ก่อนอื่นขอสวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ สมัคร pantip มาเพื่อแบ่งปันเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ
เพราะอยากให้ทุกคนระมัดระวังการใช้ชีวิตกันมากขึ้น ในสถานการณ์แบบนี้
แม้จะมีคนมาแบ่งปันหลายกระทู้แล้ว เอาเป็นเรียกว่าขอมาเม้าท์เรื่องของเราให้ฟังก็แล้วกันค่ะ
จุดเริ่มต้นของเรื่องราว...
เล่าก่อนว่าปกติแล้วเราเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาทั่วไปค่ะ
วิถีชีวิตคือ เช้าเดินทางไปทำงานโดย bts ขากลับก็แบบเดียวกันค่ะเป็นแบบนี้แทบทุกวัน
(ยิ่งช่วงนี้ที่การแพร่ระบาดของเชื้อหนักๆ เราแค่เดินทางไปทำงาน และเดินทางกลับคอนโดโดยไม่ได้ไปไหนนอกเหนือจากนี้เลย)
กระทั่ง วันที่ 8 มี.ค. 65 อยู่ๆ เราตรวจ ATK แล้วพบว่าผลเป็นบวกค่ะ บอกเลยค่ะวินาทีนั้นล่กมาก
วันนั้นในระหว่างที่รอเดินทางเพื่อไปตรวจ rt-pcr เลยมานั่งย้อนคิดค่ะว่า จุดเริ่มต้นของความบันเทิงครั้งนี้มันเกิดขึ้นจากจุดไหนกันแน่
เลยนั่งนึกย้อนไทม์ไลน์ไป 7 วันที่แล้ว เอาล่ะมีอยู่แค่ 2 วันเท่านั้นที่ใช้ชีวิตนอกเหนือไปจากการแค่เดินทางไปทำงาน-กลับห้อง
นั่นก็คือวันเสาร์ที่ 5 มี.ค. เราไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับเพื่อนอีก 3 คน (ซึ่งเป็นร้านในห้องแอร์)
กับวันอาทิตย์ที่ 6 มี.ค. ช่วงเย็นที่มีความอารมณ์ดีไปเดินตลาดสดซื้อของมาตุนไว้เพื่อทำข้าวกล่องไปกินที่ทำงาน
นอกนั้นนับย้อนไปใน 7 วันคือไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปทำงานเลย!
เอาล่ะเบื้องต้นเราเลยเดาว่า ไม่ติดจากตอนไปร้านอาหาร ก็น่าจะจากตอนไปเดินตลาดแหละ
(เรื่องตอนเดินทางไปทำงานก็ไม่น่านะ รอดมาตั้งหลายซีซั่นจะมาเกมซีซั่นนี้ก็ไม่น่าใช่)
ตอนนั้นเลยรีบโทรไปบอกให้เพื่อนที่ไปกินข้าวด้วยกันตรวจ ATK ก่อนเป็นอันดับแรก สรุป ไม่มีใครติดเลยจ้า (ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครติดเลย)
แต่ถ้าจะบอกว่าติดมาจากตลาด นี่ก็คิดว่ามันก็จะตรวจเจอไวไปป่ะวะ (ถ้าเอาเป๊ะๆ คือ 2 คืน 1 วัน ก็คือตรวจเจอแล้ว เพราะไปตลาดเย็นวันอาทิตย์
ตรวจเจอเช้าวันอังคาร) เลยกลายเป็นว่า ไม่รู้จริงๆ ว่าติดจากไหน คนรอบข้างเราก็ไม่มีใครที่จะนำมาติดเราได้เลย
ที่ทำงานไม่มี คนในครอบครัวก็ไม่มีเพราะอยู่คนเดียว (แต่ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือเป็นประจำอย่างเคร่งครัดเท่าไร หน้ากากอนามัยใส่แบบเกรดทางการแพทย์แต่บางวันก็เผลอใส่ชั้นเดียว ก็คือไม่ค่อยระวังตัวเท่าที่ควรนั่นแหละ)
เอาล่ะในเมื่อไม่ได้ข้อสรุปก็ปล่อยไปก่อน แต่ใดๆ ก็คือแจ้งคนรอบข้าง (เพื่อนที่ทำงาน) ให้กักตัวกันไปตามระเบียบ
กลับมาที่ตอนเช้าของวันที่ตรวจ ATK แล้วผลเป็นบวก ส่วนตัวเราก็คือเดินทางไปตรวจ rt-pcr หลังจากนั้นแทบจะทันที
โดยได้รับคำแนะนำจากคนที่เคยมีประสบการณ์ให้ไปตรวจที่ รพ.เอกชน แห่งหนึ่ง ก็คือ walk-in เข้าไปแบบไม่จองใดๆ
