย่างไร
“
อีกส่วนคือ นโยบายที่ออกมานั้น มีความใช่หรือไม่ เกิดคำถามว่า คนที่ได้เงินเป็นกลุ่มเปราะบางจริงหรือไม่ ทำไมนาย ก.ได้รับ และนาย ข.ยากจน และลำบากกว่ากลับไม่ได้รับ ดังนั้นการที่ นาย ก.ได้สิทธิควรมีเหตุผลรองรับเพียงพอ ไม่เช่นนั้นจะเกิดคำถามว่า นโยบายนี้เป็นธรรมไหม” นักวิชาการอาวุโสทีดีอาร์ไอระบุ
ขณะเดียวกันคือความเป็นไปได้ของนโยบาย แต่ละอย่างที่ได้กล่าวหรือประกาศออกมา จะเป็นวาทะลมๆ ไม่สามารถเกิดได้จริงหรือไม่ มีความเห็นว่าคนพูดนโยบายอาจรับรู้ว่า ตัวเองจะไม่ถูกเลือก หรือตัวเองอาจจะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่ได้เข้าไปดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจ และกรณีสุดท้าย คือ แม้จะได้เข้าไปดูแลกระทรวงที่ได้พูดนโยบายออกไปแต่อ้างว่าทำนโยบายนั้นไม่ได้ เพราะเวลาไม่เหมาะสม ดังนั้น จะเกิดคำถามว่าทุกวันนี้มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นเยอะ จึงมองว่าทุกนโยบายที่แต่ละพรรคออกมา มีความเสี่ยงทั้งหมด
⦁ จี้พรรคตอบคำถาม3ข้อ
นักวิชาการอาวุโสทีดีอาร์ไอให้ความเห็นด้วยว่า ในทางรัฐศาสตร์ ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด แต่ไม่ดีที่สุดให้แง่ของความดี แต่ในแง่ที่ว่าเป็นระบอบที่มีความแย่น้อยที่สุด ขณะที่ผลลัพธ์ของประชาธิปไตยจะดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะตัดสินใจ ว่าจะเลือกอะไร เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนเลือกฟังแต่สิ่งที่ตัวเองอยากได้ และไม่สนว่าประเทศจะเป็นอย่างไร ประชาธิปไตยจะช่วยคนในประเทศนั้นได้แค่นี้
เพราะฉะนั้น ต้องกลับมาดูที่การเลือกตั้งในประเทศว่าเป็นแบบไหน อยากเลือกแบบที่จูงใจ ให้คนสนใจแต่ตนเอง หรือผู้คนอยากให้การเมืองเกิดการแข่งขันที่จะพัฒนาประเทศให้เดินหน้าได้ ซึ่งรูปแบบนี้อยากให้เกิดขึ้น คือการนำเสนอนโยบายครบทั้งวงจร คือ
1. อยากช่วยคนกลุ่มนี้ ต้องมีเหตุผลอย่างเป็นธรรมว่าทำไมต้องได้รับ
2. ถ้าจะทำนโยบายดังกล่าวแล้วจะหาเงินจากไหน
และ 3. ความยั่งยืนทางด้านการคลังเป็นอย่างไร ถ้าทำได้ครบตามนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
“
ถ้ามีพรรคการเมืองที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นรัฐบาล แล้วทำนโยบายแบบนี้ได้ ประชาชนหันมาสนใจพรรคนี้ รูปแบบนี้ จะทำให้เกิดการแข่งขันในการสร้างสรรค์ เกิดนโยบายที่ตอบโจทย์กับประเทศมากกว่าตอบโจทย์แค่คนบางกลุ่ม”
นณริฏทิ้งท้าย
"จุฑาพร" เลือกเพื่อไทยราคาพลังงานลดลงแน่
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_499290/
ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ลุยสาทรสะท้อนปัญหาประชาชนทุกระดับรายได้-นักธุรกิจเดือดร้อนหนัก ดอกเบี้ยแพง ค่าครองชีพสูง แนะเลือกเพื่อไทย ราคาพลังงานลดลงแน่
นางสาว
จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตสาทร บางรัก ปทุมวัน และโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเองและนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ได้ลงพื้นที่เขตสาทร เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ โดยได้เข้าร่วมงานทำบุญของหมู่บ้านจันทรานิเวศน์ และเข้ารับฟังความเห็นของคนในชุมชน
โดยประชาชนในทุกระดับรายได้ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันถึงภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การต้องแบกภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น และยังมีแนวโน้มที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นไปอีก ซึ่งจะหนักมากเพราะรายได้ยังไม่ฟื้นจากปัญหาเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งค่าครองชีพที่สูงมาก จากเงินเฟ้อปีที่แล้วสูงถึง 6.08% สูงที่สุดในรอบ 24 ปี และเงินเฟ้อเดือนม.ค.ปีนี้ก็ยังสูงต่อเนื่องถึง 5.02%
ซึ่งซ้ำเติมเงินเฟ้อเดิมที่สูงอยู่แล้ว ทำให้ข้าวของแพง ค่าใช้จ่ายสูง รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย การลดราคาค่าไฟฟ้านอกจากจะลดต้นทุนการผลิตสินค้าได้แล้ว ยังทำให้ความสามารถแข่งขันของไทยดีขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลได้หาทางบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่สาทรเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีรายได้สูงและอาจจะสูงที่สุดเขตหนึ่งของประเทศ ประชาชนยังลำบากขนาดนี้ ประชาชนในพื้นที่อื่นที่รายได้น้อยกว่ามากคงไม่ต้องพูดถึง ประชาชนจะลำบากกันขนาดไหน ดังนั้นจึงอยากให้มั่นใจได้ว่า หากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจให้เป็นรัฐบาล ราคาพลังงานที่เป็นต้นทุนของสินค้าเกือบทุกชนิดจะต้องลดลง เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้มีแผนงานไว้แล้ว อีกทั้งยังมีนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในทุกกลุ่ม รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับคนรุ่นใหม่ที่จะหารายได้เพิ่มขึ้นและมีโอกาสเป็นเศรษฐีในอนาคต หากขยันและมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ขอให้มั่นใจในพรรคเพื่อไทย
จับตายุทธการ 'ถอดหน้ากากคนดี' ซักฟอกรัฐบาล ฝ่ายค้านเตรียมหลักฐานเด็ดแฉ 'ระบบอุปถัมภ์'
https://ch3plus.com/news/political/kaoden/334225
สำหรับศึกอภิปรายครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้ชื่อ "ยุทธการถอดหน้ากากคนดี" รายละเอียดของยุทธการครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
JJNY : สมรภูมินโยบายพรรคดูดคะแนน│เลือกพท. ราคาพลังงานลดลงแน่│จับตายุทธการ 'ถอดหน้ากากคนดี' │‘ชูวิทย์’ แฉตัวละครเพิ่ม
https://www.matichon.co.th/economy/news_3820340
ผู้เขียน ทีมข่าวเศรษฐกิจ
สมรภูมินโยบายพรรคดูดคะแนนเลือกตั้ง
นักวิชาการอัดบิดเบี้ยว กระทุ้งอัพเวล ปชต.ไทย
ตลอดการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน สั่นสะเทือนโลก ทุบเศรษฐกิจไทยจนล้มราบคาบ แต่สุดท้ายก็บริหารงานฝ่ามรสุมเหล่านั้นมาได้แบบฉิวเฉียด!!
