[รีวิวหนัง] King Richard: จุดเริ่มต้นของความสำเร็จของยอดสองนักเทนนิสหญิงตลอดกาลจากชายที่ชื่อริชาร์ด

ชื่อของ "ริชาร์ด วิลเลียมส์" อาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูสำหรับใครหลายๆคน แต่หากเอ่ยถึง "วีนัส วิลเลียมส์" (Venus Williams) และ "เซเรนา วิลเลียส์" (Serena Williams) แม้แต่คนที่ไม่สนใจในกีฬาเทนนิส ก็ยังต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของพวกเธอในฐานะสองนักเทนนิสหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล ซึ่งบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากในการผลักดันทั้งคู่ให้ประสบความสำเร็จก็คือพ่อของพวกเธอ "ริชาร์ด วิลเลียมส์" นี่เอง

King Richrad เริ่มจากการฉายให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัววิลเลียมส์ในย่านคอมป์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เต็มไปด้วยปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติด อันประกอบไปด้วยสมาชิก 7 คน ริชาร์ด วิลเลียมส์ (รับบทโดย Will Smith) คุณพ่อหัวหน้าครอบครัวผู้ขยันขันแข็ง ออราซีน วิลเลียมส์ (รับบทโดย Aunjanue Ellis) ภรรยาผู้ร่วมหัวจมท้ายกับสามี และลูกสาวอีก 5 คน ประกอบด้วย วีนัส วิลเลียมส์ (รับบทโดย Saniyya Sidney) และ เซเรนา วิลเลียมส์ (รับบทโดย Demi Singleton) และพี่สาวต่างมารดาของพวกเธออีก 3 คนเ ริชาร์ดที่เห็นพรสวรรค์ด้านเทนนิสของวีนัสและเซเรนา เขาจึงสร้าง "แผนแม่บท 85 หน้า" เพื่อใช้เป็นประตูสู่ความสำเร็จของทั้งคู่และถีบครอบครัวให้พ้นจากความยากลำบาก

แม้ดูเผินๆหนังเรื่องนี้จะมาพร้อมกับพล็อตสูตรสำเร็จหนังคนล่าฝันสู้ชีวิต ใช่ ในช่วงต้นเรื่องหนังจะพาคนดูเข้าไปคลุกคลีอยู่กับครอบครัวนี้จนเสมือนเป็นอีกคนในครอบครัวเลยก็ว่าได้ ในช่วงนี้เราจะได้สัมผัสวิถีชีวิตและความอุตสาหะของริชาร์ดอย่างเต็มที่ ทั้งการพยายามหาสถานที่ซ้อมเทนนิสให้กับลูกทั้งสอง การปลูกฝังทัศนคติให้กับลูกๆ การเสียสละเวลาและชีวิตเพื่ออุทิศให้กับการซ้อมเทนนิสแม้ในวันฝนตกหนัก ความพยายามวิ่งเข้าหาโค้ชมาช่วยฝึกสอน ซึ่งดูเหมือนว่าในช่วงนี้นี่เองที่คนดูค่อยๆ ซึมซับและพร้อมจะเอาใจช่วยครอบครัวนี้ให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ต่างออกไป เห็นทีจะเป็นวิธีการฝึกลูกสาวทั้งสองคนของริชาร์ด อย่างที่บอกไป "แผนแม่บท 85 หน้า" ที่ริชาร์ดจัดทำขึ้น เราได้เห็นเขากล่าวเพียงช่วงต้นของหนังเท่านั้น หลังจากนี้เราไม่อาจรู้ได้ว่า ริชาร์ดจะนำพาครอบครัวของเขาไปในทิศทางไหน ซึ่งในหนังชีวประวัติเรื่องอื่นๆ อาจจะเน้นย้ำความเสียสละ ความเจ็บปวดที่ต้องแลกมากับความสำเร็จในอาชีพ เช่น การสูญเสียวัยเด็ก แต่ดูเหมือนริชาร์ดจะวางแผนไว้แยบยลกว่านั้น เพราะเขาเลือกที่จะไม่ให้วีนัสและเซเรนาลงแข่งระดับเยาวชน (ที่นักเทนนิสดังๆหลายคนมักทำกัน) 

