คือ..คำว่า...
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา...
จะเอาคำนี้ไปเป็นช่องว่างรูโหว่ หลอกคนโง่ว่า ต้องรวมนิพพานเข้าไปด้วยก็คงได้อยู่
แต่จะมาหลอกคนอย่างผมย่อมไม่ได้อย่างแน่นอน..
เปล่า...ๆ ผมไม่ได้ฉลาดหลักแหลมปัญญาหลวงมาจากไหนอย่างไรหรอก เพียงแต่ผม
ยึดพุทธพจน์เป็นหลักอย่างแน่นแฟ้นเท่านั้น ไม่ได้ยึดเอาคำสาวกมาเป็นหลัก...
อย่างกรณีย์นี้เป็นแค่ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ พระพุทธเจ้าต้องการให้เดินไปข้างหน้าทางโล่งๆ
แต่กลับพากันเดินถอยหลัง พากันหลงเข้ารกเข้าพงป่าใหญ่เสี่ยนี่...
เชิญท่านโอวัลติและผู้ที่สนใจ ก่อนอื่นก็ต้องถามโอวัลติก่อนว่า...
พระพุทธเจ้าตรัสว่า..
***** รูปไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ *****
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
ถามว่า...คำว่า "สิ่งใด" กับคำว่า "สิ่งนั้น" เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่
และคำว่า "สิ่งใด" กับคำว่า "สิ่งนั้น" หมายถึงรูปเท่านั้น ใช่มั้ย?
โอวัลติตอมาก่อนเลยอย่าเฉไฉ..
ว่าด้วยธรรมทั้งปวง แต่คำนี้ ว่าด้วยไม่ได้อย่างแน่นอน ?
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา...
จะเอาคำนี้ไปเป็นช่องว่างรูโหว่ หลอกคนโง่ว่า ต้องรวมนิพพานเข้าไปด้วยก็คงได้อยู่
แต่จะมาหลอกคนอย่างผมย่อมไม่ได้อย่างแน่นอน..
เปล่า...ๆ ผมไม่ได้ฉลาดหลักแหลมปัญญาหลวงมาจากไหนอย่างไรหรอก เพียงแต่ผม
ยึดพุทธพจน์เป็นหลักอย่างแน่นแฟ้นเท่านั้น ไม่ได้ยึดเอาคำสาวกมาเป็นหลัก...
อย่างกรณีย์นี้เป็นแค่ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ พระพุทธเจ้าต้องการให้เดินไปข้างหน้าทางโล่งๆ
แต่กลับพากันเดินถอยหลัง พากันหลงเข้ารกเข้าพงป่าใหญ่เสี่ยนี่...
เชิญท่านโอวัลติและผู้ที่สนใจ ก่อนอื่นก็ต้องถามโอวัลติก่อนว่า...
พระพุทธเจ้าตรัสว่า..
***** รูปไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ *****
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
ถามว่า...คำว่า "สิ่งใด" กับคำว่า "สิ่งนั้น" เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่
และคำว่า "สิ่งใด" กับคำว่า "สิ่งนั้น" หมายถึงรูปเท่านั้น ใช่มั้ย?
โอวัลติตอมาก่อนเลยอย่าเฉไฉ..