⦁ หาเสียงรุกหนัก ลดแลกแจกแถม
ล่าสุดรัฐบาลใกล้ครบเทอม “นับถอยหลัง” เตรียมยุบสภา เพื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ แน่นอนทุกพรรคการเมือง ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน พรรคสาขา พรรคน้องใหม่ หรือกระทั่งพรรคชื่อใหม่แต่คนหน้าเก่า ล้วนพร้อมใจงัดนโยบายต่างๆ โชว์วิสัยทัศน์ คิดโครงการให้โดนใจประชาชนมากที่สุดเพื่อ เรียกคะแนนเสียงกันอย่างถึงพริกถึงขิง
โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจที่เน้นแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แจกเงินคนจน อัดเงินช่วยเกษตรกร ดูแลราคาสินค้าเกษตรลดภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจ แก้ไข พักหนี้ ปลดหนี้สินตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพิ่มค่าแรงรายวันขั้นต่ำ เงินเดือนเด็กจบใหม่ที่สูงขึ้น และสวัสดิการต่างๆ อีกมากมาย
ส่องนโยบายพรรคลุง พลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือบิ๊กป้อม เป็นหัวหน้าพรรค ออกนโยบายเอาใจคนไทย เน้นสานต่อมาตรการที่ได้รับความนิยม อาทิ บ้านประชารัฐ คนละครึ่ง รวมทั้งโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยบิ๊กป้อมประกาศก้องว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะแจกเงินเพิ่มอัดฉีดบัตรคนจนทันที คนละ 700 บาทต่อเดือน อีกทั้งยังย้ำว่านโยบายนี้เป็น พปชร.เท่านั้น
⦁ บัตรคนจนรอบใหม่สะดุดเฉย
ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน นักการเมืองอีกลุง พล.อ.ประยุทธ์ หรือบิ๊กตู่ ตัดสินใจ เข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่เปิดเกมด้วยการออกมาชูบิ๊กตู่เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักการเมืองที่จงรักภักดีให้ตามมาที่บ้านหลังใหม่ด้วย ขณะนั้นหลายฝ่ายจึงจับตาอากัปกิริยาพี่ใหญ่อย่างบิ๊กป้อมจะฉุนหรือเฉย เพราะเป็นเกมแยกกันเดินไว้แต่แรก
ไม่ว่าเกมการเมืองจะเป็นรูปแบบไหน แต่สิ่งที่เชื่อขนมกินได้เลย คือ ทั้งบิ๊กตู่ และบิ๊กป้อม ต่างต้องการชูผลงานด้านเศรษฐกิจเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชน โดยเฉพาะผลงานบัตรคนจน ล่าสุด บิ๊กตู่แห่งรวมไทยสร้างชาติ ไม่ยอมแพ้บิ๊กป้อมแห่งพลังประชารัฐ เพราะเริ่มออกมาขิงแล้วว่า “บัตรคนจน” เป็นผลงานเด่นที่ริเริ่มคิดมาจากไอเดียบิ๊กตู่
ล่าสุดพิษจากการเมืองร้อนๆ ทำให้โครงการบัตรคนจนรอบใหม่ที่เดิมกำหนดประกาศชื่อปลายเดือนมกราคม 2566 และเริ่มใช้สิทธิใหม่ 1 มีนาคมนี้ ส่อแววจะสะดุดซะงั้น
โดย สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และฐานะประธานคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 หรือบัตรคนจน เพราะยังไม่ได้รายชื่อจากหน่วยงานตรวจสอบ
ด้านทางกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า กระบวนการตรวจการลงทะเบียนบัตรคนจน ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบข้อมูลหลายด้านทั้งเงื่อนไขส่วนบุคคลและจะต้องมีการนำไปตรวจสอบข้อมูลรายครัวเรือนอีก ทำให้มีความยากกว่าและใช้เวลานานขึ้น
ท่าทีดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายมองว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าการเลื่อนบัตรคนจน เป็นการดึงเกม ไม่ให้ นายสันติ คนของ พปชร. ได้ใช้บัตรคนจนรอบใหม่ในการหาเสียงให้ พปชร.!!
