"ขอขอบคุณเพจ ป ปืนอย่างสูงครับ"
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/
SIG MKMO/ MKPO
ในปี 1930 Jakob Gaetzi และ Gotthard End ได้พัฒนาระบบ Hesitation-Lock ซึ่งเป็นระบบพัฒนามาจากระบบที่คิดค้นโดย John Pedersen ที่ใช้งานใน ปืนพกแบบ Remington Model 51 โดยในโครงการนี้มี Pál Király เป็นผู้ช่วยซึ่งระบบ Hesitation-Lock นั้นจะมีลูกเลื่อน 2 ชิ้นโดยโครงนำลูกเลื่อนและหน้าลูกเลื่อนจะมีร่องทางลาดเอียงเป็นตัวบังคับเมื่อโครงนำลูกเลื่อนเคลื่อนที่มาด้านหน้าจนพลักหน้าลูกเลื่อนมาชิดท้ายรังเพลิงร่องเอียงนี้จะบังคับให้หน้าลูกเลื่อนดันตัวขึ้นไปขัดกลอนกับโครงปืน ซึ่งเป็นช่องคัดปลอกกระสุน และโครงนำลูกเลื่อนจะมีหน้าที่เป็นนกปืนส่งเข็มแทงชนวนไปกระแทกจอกกระทบแตก เมื่อท้ายรังเพลิงปิดสนิดอีกด้วย
ซึ่งปืนมีการเสร็จสิ้นการออกแบบในปี1933
ปืนพร้อมยิงขณะลูกเลื่อนเปิดใช้กระสุนขนาด
7.65×21mm Parabellum
9×19mm Parabellum
7.63×25mm Mauser
9mm Mauser Export
9mm Bergmann-Bayard
ตามแต่ผู้สั่งผลิต ซึ่งทั้งหมดใช้ซองกระสุนแบบถอดได้ 40 นัด และช่องใส่ซองกระสุนสามารถพับไปด้านหน้าได้และมีแผ่นกันฝุ่นมาปิดอีกที
ปืนไม่มีคันบังคับตำแหน่งการยิง แต่การยิงแบบกึ่งอัตโนมัติและอัตโนมัติ สามารถทำได้โดย การเหนี่ยวไก2จังหวะ โดยจังหว่ะแรกระยะเหนี่ยวไกสั้นจะเป็นการยิงแบบกึ่งอัตโนมัติ และการเหนี่ยวไกลึกจนสุดคือการยิงแบบอัตโนมัติ
ปืนถูกนำมาผลิตโดย Schweizerische Industrie-Gesellschaft (SIG) ในปี 1933/34 ซึ่งมีการผลิต คือ SIG MKMO (รุ่นทหาร) และ SIG MKPO (รุ่นตำรวจ) ซึ่งทั้ง2รุ่นต่างกันที่ความยาวลำกล้องและระยะศูนย์ปืนโดยรุ่นSIG MKMO มีความยาวลำกล้อง(500 มม. )ยาวกว่า SIG MKPO (300 มม. )โดยมีการผลิตออกมารวมกันราวๆ 1,228 กระบอก
ความหมาย ของ ชื่อรุ่น M = Maschinen,(อัตโนมัติ) K = Karabiner(ปืนเล็กสั้น) M = Militär,(ทางทหาร) O = Oben (คายปลอกกระสุนด้านบน) P = Police (ตำรวจ)
ความหมายโดยรวมคราวๆคือ ปืนเล็กสั้นอัตโนมัติแบบทหาร/ตำรวจ แต่ด้วยการที่ใช้กระสุนปืนพกจึงถูกจัดลงไปในกลุ่มปืนกลมือ(ตรงนี้แย้งได้)
ในปี1937 ได้มีการออกแบบระบบใหม่ซึ่งมาใช้ระบบบริหารกลไกแบบ Straight Blowback ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น SIG MKMS และ SIG MKPS ((S มาจาก Seitlich, side ejection of the empty shell หรือดีดปลอกกระสุนทิ้งด้านข้าง )ซึ่งรูปแบบก็ยังคงเหมือนรุ่นก่อนหน้า MKPS 60 กระบอก หมายเลข. 3321 - 3380, ใช้กระสุนขนาด 7.65mm Parabellum โดยกองทัพบกสวิสเซอร์แลนด์ ในปี 1940. และมีการผลิตจนถึงปี1942
SIG MKMO/ MKPO -ขนาด 9×19mm Parabellumใช้งานโดยหน่วย Swiss Guard แห่งนครรัฐ Vatican.
