สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้จะขอมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการเป็นออแพร์ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ ชื่อ นิก ค่ะ อายุ 25 ปี ส่วนตัวรู้จักโครงการออแพร์จากเพื่อนค่ะ เลยสนใจ และตัดสินใจสมัครโครงการนี้ค่ะ
หากคุณสนใจโครงการนี้ คงพอจะทราบแล้วว่าโครงการนี้คืออะไร โครงการนี้คือการที่ครอบครัวชาวอเมริกันต้องการหาพี่เลี้ยงไปช่วยดูแลบุตรหลานของตัวเอง โดยจะทำงานแค่อาทิตย์ละ 45 ชั่วโมง ได้ค่าแรงอาทิตย์ละ 195.75 $ ได้ห้องพักฟรี ได้อาหารฟรี ได้วันหยุด ได้ทุนสำหรับเรียนคอร์สระยะสั้น และได้ vacation 2 weeks ที่กล่าวมาคือสิ่งที่จะได้รับคร่าวๆ จากโครงการนี้ค่ะ แต่!! การจะมาเป็นออแพร์ในอมเริกานั้นต้องผ่านเอเจนซี่เท่านั้นค่ะ โดยเอเจนซี่ที่นิกเลือก คือ Au Pair by Engenius International ค่ะ (แอบบอกเรามาด้วยทุน 50% คือโปรฯที่เราจ่ายค่าโครงการแค่ครึ่งเดียว เอเจนซี่นี้เค้าโปรฯจุกตลอดค่ะ) เรามาเริ่มที่ขั้นตอนการสมัครโครงการนี้กันเลยค่ะ
นิกจะขอแบ่งคร่าวๆประมาณนี้ก่อนนะ จะได้เข้าใจง่ายๆ
1. รวบรวมเอกสาร
2. ทดสอบระดับภาษา และ จิตวิทยา
3. ตรวจเอกสาร
4. Online
5. Matching
6. สัมภาษณ์ Visa
นิกจะอธิบายเพิ่มเติมในแต่ละขั้นอย่างละเอียดค่ะ
1. ขั้นตอนการรวรวมเอกสารนั้น จะประกอบไปด้วย
- Reference คือเอกสารการรับรองประสบการณ์การเลี้ยงเด็กที่ผ่านมาค่ะ ในส่วนนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละเอเจนซี่ค่ะ ว่ากำหนดกี่ Ref และ จำนวนชั่วโมงค่ะ
- Video Presentation ส่วนนี้คือการนำเสนอตัวเองค่ะ ทำอย่างไรก็ได้ให้ครอบครัวสนใจเราค่ะ
- ที้เหลือยังมีเอกสารยิบย่อยอีกเยอะค่ะ ในส่วนนี้ต้องปรึกษากับเจ้าหน้าที่นะคะ
2. ทดสอบระดับภาษา คือการโทรสัมภาษณ์โดยเจ้าหน้าที่จากเอเจนซี่ค่ะ เพื่อทดสอบว่าภาษาเราพอไปไหวไหม และ การทดสอบจิตวิทยา ในส่วนนี้จะเป็นการทดสอบจากลิ้งค์ที่เจ้าหน้าที่ส่งมาค่ะ เป็นภาษาอังกฤษนะคะ แนะนำว่าให้ตอบตามความเป็นจริงเลยค่ะ ไม่ต้องพยายามโกหกให้ดูดี เพราะคำถามค่อนข้างละเอียดค่ะ
3. ตรวจเอกสาร เราจะมีการตรวจเอกสาร 2 ครั้งค่ะ ครั้งแรกคือเจ้าหน้าที่ไทยเป็นผู้ตรวจ จากนั้นเมื่อผ่านแล้ว เอกสารของเราจะถูกส่งต่อไปตรวจที่ USA ค่ะ พอเอกสารผ่านแล้วเราก็จะไปขั้นตอนต่อไปค่ะ
4. Online ขั้นตอนนี้คือการที่โปรไฟล์ของเราจะอยู่ในเว็บไซต์ หากโปรไฟล์ของเราน่าสนใจครอบครัวก็จะทำการทักเรามาผ่านทางอีเมลค่ะ ให้คอยเช็คอีเมลด้วยนะคะ