⦁ ทีดีอาร์ไอทุบนโยบายจูงใจบิดเบี้ยว
เรื่องนี้ นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยกับ มติชน ว่า การตลาดของนโยบายการเมืองในปัจจุบันนั้น คิดเป็นจุดๆ ทั้งที่จริงควรกลับมาคิดเป็นระบบ ควรดูถึงเรื่องการคลัง ว่าควรจะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน และเป็นธรรมได้ เพราะฉะนั้นเวลาพูดถึงความยั่งยืน ถ้ามองไปแต่ส่วนของรายจ่าย ไม่ได้มองที่รายได้ ท้ายที่สุดก็กลับมาตั้งคำถามว่า แล้วจะหารายได้อย่างไร
ส่วนในแง่ของความเป็นธรรม ต้องมองว่าคนกลุ่มประโยชน์นี้จะได้รับหรือเปล่า ทั้งสองส่วนเป็นหัวใจสำคัญ ถ้าไม่สามารถตอบได้ จะทำให้นโยบายที่ออกมาจูงใจให้เกิดความบิดเบี้ยว
สำหรับหลักการการทำนโยบายต่างๆ นั้น อะไรที่มีสิทธิประโยชน์หรือให้การช่วยเหลือเพิ่มขึ้น แจกเป็นเงินอีกเท่าตัว เป็นสิ่งที่ทำให้ดูน่ากลัวผู้คนคงประหลาดใจว่านโยบายนี้จะทำได้หรือเปล่า แม้นโยบายตัวเลขเพิ่มขึ้นไม่เยอะ แต่เป็นสิ่งที่ใช้งบประมาณเยอะ ก็น่ากังวลใจ อาทิ คำนวณงบแล้วใช้หลักแสนล้านบาท มีภาระผูกพันไปยาวๆ รูปแบบนี้จะเริ่มเสี่ยงว่าตอนได้เป็นรัฐบาลจะหาเงินมาอย่างไร
“อีกส่วนคือ นโยบายที่ออกมานั้น มีความใช่หรือไม่ เกิดคำถามว่า คนที่ได้เงินเป็นกลุ่มเปราะบางจริงหรือไม่ ทำไมนาย ก.ได้รับ และนาย ข.ยากจน และลำบากกว่ากลับไม่ได้รับ ดังนั้นการที่ นาย ก.ได้สิทธิควรมีเหตุผลรองรับเพียงพอ ไม่เช่นนั้นจะเกิดคำถามว่า นโยบายนี้เป็นธรรมไหม” นักวิชาการอาวุโสทีดีอาร์ไอระบุ
ขณะเดียวกันคือความเป็นไปได้ของนโยบาย แต่ละอย่างที่ได้กล่าวหรือประกาศออกมา จะเป็นวาทะลมๆ ไม่สามารถเกิดได้จริงหรือไม่ มีความเห็นว่าคนพูดนโยบายอาจรับรู้ว่า ตัวเองจะไม่ถูกเลือก หรือตัวเองอาจจะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่ได้เข้าไปดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจ และกรณีสุดท้าย คือ แม้จะได้เข้าไปดูแลกระทรวงที่ได้พูดนโยบายออกไปแต่อ้างว่าทำนโยบายนั้นไม่ได้ เพราะเวลาไม่เหมาะสม ดังนั้น จะเกิดคำถามว่าทุกวันนี้มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นเยอะ จึงมองว่าทุกนโยบายที่แต่ละพรรคออกมา มีความเสี่ยงทั้งหมด
⦁ จี้พรรคตอบคำถาม3ข้อ
นักวิชาการอาวุโสทีดีอาร์ไอให้ความเห็นด้วยว่า ในทางรัฐศาสตร์ ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด แต่ไม่ดีที่สุดให้แง่ของความดี แต่ในแง่ที่ว่าเป็นระบอบที่มีความแย่น้อยที่สุด ขณะที่ผลลัพธ์ของประชาธิปไตยจะดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะตัดสินใจ ว่าจะเลือกอะไร เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนเลือกฟังแต่สิ่งที่ตัวเองอยากได้ และไม่สนว่าประเทศจะเป็นอย่างไร ประชาธิปไตยจะช่วยคนในประเทศนั้นได้แค่นี้
เพราะฉะนั้น ต้องกลับมาดูที่การเลือกตั้งในประเทศว่าเป็นแบบไหน อยากเลือกแบบที่จูงใจ ให้คนสนใจแต่ตนเอง หรือผู้คนอยากให้การเมืองเกิดการแข่งขันที่จะพัฒนาประเทศให้เดินหน้าได้ ซึ่งรูปแบบนี้อยากให้เกิดขึ้น คือการนำเสนอนโยบายครบทั้งวงจร คือ
1. อยากช่วยคนกลุ่มนี้ ต้องมีเหตุผลอย่างเป็นธรรมว่าทำไมต้องได้รับ
2. ถ้าจะทำนโยบายดังกล่าวแล้วจะหาเงินจากไหน
และ 3. ความยั่งยืนทางด้านการคลังเป็นอย่างไร ถ้าทำได้ครบตามนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