ไปถึงประมาณ 8 โมงเช้า คนเยอะประมาณหนึ่ง แต่รอถึงประมาณ 10 โมงก็ได้ตรวจแล้ว
ประมาณ 6 โมงเย็นของวันเดียวกันก็ได้ผลการตรวจเป็นไฟล์จากระบบของ รพ. เลยค่ะ (วันถัดไปช่วงเช้าก็มีพยาบาลโทรมาคอนเฟิร์มอีกทีด้วย)
สรุป ก็คือยืนยันว่าติดเชื้อไปตามระเบียบ แต่เอาจริงๆ มั่นใจมากแล้วล่ะว่าติด
เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าหลังจากไปตรวจที่ รพ. กลับห้องมามันเริ่มมีอาการอื่นมาร่วมแจมแล้วค่ะ
เกริ่นก่อนว่าคืนก่อนที่จะตรวจ ATK ว่าติด ช่วงค่ำทุกอย่างยังเป็นปกติไม่ได้รู้สึกอะไรเลยค่ะ ไม่ได้มีวี่แวว ไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น
กระทั่งกลางดึกสะดุ้งตื่นขึ้นมารู้สึกเจ็บคอ (แต่ตอนนั้นคิดว่าเป็นเพราะเราแพ้อากาศ ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เป็นแทบจะทุกวัน)
ตอนนั้นคิดว่าตื่นเช้าขึ้นมาน่าจะหายเหมือนปกติ สรุป พอเช้าตื่นจะไปทำงาน มันกลายเป็นว่าเจ็บคอมากขึ้น เจ็บแบบไม่อยากกลืนน้ำลายเลย
จึงเป็นเหตุให้เอา ATK ขึ้นมาลองตรวจ (ทั้งๆ ที่วันก่อนหน้าก็คือตรวจ ATK ตอนเช้าก่อนไปทำงานรอบนึงแล้วเป็นลบ
เพราะเป็นวันจันทร์ที่ต้องรายงานก่อนเข้าออฟฟิศ)
ตรวจ ATK เราใช้ตรวจแบบน้ำลายเป็นอันแรก ปรากฏว่าขึ้นสองขีดแบบชัดมากและขึ้นขีดตัว T ตั้งแต่แรกแบบไม่ต้องลุ้นไปเลยจ้า
ความรู้สึกตอนนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมากค่ะ นั่ง งง ไปอยู่แปปนึง
แต่ใจก็แบบ เฮ้ย เราจะไปติดมาจากไหนได้วะ ที่ตรวจอาจจะพลาด ก็เลยลองตรวจแบบแยงจมูกอีกทีซึ่งตอนแรกไม่ขึ้นค่ะ ก็ใจชื้นไปพักหนึ่ง
แต่พอครบ 15 นาทีมาดูอีกที ก็คือขึ้นจ้ะ แต่ขึ้นแบบจางในจางมาก (จึงเป็นเหตุให้รีบไปตรวจ rt-pcr ให้รู้แล้วรู้รอดไป)
ระหว่างนั้นอาการเจ็บคอมันก็ค่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหลังกลับจากไปตรวจก็เริ่มมีอาการปวดหัวค่ะ สักพักวัดไข้ก็ต่ำๆ อยู่ที่ประมาณ 37.5 C
ตอนนั้นก็ค่อนข้างชัวร์ด้วยตัวเองแล้วล่ะค่ะว่าใช่แน่นอน
หลังจากได้รับการยืนยันผลการตรวจ
เอาจริงๆ ก่อนหน้าที่เราจะได้รับยืนยันผลการตรวจ เราก็ทยอยลงทะเบียนขอทำ home isolation กับหน่วยงานต่างๆ ทันทีเลยค่ะ
(เราติดต่อหลายที่ ลงทะเบียนไปหลายแอพ หลายหน่วยมาก แต่พูดตรงๆ ไม่เวิร์คค่ะ แต่เราไม่มีทางเลือกก็ต้องสรรหาติดต่อเข้าไปเรื่อยๆ ค่ะ 5555)
อยากบอกว่าสายด่วนที่คนแนะนำให้โทรๆ กันอ่ะค่ะ ค่อนข้างที่จะล่าช้ามากในการทำเรื่องให้เรา (แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าช่วงนี้คนติดเชื้อเพิ่มขึ้นเยอะมาก)
แต่จำได้ว่าเราลงทะเบียนไปประมาณวันนึงเต็มๆ ถึงจะติดต่อกลับมาเพื่อบอกว่า เราต้องทำ home isolation แต่ต้องไปรับยาเอง
รับยาเองในที่นี้คือให้ญาตินำบัตรประชาชนของเราไปรับยาแทน โดยต้องไปในวันทำการ จ-ศ เวลา 8.00 - 11.00 น. เท่านั้น!