แต่ริชาร์ดกลับเลือกให้ลูกๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เด็กคนหนึ่งสมควรได้รับ ได้ไปเที่ยว เรียนหนังสือ มีเพื่อน แล้วทิ้งเทนนิสไว้เหลือแค่การฝึกซ้อมในแต่ละวันเท่านั้น แม้แต่การมีข้อเสนอเซ็นต์สัญญาด้วยเงินจำนวนมหาศาลเขาก็ยอมปฏิเสธไปเพียงเพราะว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม นั่นทำให้ทั้งคนดูและ "ริก มัคชี" (รับบทโดย Jon Bernthal) โค้ชของวีนัสที่ยอมทุ่มเงินพาครอบครัวย้ายมาฝึกที่ฟลอริดา แถมหาโอกาสในอาชีพให้อีกมากมายถึงกับหัวเสียเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ริชาร์ดกำลังทำอยู่ แต่ริชาร์ดก็ยังคงเชื่อมั่นว่าลูกๆของเขาจะสร้างความสำเร็จและเงินทองได้ยิ่งใหญ่และมากมายกว่านี้แน่นอน เพียงแต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการวางรากฐานในการเป็นมนุษย์คนหนึ่งให้กับลูกๆ เขาไม่อยากเห็นลูกของเขาที่มัวแต่ฝึกซ้อมแล้วก็แข่ง จนเงยหน้ามาอีกทีก็กลายเป็นผู้ใหญ่ที่สูญเสียอะไรหลายๆอย่างในชีวิตไป เหมือนกับตัวเขาที่เป็นแบบนั้น 

กลายเป็นว่าจากไม่มีอะไร คนดูจึงต้องคอยลุ้นแทนว่า ริชาร์ดจะนำพาครอบครัวไปในทิศทางไหน แน่นอนหลายครั้งเราหงุดหงิดกับการตัดสินใจบ้าๆ ของเขา ทั้งๆที่เราต่างรู้ผลลัพธ์ของทั้งคู่แล้ว แต่ก็อดเอาใจช่วยทั้งคู่ไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะในแมทซ์สุดท้ายของเรื่อง หนังก็ตลบหลังคนดูด้วยสถานการณ์อันยากลำบากของวีนัส สร้างความรู้สึกเอาใจช่วยตัวละครได้อยู่หมัด

ในด้านการแสดงด้วยความที่ชื่อหนังคือ King Richrad บุคคลที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมดจึงไม่ใช่ใครที่ไหน แล้ว วิลล์ สมิธ ก็ถ่ายทอดความเป็นริชาร์ด วิลเลียมส์ ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งในฐานะของหัวหน้าครอบครัวที่อบอุ่น หรือจะเป็นเผด็จการอีโก้สูงไม่ฟังใคร ความเด็ดขาดและเอาแน่เอานอนไม่ได้ของริชาร์ดที่เป็นประเด็นสำคัญของเรื่องอย่างที่กล่าวไปแล้ว หรือแววตาความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานที่ทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่งไปพร้อมๆกันของเขานี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ออสการ์จะเลือกให้เขาเป็น 1ใน5 นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่สามของเจ้าตัว

ถ้าจะบอกว่าวิลล์ สมิธ เป็นดั่งช้างเท้าหน้าแล้ว ช้างเท้าหน้าอีกข้าง คงเห็นจะเป็น อวนจานู เอลลิส ในบทภรรยาของริชาร์ด ที่การแสดงของเธอนอกจากจะทรงพลังไม่ต่างจากวิลล์ สมิธ แล้ว หลายๆครั้งที่ทั้งคู่ต้องปะทะกัน ยังเป็นเอลลิสที่ช่วยขับเน้นพลังการแสดงของวิลล์ขึ้นไปอีกอย่างน่าอัศจรรย์ จนไม่น่าแปลกใจอีกเช่นกันที่จะได้เห็นเธออยู่ในรายชื่อของนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากออสการ์ในปีนี้

หนังปิดท้ายด้วยการนำฟุตเทจของครอบครัวริชาร์ดตัวจริงมาฉายให้ดู นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรารู้สึกได้ว่า ตลอดที่ผ่านมาทั้งเรื่องคือของจริงแบบไม่ต้องกังขาใดๆ และโปรดักชั่นของหนังยังสร้างฉากยุค 90 ได้ออกมาสมบูรณ์แบบทั้งรายละเอียดต่างๆและการใช้โทนสีของภาพ

สรุป King Richrad อาจจะมาพร้อมกับสูตรสำเร็จแบบอเมริกันดรีม ที่ว่าด้วยการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความสำเร็จ แต่ด้วยความเป็นริชาร์ดนี่เองที่สร้างความแตกต่างให้กับเนื้อเรื่องจนคนดูอดเอาใจช่วยไม่ได้ รวมถึงแสดงของวิลล์ สมิธ และ อวนจานู เอลลิส ที่โดดเด่นจนส่งให้ทั้งคู่เข้าชิงรางวัลออสการ์อย่างไม่น่าแปลกใจ

King Richrad เข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 94 ประจำปี 2022 มากถึง 6 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม,เพลงประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม

ฝากเพจ Story Decoder ด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่