เราเองเป็นอีกคนที่ระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ หลังจากที่มีโรคโควิดเข้ามาตั้งแต่ซีซั่นแรกเลย การระวังตัวในที่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีทัศนะคติเชิงลบกับสังคม หรือคนอื่นๆน่ะ การระวังตัวของเราคือการป้องกันตัวเอง ดูแลตัวเองไม่ให้ติดเชื้อต่างหาก เช่น
- ใส่แมสตลอดเวลา ทั้งการออกไปข้างนอก และอยู่ในที่ทำงาน
- ฉีดวัคซีน ซึ่งตอนนี้ได้ 3 เข็ม สูตรไขว้
- สเปรย์แอลกอฮอล์พกและทำความสะอาดไม่ขาด
- ล้างมือบลาๆๆ ก็ว่ากันไป
แต่มาซีซั่นล่าสุดเรากลับไม่รอดซ่ะงั้น เอ๊า!! ในเมื่อติดไปแล้วก็ต้องรักษาดูแลตัวเองต่อไปนั้นแหล่ะ
ในวันที่ติดโควิดเรารู้ตัวเลยว่าโดนแน่ๆเพราะน้องในออฟฟิศที่ติดโควิด ได้นั่งไกล้ชิดแบบตัวติดกันกับเราะเพราะนางมาบรีฟงานกราฟฟิคกับเรา พอตกเย็นนางประกาศว่าติดเชื้อ เรานี่ นั้นไง!! ไม่รอดแล้วไงเรา
สำหรับอาการของเราคือ
วันแรก หลังจากที่รู้ว่าน้องเค้าติดเชื้อ ตรวจพบ 2 ขีด เรายังปกติ รู้สึกแค่ครั้นเนื้อครั้นตัว ตรวจ ATK 1 ขีด
วันที่สอง อาการปวดตามตัวแรงขึ้น เริ่มมีอาการเจ็บคอ แต่ตรวจ ATK ขึ้น 1 ขีด ปกติ
วันที่สาม มีอาการเหมือนไข้หวัดชัดเจน ตัวร้อนสูง เป็นไข้สูง พอตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด ชัดเจน จบเกมส์
จึงได้ทำการแจ้ง HR เพื่อแจ้งให้ทุกคนที่ร่วมงาน หรือคลุกคลีทราบต่อไป และเริ่มกักตัวตัวเองทันที
ดีหน่อยที่เราอยู่คอนโดเพียงคนเดียวจึงไม่มีปัญหาเรื่องการหาสถานที่กักตัว และเนื่องจากประกันสังคมเรายังอยู่ที่ต่างจังหวัด ไม่ได้ย้ายประกันสังคมเข้ามาใน กทม. จึงเกิดคิดว่ามีปัญหาเรื่องการรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลแน่ๆ ทั้งนี้เราเองก็ได้ศึกษาเรื่องการรักษาใน โรงพยาบาล และยาที่จะได้ เราจึงตัดสินใจที่จะกักตัว และรักษาตัวเองตามอาการ ด้วยการทานยา แม้จะไม่ได้ทานฟาวิฯก็ตาม ซึ่งขั้นตอนปฏิบัติในตอนนั้นของเราคือ
หาร้านเข้าร่วมโครงการ “เจอ จ่าย จบ” แถวที่พัก ซึ่งเราก็เจอ และได้ยามาจากร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้
1. ฟ้าทะลายโจร (อภัยภูเบศ) ทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ติดต่อกัน 5 วัน
2. พาราเซตามอล 500 ml. ทานครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง
3. ยาลดน้ำมูก Rentex 10 เม็ด ทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน
4. ยาละลายเสมหะ Fluimucil A 200 10 ซอง ละลายน้ำ 1 แก้วทานวันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น
5. CERA ผงเกลือแร่ 5 ซอง จิบเวลาท้องเสีย หรืออ่อนเพลีย
ซึ่งยาดังกล่าว เภสัชฯจากทางร้านจะเป็นคนจัด และจ่ายให้เราถึงบ้านผ่าน Grab เลยทีเดียว ทั้งนี้เภสัชยังมีการตามอัพเดทและให้ข้อมูลแนะนำการปฏิบัติตัวผ่านทาง app line เป็นประจำทุกเช้าอีกด้วย ซึ่งดีมากๆ
อัพเดทอาการหลังการติดเชื้อ และกักตัว
วันที่ 1 อาการช่วงเช้าจะหนักมากหน่อย คือมีอาการเจ็บคอรุนแรงมาก ชนิดที่กลืนแค่น้ำลายยังลำบาก ปวดตามกล้ามเนื้อ ไม่มีน้ำมูก ไม่มีไข้ขึ้น (ทานได้แต่โจ๊กกระป๋องเท่านั้นเพราะอย่างอื่นกลืนลำบาก ทานยาครบ 3 มื้อตามที่เภสัชฯสั่ง และมีการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ) พอกลางวันกลับเป็นปกติ เหมือนไม่ได้เป็นอะไร มีแค่อาการเจ็บคอ