แต่อย่างที่เราเคยบอกไปว่า เราอยู่ตัวคนเดียวจะทำยังไงล่ะ ก็ไม่มีทางแก้ปัญหาให้เรานะคะ (ตอนแรกเราจะไหว้วานเพื่อนที่ทำงานไปรับยาให้
ก็คือจำกัดอีกว่าได้แค่ 08.00 - 11.00 น. คือใครมันจะไปสะดวกก่อน สภาพพพพ!)
เค้าเลยแนะนำอีกหนึ่งช่องทางคือ ซึ่งช่องทางที่ว่าก็คือให้โทรไปตาม รพ.รัฐ ต่างๆ เองค่ะ ว่ามีที่ไหนรับดูแลแบบ home isolation บ้าง
สรุปง่ายๆ คือ ต้องไขว่คว้าและหาดูแลตัวเองค่ะ ว่าจะรักษายังไงต่อ 55555555
หลังจากที่ไล่โทรติดต่อ รพ.รัฐ ไม่ต่ำกว่า 5 ที่ ใช้เวลาผ่านไปอีกวันนึงเต็มๆ โดยไม่รู้จะกินยาอะไร (นอกจากพาราแก้ไข้) จะรักษาตัวอย่างไร
ก็มี รพ.รัฐที่นึงติดต่อกลับมาค่ะ (น้ำตาจะไหล) ตอนนั้นกะว่า ถ้าติดต่อใครไม่ได้เลย จะกลับบ้านไปรักษาที่ต่างจังหวัดแล้ว
ตอนแรกทาง รพ.จะส่งรถมารับเราไปเข้า รพ.สนามในสังกัดของรพ.เลยค่ะ แต่เราปฏิเสธไปว่าอาการไม่ได้หนักมาก
ขอทำ home isolation อยู่ที่ห้องจะสะดวกกว่า ทางเจ้าหน้าที่ก็โอเคดีมากค่ะ ลงทะเบียนทำ home isolation ให้เราเสร็จสรรพ
เราก็ถามว่าเรื่องยาเราจะรับอย่างไรได้บ้างเพราะเราไม่สะดวก เพราะอยู่คนเดียว
โชคดีมากที่ที่นี่บอกให้ญาติมารับยาแทนได้ถึง 19.00 น. เลย เราเลยสามารถฝากเพื่อนไปรับยามาได้
(แต่ใดๆ คือต้องยืนยันตัวตนในไลน์ของ รพ. พร้อมผลตรวจจาก รพ.ก่อนหน้าของเรานะคะ เพราะเราไม่ได้ตรวจกับ รพ.นี้ตั้งแต่แรก)
ยาที่ได้รับมาหลักๆ ก็ ฟาวิพิราเวียร์ กับยาตามอาการที่เราแจ้งไป (พารา ยาแก้ไอ ยาแก้เจ็บคอ)
อุปกรณ์ปรอทวัดไข้ ที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว หน้ากากอนามัย ประมาณนี้ค่ะ
ทาง รพ. ก็จะให้เรารายงานสุขภาพ ระดับออกซิเจน ชีพจร ทุกเช้าเย็น (ช่วงเช้าจะมีพยาบาลโทรมาถามไถ่อาการด้วย)
//จุดนี้ต้องขอบคุณเพื่อน พี่ น้อง หลายๆ คนมากที่ช่วยกันหาช่องทางติดต่อส่งเข้ามาให้ไม่หยุด
อาการช่วงที่รักษาตัวแบบ home isolation
อาการที่เป็นตั้งแต่เเรกเลยคืออาการเจ็บคอค่ะ อาการเจ็บคอคือทวีความเจ็บขึ้นเรื่อยๆใน 2-3 วันแรกเลยค่ะ
มีคนเคยสปอยให้ฟังว่าเจ็บเหมือนกลืนเข็ม ตอนแรกนี่ก็แซวไปว่าเว่อร์ แต่พอตัวเองมาเป็นเอง วันที่พีคสุดคือ มันไม่เกินจริงเลยค่ะ
แบบกลืนน้ำลายแล้วอยากร้องไห้เลย ไม่ไหวจริงๆ โชคดีที่ซื้อสเปรย์พ่นคอ Propoliz กับเม็ดฟู่ละลายเสมหะ NAC long มาละลายน้ำจิบๆ
คือจะบอกว่า 2 ตัวนั้น มันช่วยได้มากๆๆ ค่ะ เพราะอาการคือดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด ผ่านไปประมาณ 5 วันหลังจากวันแรกที่ตรวจพบเชื้อ