ในรุ่น MKMO ถูกซื้อไปใช้งานโดยฟินน์แลนด์ สำหรับหน่วย home guard, 282 กระบอก
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใดๆ มา ณ. ที่นี้
Cr.
https://modernfirearms.net/.../switzer.../sig-mkps-mkms-eng/
https://en.wikipedia.org/wiki/SIG_MKMO
https://guns.fandom.com/wiki/SIG_MKMO
#SIG_MKMO #SIG_MKPO #SIG_MKMS #SIG_MKPS #ป_ปืน
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 504 ปืนกลมือ SIG MKMO/ MKPO
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/
SIG MKMO/ MKPO
ในปี 1930 Jakob Gaetzi และ Gotthard End ได้พัฒนาระบบ Hesitation-Lock ซึ่งเป็นระบบพัฒนามาจากระบบที่คิดค้นโดย John Pedersen ที่ใช้งานใน ปืนพกแบบ Remington Model 51 โดยในโครงการนี้มี Pál Király เป็นผู้ช่วยซึ่งระบบ Hesitation-Lock นั้นจะมีลูกเลื่อน 2 ชิ้นโดยโครงนำลูกเลื่อนและหน้าลูกเลื่อนจะมีร่องทางลาดเอียงเป็นตัวบังคับเมื่อโครงนำลูกเลื่อนเคลื่อนที่มาด้านหน้าจนพลักหน้าลูกเลื่อนมาชิดท้ายรังเพลิงร่องเอียงนี้จะบังคับให้หน้าลูกเลื่อนดันตัวขึ้นไปขัดกลอนกับโครงปืน ซึ่งเป็นช่องคัดปลอกกระสุน และโครงนำลูกเลื่อนจะมีหน้าที่เป็นนกปืนส่งเข็มแทงชนวนไปกระแทกจอกกระทบแตก เมื่อท้ายรังเพลิงปิดสนิดอีกด้วย
ซึ่งปืนมีการเสร็จสิ้นการออกแบบในปี1933
ปืนพร้อมยิงขณะลูกเลื่อนเปิดใช้กระสุนขนาด
7.65×21mm Parabellum
9×19mm Parabellum
7.63×25mm Mauser
9mm Mauser Export
9mm Bergmann-Bayard
ตามแต่ผู้สั่งผลิต ซึ่งทั้งหมดใช้ซองกระสุนแบบถอดได้ 40 นัด และช่องใส่ซองกระสุนสามารถพับไปด้านหน้าได้และมีแผ่นกันฝุ่นมาปิดอีกที
ปืนไม่มีคันบังคับตำแหน่งการยิง แต่การยิงแบบกึ่งอัตโนมัติและอัตโนมัติ สามารถทำได้โดย การเหนี่ยวไก2จังหวะ โดยจังหว่ะแรกระยะเหนี่ยวไกสั้นจะเป็นการยิงแบบกึ่งอัตโนมัติ และการเหนี่ยวไกลึกจนสุดคือการยิงแบบอัตโนมัติ
ปืนถูกนำมาผลิตโดย Schweizerische Industrie-Gesellschaft (SIG) ในปี 1933/34 ซึ่งมีการผลิต คือ SIG MKMO (รุ่นทหาร) และ SIG MKPO (รุ่นตำรวจ) ซึ่งทั้ง2รุ่นต่างกันที่ความยาวลำกล้องและระยะศูนย์ปืนโดยรุ่นSIG MKMO มีความยาวลำกล้อง(500 มม. )ยาวกว่า SIG MKPO (300 มม. )โดยมีการผลิตออกมารวมกันราวๆ 1,228 กระบอก
ความหมาย ของ ชื่อรุ่น M = Maschinen,(อัตโนมัติ) K = Karabiner(ปืนเล็กสั้น) M = Militär,(ทางทหาร) O = Oben (คายปลอกกระสุนด้านบน) P = Police (ตำรวจ)
ความหมายโดยรวมคราวๆคือ ปืนเล็กสั้นอัตโนมัติแบบทหาร/ตำรวจ แต่ด้วยการที่ใช้กระสุนปืนพกจึงถูกจัดลงไปในกลุ่มปืนกลมือ(ตรงนี้แย้งได้)
ในปี1937 ได้มีการออกแบบระบบใหม่ซึ่งมาใช้ระบบบริหารกลไกแบบ Straight Blowback ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น SIG MKMS และ SIG MKPS ((S มาจาก Seitlich, side ejection of the empty shell หรือดีดปลอกกระสุนทิ้งด้านข้าง )ซึ่งรูปแบบก็ยังคงเหมือนรุ่นก่อนหน้า MKPS 60 กระบอก หมายเลข. 3321 - 3380, ใช้กระสุนขนาด 7.65mm Parabellum โดยกองทัพบกสวิสเซอร์แลนด์ ในปี 1940. และมีการผลิตจนถึงปี1942
SIG MKMO/ MKPO -ขนาด 9×19mm Parabellumใช้งานโดยหน่วย Swiss Guard แห่งนครรัฐ Vatican.
ในรุ่น MKMO ถูกซื้อไปใช้งานโดยฟินน์แลนด์ สำหรับหน่วย home guard, 282 กระบอก
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใดๆ มา ณ. ที่นี้
Cr.
https://modernfirearms.net/.../switzer.../sig-mkps-mkms-eng/
https://en.wikipedia.org/wiki/SIG_MKMO
https://guns.fandom.com/wiki/SIG_MKMO
#SIG_MKMO #SIG_MKPO #SIG_MKMS #SIG_MKPS #ป_ปืน
24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 17:31 น.