สารานุกรมปืนตอนที่ 1324 ปืนกลมือ Suomi KP/-31

กระทู้สนทนา

อาวุธยุทโธปกรณ์ อาวุธปืน ประวัติศาสตร์ ประเทศฟินแลนด์

ขอขอบคุณเพจ ป.ปืน อย่างสูงครับ

https://www.facebook.com/Porpeunbybaster

เป็นอีกผลงานของ Aimo Johannes Lahti
การทำงานเริ่มในปี 1922 เขาออกแบบปืนกล ซึ่งต้นแบบ 200 กระบอกแรกทดสอบ ซึ่งมีชื่อว่าปืนกลมือแบบ Lahti Model 1922 ใช้กระสุนขนาด 7.65x21mm โดยพัฒนาขึ้นเมื่อมีการพิจารณาแล้วว่า Bergmann MP18 นั้นมีต้นทุนสูงเกินไปและมีปัญหาในการผลิตหากนำมาผลิต
ในปี 1926 Lahti ได้ออกแบบปืนกลมือซึ่งใช้กระสุนขนาด 7.65 × 21 mm Parabellum หรือ 7.65 Luger หรือ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Suomi M/26, Suomi KP/-26 หรือ Lahti KP/-26 ใช่ระบบบริหารกลไกแบบ Blowback ทั่วไป พร้อมยิงขณะลูกเลื่อนเปิด มีคันปรับตำแหน่งการยิงด้านขวาบนโครงปืน ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งการยิงได้ทั้งอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ
คำว่า Suomi มาจากคำว่า “Suomi-konepistooli” หรือ "Finland-submachine gun" ซึ่งหมายถึงปืนกลมือของ ฟินน์แลนอ์นั้นเอง (คนฟินแลนด์เรียกตนเองว่า Suomi ซึ่งชื่อประเทศฟินน์แลนด์ในภาษาฟินแลนด์ นันเขียนว่า” Suomen tasavalta”)
คำว่าKP มาจาก Konepistooli – Automatic Pistol ก็หมายถึงปืนกลมืออีกนั้นแหล่ะครับ
ต้นแบบทั้งM22 และ KP/26 นั้นผลิตโดย Konepistooli Oy ซึ่งเป็นบริษัทที่ ก่อตั้งโดย Master Armorer Aimo Lahti, Captain V. Korpela, Lieutenant Y. Koskinen และ Lieutenant L. Boyer-Spoof.
ในปี1930 Lahti และ Koskinen ได้เริ่มกันออกแบบปืนกลมือกันโดยใช้กระสุนขนาด 9×19mm Parabellum ซึ่งได้เคยทำมาทดสอบในต้นแบบ KP-26 และบางส่วน ซึ่งก็ยังคงใช้ระบบบริหารกลไกแบบ Blowback อยู่เช่นเดิม แต่ปืนสามารถปรับตำแหน่งการยิงได้ โดยคันปรับตำแหน่งการยิงจะอยู่ด้านหน้าของโกร่งไกปืน

เทคนิคการจุดชนวนจอกกระทบแตกแบบหนึ่งที่ Lahti นำมาใช้คือ "differential locking" หรือ "advanced primer ignition" ซึ่งเข็มแทงชนวนจะกระแทกจอกกระทบแตกก่อนที่หน้าลูกเลื่อนจะปิดท้ายรังเพลิงสนิด ซึ่งเทคนิคนี้จะทำให้เมื่อแรงดันรังเพลิงยังคงสูงอยู่ระบบปิดท้ายรังเพลิงจะยังคงปิดอยู่ด้วยแรงเฉื่อยสูงสุดของระบบลูกเลื่อนนั้นเอง
โครงปืนและลูกเลื่อนนั้นจะซีลกันสนิดจนแทบไม่มีพื้นที่ให้สิ่งสกปรกหลุดเข้าไปแต่การออกแบบนี้จะสร้างแรงดันอากาศต้านในห้องหลังลูกเลื่อน แต่ก็แก้ปัญหาโดยมีแผ่นวาว์ล(vacuum valve)ที่สามารถถ่ายเทแรงดันออกได้ ใกล้โครงปืนส่วนท้าย เมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปด้านหน้าวาว์ลจะปิดลงแรงดันลบจะหน่วงลูกเลื่อนเอาไว้ทำให้ อัตราการยิงหน่วงเวลามากขึ้นซึ่งจะทำให้ควบคุมปืนได้ง่ายอยู่ที่ 750–900 นัดต่อนาที
ลำกล้องและครอบกันความร้อนสามารถถอด/ประกอบได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจำเป็นหากใชในการรบติดพันเป็นเวลานาน
ซองกระสุนมีทั้งแบบกล่องขนาด 20-, 36- ,50-, 40- นัด และแบบ ก้นหอยขนาด 71-นัด และยังสามารถปรับมาใช้ซองกระสุนของ MP 38 /MP 40 ขนาด 32 นัดได้อีก

ในปี 1931 กองัพฟินน์แลนด์ ได้ประจำการปืนกลมือนี้ในชื่อ “ Suomi KP/-31” ซึ่งสิทธิการผลิตนั้นตกเป็นของ Oy Tikkakoski Ab ซึ่งมีกำลังผลิตสูง (ปัจจุบัน SAKO ซื้อกิจการไปแล้ว)
นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ได้รับสิทธิ์ในการผลิตอีกเช่น เดนมาร์ก คือ Madsen, สวีเดนคือ Husqwarna และ สวิสเซอร์แลนด์คือ Hispano Suiza
Suomi KP/-31 ถูกนำมาใช้ในสงครามฤดูหนาว(Winter War 1939-1940)อย่างมีประสิทธภาพสูง มันมีส่วนในการออกแบบปืนกลมือของโซเวียดคือ PPD-40 ของ Vasily Degtyaryov รวมถึงระบบซองกระสุนขนาก 71นัดด้วย
Suomi KP/-31 ยุติสายการผลิตลงในปี 1944 ในช่วงยุคปี1950 มีการดัดแปลงใช้ซองกระสุนขนาด 36 นัดของ M/45 Carl Gustaf มีการใช้งานมาถึงยุค 1990 เลยทีเดียว
มีการผลิตรุ่นปรับปรุงอีก
รุ่น bunker version มีการผลิตราวๆ 500 กระบอก
รุ่น KP 31 PSV ซึ่งออกแบบสำหรับยิงการช่องยิงในรถถังแบบ Vickers Alt B Type E 6-Ton ใช้ด้ามปืนแบบ pistol grip ไม่มีพานท้าย