ก็คือไม่หลงเหลืออาการเจ็บคออีกเลยค่ะ (โชคดีที่เราไม่มีอาการไอเลยด้วย) และนอกจากเจ็บคอ กับเป็นไข้ต่ำๆ (ในวันแรก)
เราก็ไม่มีอาการอะไรที่บ่งบอกว่าเราติดโควิดอีกเลยค่ะ แทบจะเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป 100% ที่บังเอิญว่าตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีดเฉยๆ
(เอาจริงๆ ตรวจขึ้น 2 ขีดจนถึงตอนกักตัวครบ 10 วันตามใบรับรองแพทย์เลยค่ะ แต่มันไม่มีอาการอะไรแล้วเลยสามารถไปทำงานได้ตามปกติ)
สุดท้ายนี้...
เอาจริงๆ ที่มาเขียนกระทู้นี้ก็คือแค่อยากมาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ ค่ะ กับประสบการณ์ที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอด้วยตนเอง
อยากจะบอกทุกคนว่า อย่าประมาทแบบเรานะคะ คือเราไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะติดมาจากจังหวะไหน
แนะนำให้ใส่หน้ากาก 2 ชั้นตลอดเวลาที่ออกไปข้างนอกนะคะ และฉีดมันเข้าไปค่ะสเปรย์ ล้างไปเลยค่ะ เอาให้มือเปื่อยไปเลย
ใครบอกว่าติดแล้วอาการไม่หนักเดี๋ยวก็หาย ถึงขนาดมีคนแซวเราว่า เราเหมือนได้ vacation 10 วันเลย
คือสภาพพพพ เอาอะไรมา vacation ก่อนคะ ต้องตั้งนาฬิกาปลุกมากินยาตามเวลาทุกวัน (ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายาจะส่งผลเสียกับสุขภาพในระบยะยาวไหม)
ต้องรายงานสุขภาพให้ รพ.ทุกวัน ระหว่างวันก็คือเพลียๆ ไม่สดชื่น อยากจะนอนๆ ให้มันพ้นๆไป ออกไปไหนก็ไม่ได้ (นานๆ เข้ามันเครียดมากนะคะ)
กรณีเราคือไม่มีคนส่งอาหารด้วย เพราะอยู่ไกลจาก รพ. ที่รับเรา home isolation ค่อนข้างมาก ก็ต้องสั่ง delivery กินเองทุกวัน (เปลืองเงินมากแม่)
หายแล้วก็ยังไม่รู้จะมีอาการ long covid ไหมอีก ชีวิตตตตตต
เอาเป็นว่าสุดท้ายนี้ขอบคุณ pantip สำหรับพื้นที่นี้ที่ให้เรามาตั้งกระทู้นะคะ
และขอให้เพื่อนๆ ทุกคนรักษาตัวรอด ปลอดภัยจากโรค สุขภาพร่างกายแข็งแรงค่ะ ^^
//หากมีข้อสงสัย หรือจะปรึกษาอะไรที่เราพอจะสามารถตอบได้ก็ถามกันมาได้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ประสบการณ์ติดเชื้อโควิด 19 แบบงงๆ ซีซั่น 2022 นี้ ฉันไม่รอดจ้ะ
เพราะอยากให้ทุกคนระมัดระวังการใช้ชีวิตกันมากขึ้น ในสถานการณ์แบบนี้
แม้จะมีคนมาแบ่งปันหลายกระทู้แล้ว เอาเป็นเรียกว่าขอมาเม้าท์เรื่องของเราให้ฟังก็แล้วกันค่ะ
จุดเริ่มต้นของเรื่องราว...