5. Matching ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ควรใส่ใจและควรระวังมากที่สุดค่ะ เพราะเป็นขั้นตอนของการสื่อสารระหว่างเรา และ Host Family แนะนำว่าให้คุยหลายๆครั้งค่ะ และเตรียมคำถามไปถามเยอะๆเลยค่ะ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย อย่ารีบตัดสินใจเพราะอยากไปไวๆค่ะ เตือนเลยนะคะ เพราะการที่เรารีบตัดสินใจแล้วพลาดขึ้นมาตอนมาอยู่ที่นี่แล้วคงเสียใจมากแน่ค่ะ อย่าลืมนะคะว่าเราต้องมาอยู่ที่นี่ให้ครบ 1 ปี ตามระยะเวลาโครงการค่ะ หากการสื่อสารของเราทั้งสองฝ่ายเป็นไปได้ดี ทางฝั่งครอบครัวก็จะเป็นฝ่ายถามเราว่าต้องการ Match กับเค้าไหม หากเราต้อวการก็สามารถตอบตกลงได้เลย หรือว่าถ้าเรายังต้องการที่จะหาไปเรื่อยๆ ก็สามารถปฏิเสธได้เลยค่ะ ขั้นตอนนี้ครอบครัวอื่นจะหาฌปรไฟล์เราไม่เจอแล้วกรณีที่เราตกลงแมชกันแล้วนะคะ
6. การสัมภาษณ์ Visa ขั้นตอนนี้ต้องให้เครดิตเอเจนซี่เยอะๆเลยค่ะ เพราะเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องระวังมากที่สุด เราต้องผ่านเท่านั้นนะคะ ขั้นตอนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ประกบเลยค่ะ ต้องเตรียมเอกสารสำหรับยื่นให้สถานทูตและต้องเตรียมตัวเรื่องการตอบคำถามกับท่ากงศุลด้วยค่ะ ในขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็จะติดตามเราตลอดเลยค่ะ และมีการติวเข้มเรื่องการสัมภาษณ์ค่ะ เท่าที่เราทราบมาเรามีสิทธิ์สัมภาษณ์ได้ไม่เกิน3รอบใน1ปี ในกรณีที่ไม่ผ่าน (อันนี้เราไม่ทรายจริงๆค่ะ เช็คกับทางเอเจนซี่อีกทีนะคะ)
พอทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนนี้ ก็เก็บกระเป๋าเตรียมบินได้เลยค่ะ
หวังว่าจะสามารถช่วยให้ทุกคนตัดสินใจง่ายขึ้นนะคะ ขอบคุณค่าาา
หนทางการเป็น Au Pair Thai In America
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ ชื่อ นิก ค่ะ อายุ 25 ปี ส่วนตัวรู้จักโครงการออแพร์จากเพื่อนค่ะ เลยสนใจ และตัดสินใจสมัครโครงการนี้ค่ะ
หากคุณสนใจโครงการนี้ คงพอจะทราบแล้วว่าโครงการนี้คืออะไร โครงการนี้คือการที่ครอบครัวชาวอเมริกันต้องการหาพี่เลี้ยงไปช่วยดูแลบุตรหลานของตัวเอง โดยจะทำงานแค่อาทิตย์ละ 45 ชั่วโมง ได้ค่าแรงอาทิตย์ละ 195.75 $ ได้ห้องพักฟรี ได้อาหารฟรี ได้วันหยุด ได้ทุนสำหรับเรียนคอร์สระยะสั้น และได้ vacation 2 weeks ที่กล่าวมาคือสิ่งที่จะได้รับคร่าวๆ จากโครงการนี้ค่ะ แต่!! การจะมาเป็นออแพร์ในอมเริกานั้นต้องผ่านเอเจนซี่เท่านั้นค่ะ โดยเอเจนซี่ที่นิกเลือก คือ Au Pair by Engenius International ค่ะ (แอบบอกเรามาด้วยทุน 50% คือโปรฯที่เราจ่ายค่าโครงการแค่ครึ่งเดียว เอเจนซี่นี้เค้าโปรฯจุกตลอดค่ะ) เรามาเริ่มที่ขั้นตอนการสมัครโครงการนี้กันเลยค่ะ
นิกจะขอแบ่งคร่าวๆประมาณนี้ก่อนนะ จะได้เข้าใจง่ายๆ
1. รวบรวมเอกสาร
2. ทดสอบระดับภาษา และ จิตวิทยา
3. ตรวจเอกสาร
4. Online
5. Matching
6. สัมภาษณ์ Visa
นิกจะอธิบายเพิ่มเติมในแต่ละขั้นอย่างละเอียดค่ะ
1. ขั้นตอนการรวรวมเอกสารนั้น จะประกอบไปด้วย