“ถ้ามีพรรคการเมืองที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นรัฐบาล แล้วทำนโยบายแบบนี้ได้ ประชาชนหันมาสนใจพรรคนี้ รูปแบบนี้ จะทำให้เกิดการแข่งขันในการสร้างสรรค์ เกิดนโยบายที่ตอบโจทย์กับประเทศมากกว่าตอบโจทย์แค่คนบางกลุ่ม” นณริฏทิ้งท้าย
"จุฑาพร" เลือกเพื่อไทยราคาพลังงานลดลงแน่
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_499290/
ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ลุยสาทรสะท้อนปัญหาประชาชนทุกระดับรายได้-นักธุรกิจเดือดร้อนหนัก ดอกเบี้ยแพง ค่าครองชีพสูง แนะเลือกเพื่อไทย ราคาพลังงานลดลงแน่
นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตสาทร บางรัก ปทุมวัน และโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเองและนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ได้ลงพื้นที่เขตสาทร เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ โดยได้เข้าร่วมงานทำบุญของหมู่บ้านจันทรานิเวศน์ และเข้ารับฟังความเห็นของคนในชุมชน
โดยประชาชนในทุกระดับรายได้ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันถึงภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การต้องแบกภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น และยังมีแนวโน้มที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นไปอีก ซึ่งจะหนักมากเพราะรายได้ยังไม่ฟื้นจากปัญหาเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งค่าครองชีพที่สูงมาก จากเงินเฟ้อปีที่แล้วสูงถึง 6.08% สูงที่สุดในรอบ 24 ปี และเงินเฟ้อเดือนม.ค.ปีนี้ก็ยังสูงต่อเนื่องถึง 5.02%
ซึ่งซ้ำเติมเงินเฟ้อเดิมที่สูงอยู่แล้ว ทำให้ข้าวของแพง ค่าใช้จ่ายสูง รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย การลดราคาค่าไฟฟ้านอกจากจะลดต้นทุนการผลิตสินค้าได้แล้ว ยังทำให้ความสามารถแข่งขันของไทยดีขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลได้หาทางบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่สาทรเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีรายได้สูงและอาจจะสูงที่สุดเขตหนึ่งของประเทศ ประชาชนยังลำบากขนาดนี้ ประชาชนในพื้นที่อื่นที่รายได้น้อยกว่ามากคงไม่ต้องพูดถึง ประชาชนจะลำบากกันขนาดไหน ดังนั้นจึงอยากให้มั่นใจได้ว่า หากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจให้เป็นรัฐบาล ราคาพลังงานที่เป็นต้นทุนของสินค้าเกือบทุกชนิดจะต้องลดลง เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้มีแผนงานไว้แล้ว อีกทั้งยังมีนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในทุกกลุ่ม รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับคนรุ่นใหม่ที่จะหารายได้เพิ่มขึ้นและมีโอกาสเป็นเศรษฐีในอนาคต หากขยันและมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ขอให้มั่นใจในพรรคเพื่อไทย
จับตายุทธการ 'ถอดหน้ากากคนดี' ซักฟอกรัฐบาล ฝ่ายค้านเตรียมหลักฐานเด็ดแฉ 'ระบบอุปถัมภ์'
https://ch3plus.com/news/political/kaoden/334225
สำหรับศึกอภิปรายครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้ชื่อ "ยุทธการถอดหน้ากากคนดี" รายละเอียดของยุทธการครั้งนี้จะเป็นอย่างไร