เล่าก่อนว่าปกติแล้วเราเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาทั่วไปค่ะ
วิถีชีวิตคือ เช้าเดินทางไปทำงานโดย bts ขากลับก็แบบเดียวกันค่ะเป็นแบบนี้แทบทุกวัน
(ยิ่งช่วงนี้ที่การแพร่ระบาดของเชื้อหนักๆ เราแค่เดินทางไปทำงาน และเดินทางกลับคอนโดโดยไม่ได้ไปไหนนอกเหนือจากนี้เลย)
กระทั่ง วันที่ 8 มี.ค. 65 อยู่ๆ เราตรวจ ATK แล้วพบว่าผลเป็นบวกค่ะ บอกเลยค่ะวินาทีนั้นล่กมาก
วันนั้นในระหว่างที่รอเดินทางเพื่อไปตรวจ rt-pcr เลยมานั่งย้อนคิดค่ะว่า จุดเริ่มต้นของความบันเทิงครั้งนี้มันเกิดขึ้นจากจุดไหนกันแน่
เลยนั่งนึกย้อนไทม์ไลน์ไป 7 วันที่แล้ว เอาล่ะมีอยู่แค่ 2 วันเท่านั้นที่ใช้ชีวิตนอกเหนือไปจากการแค่เดินทางไปทำงาน-กลับห้อง
นั่นก็คือวันเสาร์ที่ 5 มี.ค. เราไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับเพื่อนอีก 3 คน (ซึ่งเป็นร้านในห้องแอร์)
กับวันอาทิตย์ที่ 6 มี.ค. ช่วงเย็นที่มีความอารมณ์ดีไปเดินตลาดสดซื้อของมาตุนไว้เพื่อทำข้าวกล่องไปกินที่ทำงาน
นอกนั้นนับย้อนไปใน 7 วันคือไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปทำงานเลย!
เอาล่ะเบื้องต้นเราเลยเดาว่า ไม่ติดจากตอนไปร้านอาหาร ก็น่าจะจากตอนไปเดินตลาดแหละ
(เรื่องตอนเดินทางไปทำงานก็ไม่น่านะ รอดมาตั้งหลายซีซั่นจะมาเกมซีซั่นนี้ก็ไม่น่าใช่)
ตอนนั้นเลยรีบโทรไปบอกให้เพื่อนที่ไปกินข้าวด้วยกันตรวจ ATK ก่อนเป็นอันดับแรก สรุป ไม่มีใครติดเลยจ้า (ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครติดเลย)
แต่ถ้าจะบอกว่าติดมาจากตลาด นี่ก็คิดว่ามันก็จะตรวจเจอไวไปป่ะวะ (ถ้าเอาเป๊ะๆ คือ 2 คืน 1 วัน ก็คือตรวจเจอแล้ว เพราะไปตลาดเย็นวันอาทิตย์
ตรวจเจอเช้าวันอังคาร) เลยกลายเป็นว่า ไม่รู้จริงๆ ว่าติดจากไหน คนรอบข้างเราก็ไม่มีใครที่จะนำมาติดเราได้เลย
ที่ทำงานไม่มี คนในครอบครัวก็ไม่มีเพราะอยู่คนเดียว (แต่ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือเป็นประจำอย่างเคร่งครัดเท่าไร หน้ากากอนามัยใส่แบบเกรดทางการแพทย์แต่บางวันก็เผลอใส่ชั้นเดียว ก็คือไม่ค่อยระวังตัวเท่าที่ควรนั่นแหละ)
เอาล่ะในเมื่อไม่ได้ข้อสรุปก็ปล่อยไปก่อน แต่ใดๆ ก็คือแจ้งคนรอบข้าง (เพื่อนที่ทำงาน) ให้กักตัวกันไปตามระเบียบ
กลับมาที่ตอนเช้าของวันที่ตรวจ ATK แล้วผลเป็นบวก ส่วนตัวเราก็คือเดินทางไปตรวจ rt-pcr หลังจากนั้นแทบจะทันที
โดยได้รับคำแนะนำจากคนที่เคยมีประสบการณ์ให้ไปตรวจที่ รพ.เอกชน แห่งหนึ่ง ก็คือ walk-in เข้าไปแบบไม่จองใดๆ
ไปถึงประมาณ 8 โมงเช้า คนเยอะประมาณหนึ่ง แต่รอถึงประมาณ 10 โมงก็ได้ตรวจแล้ว