- Reference คือเอกสารการรับรองประสบการณ์การเลี้ยงเด็กที่ผ่านมาค่ะ ในส่วนนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละเอเจนซี่ค่ะ ว่ากำหนดกี่ Ref และ จำนวนชั่วโมงค่ะ
- Video Presentation ส่วนนี้คือการนำเสนอตัวเองค่ะ ทำอย่างไรก็ได้ให้ครอบครัวสนใจเราค่ะ
- ที้เหลือยังมีเอกสารยิบย่อยอีกเยอะค่ะ ในส่วนนี้ต้องปรึกษากับเจ้าหน้าที่นะคะ
2. ทดสอบระดับภาษา คือการโทรสัมภาษณ์โดยเจ้าหน้าที่จากเอเจนซี่ค่ะ เพื่อทดสอบว่าภาษาเราพอไปไหวไหม และ การทดสอบจิตวิทยา ในส่วนนี้จะเป็นการทดสอบจากลิ้งค์ที่เจ้าหน้าที่ส่งมาค่ะ เป็นภาษาอังกฤษนะคะ แนะนำว่าให้ตอบตามความเป็นจริงเลยค่ะ ไม่ต้องพยายามโกหกให้ดูดี เพราะคำถามค่อนข้างละเอียดค่ะ
3. ตรวจเอกสาร เราจะมีการตรวจเอกสาร 2 ครั้งค่ะ ครั้งแรกคือเจ้าหน้าที่ไทยเป็นผู้ตรวจ จากนั้นเมื่อผ่านแล้ว เอกสารของเราจะถูกส่งต่อไปตรวจที่ USA ค่ะ พอเอกสารผ่านแล้วเราก็จะไปขั้นตอนต่อไปค่ะ
4. Online ขั้นตอนนี้คือการที่โปรไฟล์ของเราจะอยู่ในเว็บไซต์ หากโปรไฟล์ของเราน่าสนใจครอบครัวก็จะทำการทักเรามาผ่านทางอีเมลค่ะ ให้คอยเช็คอีเมลด้วยนะคะ
5. Matching ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ควรใส่ใจและควรระวังมากที่สุดค่ะ เพราะเป็นขั้นตอนของการสื่อสารระหว่างเรา และ Host Family แนะนำว่าให้คุยหลายๆครั้งค่ะ และเตรียมคำถามไปถามเยอะๆเลยค่ะ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย อย่ารีบตัดสินใจเพราะอยากไปไวๆค่ะ เตือนเลยนะคะ เพราะการที่เรารีบตัดสินใจแล้วพลาดขึ้นมาตอนมาอยู่ที่นี่แล้วคงเสียใจมากแน่ค่ะ อย่าลืมนะคะว่าเราต้องมาอยู่ที่นี่ให้ครบ 1 ปี ตามระยะเวลาโครงการค่ะ หากการสื่อสารของเราทั้งสองฝ่ายเป็นไปได้ดี ทางฝั่งครอบครัวก็จะเป็นฝ่ายถามเราว่าต้องการ Match กับเค้าไหม หากเราต้อวการก็สามารถตอบตกลงได้เลย หรือว่าถ้าเรายังต้องการที่จะหาไปเรื่อยๆ ก็สามารถปฏิเสธได้เลยค่ะ ขั้นตอนนี้ครอบครัวอื่นจะหาฌปรไฟล์เราไม่เจอแล้วกรณีที่เราตกลงแมชกันแล้วนะคะ
6. การสัมภาษณ์ Visa ขั้นตอนนี้ต้องให้เครดิตเอเจนซี่เยอะๆเลยค่ะ เพราะเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องระวังมากที่สุด เราต้องผ่านเท่านั้นนะคะ ขั้นตอนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ประกบเลยค่ะ ต้องเตรียมเอกสารสำหรับยื่นให้สถานทูตและต้องเตรียมตัวเรื่องการตอบคำถามกับท่ากงศุลด้วยค่ะ ในขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็จะติดตามเราตลอดเลยค่ะ และมีการติวเข้มเรื่องการสัมภาษณ์ค่ะ เท่าที่เราทราบมาเรามีสิทธิ์สัมภาษณ์ได้ไม่เกิน3รอบใน1ปี ในกรณีที่ไม่ผ่าน (อันนี้เราไม่ทรายจริงๆค่ะ เช็คกับทางเอเจนซี่อีกทีนะคะ)
พอทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนนี้ ก็เก็บกระเป๋าเตรียมบินได้เลยค่ะ
หวังว่าจะสามารถช่วยให้ทุกคนตัดสินใจง่ายขึ้นนะคะ ขอบคุณค่าาา