ประมาณ 6 โมงเย็นของวันเดียวกันก็ได้ผลการตรวจเป็นไฟล์จากระบบของ รพ. เลยค่ะ (วันถัดไปช่วงเช้าก็มีพยาบาลโทรมาคอนเฟิร์มอีกทีด้วย)
สรุป ก็คือยืนยันว่าติดเชื้อไปตามระเบียบ แต่เอาจริงๆ มั่นใจมากแล้วล่ะว่าติด
เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าหลังจากไปตรวจที่ รพ. กลับห้องมามันเริ่มมีอาการอื่นมาร่วมแจมแล้วค่ะ
เกริ่นก่อนว่าคืนก่อนที่จะตรวจ ATK ว่าติด ช่วงค่ำทุกอย่างยังเป็นปกติไม่ได้รู้สึกอะไรเลยค่ะ ไม่ได้มีวี่แวว ไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น
กระทั่งกลางดึกสะดุ้งตื่นขึ้นมารู้สึกเจ็บคอ (แต่ตอนนั้นคิดว่าเป็นเพราะเราแพ้อากาศ ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เป็นแทบจะทุกวัน)
ตอนนั้นคิดว่าตื่นเช้าขึ้นมาน่าจะหายเหมือนปกติ สรุป พอเช้าตื่นจะไปทำงาน มันกลายเป็นว่าเจ็บคอมากขึ้น เจ็บแบบไม่อยากกลืนน้ำลายเลย
จึงเป็นเหตุให้เอา ATK ขึ้นมาลองตรวจ (ทั้งๆ ที่วันก่อนหน้าก็คือตรวจ ATK ตอนเช้าก่อนไปทำงานรอบนึงแล้วเป็นลบ
เพราะเป็นวันจันทร์ที่ต้องรายงานก่อนเข้าออฟฟิศ)
ตรวจ ATK เราใช้ตรวจแบบน้ำลายเป็นอันแรก ปรากฏว่าขึ้นสองขีดแบบชัดมากและขึ้นขีดตัว T ตั้งแต่แรกแบบไม่ต้องลุ้นไปเลยจ้า
ความรู้สึกตอนนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมากค่ะ นั่ง งง ไปอยู่แปปนึง
แต่ใจก็แบบ เฮ้ย เราจะไปติดมาจากไหนได้วะ ที่ตรวจอาจจะพลาด ก็เลยลองตรวจแบบแยงจมูกอีกทีซึ่งตอนแรกไม่ขึ้นค่ะ ก็ใจชื้นไปพักหนึ่ง
แต่พอครบ 15 นาทีมาดูอีกที ก็คือขึ้นจ้ะ แต่ขึ้นแบบจางในจางมาก (จึงเป็นเหตุให้รีบไปตรวจ rt-pcr ให้รู้แล้วรู้รอดไป)
ระหว่างนั้นอาการเจ็บคอมันก็ค่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหลังกลับจากไปตรวจก็เริ่มมีอาการปวดหัวค่ะ สักพักวัดไข้ก็ต่ำๆ อยู่ที่ประมาณ 37.5 C
ตอนนั้นก็ค่อนข้างชัวร์ด้วยตัวเองแล้วล่ะค่ะว่าใช่แน่นอน
หลังจากได้รับการยืนยันผลการตรวจ
เอาจริงๆ ก่อนหน้าที่เราจะได้รับยืนยันผลการตรวจ เราก็ทยอยลงทะเบียนขอทำ home isolation กับหน่วยงานต่างๆ ทันทีเลยค่ะ
(เราติดต่อหลายที่ ลงทะเบียนไปหลายแอพ หลายหน่วยมาก แต่พูดตรงๆ ไม่เวิร์คค่ะ แต่เราไม่มีทางเลือกก็ต้องสรรหาติดต่อเข้าไปเรื่อยๆ ค่ะ 5555)
อยากบอกว่าสายด่วนที่คนแนะนำให้โทรๆ กันอ่ะค่ะ ค่อนข้างที่จะล่าช้ามากในการทำเรื่องให้เรา (แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าช่วงนี้คนติดเชื้อเพิ่มขึ้นเยอะมาก)
แต่จำได้ว่าเราลงทะเบียนไปประมาณวันนึงเต็มๆ ถึงจะติดต่อกลับมาเพื่อบอกว่า เราต้องทำ home isolation แต่ต้องไปรับยาเอง
รับยาเองในที่นี้คือให้ญาตินำบัตรประชาชนของเราไปรับยาแทน โดยต้องไปในวันทำการ จ-ศ เวลา 8.00 - 11.00 น. เท่านั้น!
แต่อย่างที่เราเคยบอกไปว่า เราอยู่ตัวคนเดียวจะทำยังไงล่ะ ก็ไม่มีทางแก้ปัญหาให้เรานะคะ (ตอนแรกเราจะไหว้วานเพื่อนที่ทำงานไปรับยาให้
ก็คือจำกัดอีกว่าได้แค่ 08.00 - 11.00 น. คือใครมันจะไปสะดวกก่อน สภาพพพพ!)
เค้าเลยแนะนำอีกหนึ่งช่องทางคือ ซึ่งช่องทางที่ว่าก็คือให้โทรไปตาม รพ.รัฐ ต่างๆ เองค่ะ ว่ามีที่ไหนรับดูแลแบบ home isolation บ้าง
สรุปง่ายๆ คือ ต้องไขว่คว้าและหาดูแลตัวเองค่ะ ว่าจะรักษายังไงต่อ 55555555
หลังจากที่ไล่โทรติดต่อ รพ.รัฐ ไม่ต่ำกว่า 5 ที่ ใช้เวลาผ่านไปอีกวันนึงเต็มๆ โดยไม่รู้จะกินยาอะไร (นอกจากพาราแก้ไข้) จะรักษาตัวอย่างไร
ก็มี รพ.รัฐที่นึงติดต่อกลับมาค่ะ (น้ำตาจะไหล) ตอนนั้นกะว่า ถ้าติดต่อใครไม่ได้เลย จะกลับบ้านไปรักษาที่ต่างจังหวัดแล้ว
ตอนแรกทาง รพ.จะส่งรถมารับเราไปเข้า รพ.สนามในสังกัดของรพ.เลยค่ะ แต่เราปฏิเสธไปว่าอาการไม่ได้หนักมาก
ขอทำ home isolation อยู่ที่ห้องจะสะดวกกว่า ทางเจ้าหน้าที่ก็โอเคดีมากค่ะ ลงทะเบียนทำ home isolation ให้เราเสร็จสรรพ
เราก็ถามว่าเรื่องยาเราจะรับอย่างไรได้บ้างเพราะเราไม่สะดวก เพราะอยู่คนเดียว
โชคดีมากที่ที่นี่บอกให้ญาติมารับยาแทนได้ถึง 19.00 น. เลย เราเลยสามารถฝากเพื่อนไปรับยามาได้
(แต่ใดๆ คือต้องยืนยันตัวตนในไลน์ของ รพ. พร้อมผลตรวจจาก รพ.ก่อนหน้าของเรานะคะ เพราะเราไม่ได้ตรวจกับ รพ.นี้ตั้งแต่แรก)
ยาที่ได้รับมาหลักๆ ก็ ฟาวิพิราเวียร์ กับยาตามอาการที่เราแจ้งไป (พารา ยาแก้ไอ ยาแก้เจ็บคอ)
อุปกรณ์ปรอทวัดไข้ ที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว หน้ากากอนามัย ประมาณนี้ค่ะ
ทาง รพ. ก็จะให้เรารายงานสุขภาพ ระดับออกซิเจน ชีพจร ทุกเช้าเย็น (ช่วงเช้าจะมีพยาบาลโทรมาถามไถ่อาการด้วย)
//จุดนี้ต้องขอบคุณเพื่อน พี่ น้อง หลายๆ คนมากที่ช่วยกันหาช่องทางติดต่อส่งเข้ามาให้ไม่หยุด
อาการช่วงที่รักษาตัวแบบ home isolation
อาการที่เป็นตั้งแต่เเรกเลยคืออาการเจ็บคอค่ะ อาการเจ็บคอคือทวีความเจ็บขึ้นเรื่อยๆใน 2-3 วันแรกเลยค่ะ
มีคนเคยสปอยให้ฟังว่าเจ็บเหมือนกลืนเข็ม ตอนแรกนี่ก็แซวไปว่าเว่อร์ แต่พอตัวเองมาเป็นเอง วันที่พีคสุดคือ มันไม่เกินจริงเลยค่ะ
แบบกลืนน้ำลายแล้วอยากร้องไห้เลย ไม่ไหวจริงๆ โชคดีที่ซื้อสเปรย์พ่นคอ Propoliz กับเม็ดฟู่ละลายเสมหะ NAC long มาละลายน้ำจิบๆ
คือจะบอกว่า 2 ตัวนั้น มันช่วยได้มากๆๆ ค่ะ เพราะอาการคือดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด ผ่านไปประมาณ 5 วันหลังจากวันแรกที่ตรวจพบเชื้อ
ก็คือไม่หลงเหลืออาการเจ็บคออีกเลยค่ะ (โชคดีที่เราไม่มีอาการไอเลยด้วย) และนอกจากเจ็บคอ กับเป็นไข้ต่ำๆ (ในวันแรก)
เราก็ไม่มีอาการอะไรที่บ่งบอกว่าเราติดโควิดอีกเลยค่ะ แทบจะเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป 100% ที่บังเอิญว่าตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีดเฉยๆ
(เอาจริงๆ ตรวจขึ้น 2 ขีดจนถึงตอนกักตัวครบ 10 วันตามใบรับรองแพทย์เลยค่ะ แต่มันไม่มีอาการอะไรแล้วเลยสามารถไปทำงานได้ตามปกติ)
สุดท้ายนี้...
เอาจริงๆ ที่มาเขียนกระทู้นี้ก็คือแค่อยากมาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ ค่ะ กับประสบการณ์ที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอด้วยตนเอง
อยากจะบอกทุกคนว่า อย่าประมาทแบบเรานะคะ คือเราไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะติดมาจากจังหวะไหน
แนะนำให้ใส่หน้ากาก 2 ชั้นตลอดเวลาที่ออกไปข้างนอกนะคะ และฉีดมันเข้าไปค่ะสเปรย์ ล้างไปเลยค่ะ เอาให้มือเปื่อยไปเลย
ใครบอกว่าติดแล้วอาการไม่หนักเดี๋ยวก็หาย ถึงขนาดมีคนแซวเราว่า เราเหมือนได้ vacation 10 วันเลย
คือสภาพพพพ เอาอะไรมา vacation ก่อนคะ ต้องตั้งนาฬิกาปลุกมากินยาตามเวลาทุกวัน (ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายาจะส่งผลเสียกับสุขภาพในระบยะยาวไหม)
ต้องรายงานสุขภาพให้ รพ.ทุกวัน ระหว่างวันก็คือเพลียๆ ไม่สดชื่น อยากจะนอนๆ ให้มันพ้นๆไป ออกไปไหนก็ไม่ได้ (นานๆ เข้ามันเครียดมากนะคะ)
กรณีเราคือไม่มีคนส่งอาหารด้วย เพราะอยู่ไกลจาก รพ. ที่รับเรา home isolation ค่อนข้างมาก ก็ต้องสั่ง delivery กินเองทุกวัน (เปลืองเงินมากแม่)
หายแล้วก็ยังไม่รู้จะมีอาการ long covid ไหมอีก ชีวิตตตตตต
เอาเป็นว่าสุดท้ายนี้ขอบคุณ pantip สำหรับพื้นที่นี้ที่ให้เรามาตั้งกระทู้นะคะ
และขอให้เพื่อนๆ ทุกคนรักษาตัวรอด ปลอดภัยจากโรค สุขภาพร่างกายแข็งแรงค่ะ ^^
//หากมีข้อสงสัย หรือจะปรึกษาอะไรที่เราพอจะสามารถตอบได้ก็ถามกันมาได้นะคะ
ขอบคุณค่ะ