วันที่ 2 เจ็บคอเหมือนเดิม เริ่มมีไข้ ปวดศรีษะ น้ำมูกเริ่มมานิดหน่อย เสียงเริ่มหาย ปวดตามร่างกายเหมือนเดิม นอกนั้นไม่มีอาการอื่น (ทานโจ๊กวันที่ 2 ทานยาครบทั้ง 3 มื้อ ล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออีกครั้ง ) หลังจากนั้น กลางวันหายเป็นปกติ สามารถทำงาน WFH ได้ปกติ มีเหลือแค่อาการเจ็บคอ อมลูกอมแก้ไ ขับเสมหะช่วยไปด้วย ตกเย็นน้ำมูกเริ่มมา
วันที่ 3 อาการเจ็บคอมีมาเหมือนเดิม เสียงยังหาย อาการอื่นๆหายไปแล้ว ไม่ไอ ไม่ปวดหัว ไม่ปวดกล้ามเนื้อ น้ำมูกมีนิดหน่อย
จากนี้ต้องรอดูวันถัดๆไป อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
สำหรับเราโชคดีหน่อยที่แม้จะไม่ได้เข้า รพ.เพื่อรักษาตัวและทานยา ฟาวิฯ แต่ทางบริษัทของเราก็มีสวัสดีการที่ดีมาก ดูแลเป็นอย่างดี HR คอยโทรมาสอบถามอาการสม่ำเสมอ สอบถามตลอดว่าต้องการอะไรเพิ่มไหม เจ้านายก็โทรมาสอบถามอาการไม่ขาด และได้ส่งกระเช้าผลไม้มาเยี่ยม ซื้อยาที่จำเป็นทางออนไลน์ให้ line man มาส่งให้ถึงคอนโด แค่โทรมาได้ยินเสียงของเราว่าหายไป ก็ซื้อยาสเปร์ยพ่นคอมาให้ ซื้อยาอมมาให้ เรียกได้ว่าดูแลสวัสดิภาพเราเป็นอย่างดีเลย
ส่วนของเพื่อนๆที่ทราบข่าวว่าเราติด ก็นะ ส่งทั้งอาหารเสริมบำรุงร่างกายมาให้ ส่งฟ้าทะลายโจรมาให้เพียบ ซึ่งตอนนี้บอกได้เลยว่าทั้งยา ฟ้าทะลายโจร และอาหารเสริมอื่นๆ ตอนนี้เต็มตู้เย็นเราไปหมด จนปัญหาเราตอนนี้คือ..ตกลงจะทานอะไรเมื่อไหร่ ตอนไหนถึงจะพอเหมาะ เครียดกว่าติดโควิดซะอีก
บทสรุปของเราตอนนี้ ยังไม่มีว่าจะหายเมื่อไหร่ หรือตอนไหน แต่สิ่งที่เราได้จากการติดโควิดครั้งนี้คือ เห็นชัดมากเรื่องมิตรภาพต่างๆ ทั้งจากเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย และเพื่อนเก่าเพื่อแก่ หรือแม้แต่เพื่อนทางออนไลน์ที่รู้จักกันมานาน คอยสอบถามสารทุกข์สุขดิบ แนะนำให้คำปรึกษา ปลอบใจ หรือส่งของมาให้ และอื่นๆ อีกมากมาย เราว่าการติดครั้งนี้คุ้มแฮ่ะ ทำให้เราไม่รู้สึกเคว้งอยู่คนเดียว เพราะอย่างที่บอกไว้ข้างต้นคือเราเป็นแค่คน ตจว. เข้าเมืองมาทำงานเพียงคนเดียว อาศัยอยู่คนเดียวในเมืองหลวงนี้ (โหมดดอกหญ้าในป่าปูนซ่ะงั้น) แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว หรือหัวเดียวกระเทียมลีบ สบายใจล่ะ!!! #คิดบวกแหละ!
[SR] รีวิว : ติดโควิดครั้งแรกในชีวิต หลังจากรอดมาได้ทุกซีซั่น
- ใส่แมสตลอดเวลา ทั้งการออกไปข้างนอก และอยู่ในที่ทำงาน
- ฉีดวัคซีน ซึ่งตอนนี้ได้ 3 เข็ม สูตรไขว้
- สเปรย์แอลกอฮอล์พกและทำความสะอาดไม่ขาด
- ล้างมือบลาๆๆ ก็ว่ากันไป
แต่มาซีซั่นล่าสุดเรากลับไม่รอดซ่ะงั้น เอ๊า!! ในเมื่อติดไปแล้วก็ต้องรักษาดูแลตัวเองต่อไปนั้นแหล่ะ
ในวันที่ติดโควิดเรารู้ตัวเลยว่าโดนแน่ๆเพราะน้องในออฟฟิศที่ติดโควิด ได้นั่งไกล้ชิดแบบตัวติดกันกับเราะเพราะนางมาบรีฟงานกราฟฟิคกับเรา พอตกเย็นนางประกาศว่าติดเชื้อ เรานี่ นั้นไง!! ไม่รอดแล้วไงเรา
สำหรับอาการของเราคือ
วันแรก หลังจากที่รู้ว่าน้องเค้าติดเชื้อ ตรวจพบ 2 ขีด เรายังปกติ รู้สึกแค่ครั้นเนื้อครั้นตัว ตรวจ ATK 1 ขีด
วันที่สอง อาการปวดตามตัวแรงขึ้น เริ่มมีอาการเจ็บคอ แต่ตรวจ ATK ขึ้น 1 ขีด ปกติ
วันที่สาม มีอาการเหมือนไข้หวัดชัดเจน ตัวร้อนสูง เป็นไข้สูง พอตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด ชัดเจน จบเกมส์
จึงได้ทำการแจ้ง HR เพื่อแจ้งให้ทุกคนที่ร่วมงาน หรือคลุกคลีทราบต่อไป และเริ่มกักตัวตัวเองทันที
ดีหน่อยที่เราอยู่คอนโดเพียงคนเดียวจึงไม่มีปัญหาเรื่องการหาสถานที่กักตัว และเนื่องจากประกันสังคมเรายังอยู่ที่ต่างจังหวัด ไม่ได้ย้ายประกันสังคมเข้ามาใน กทม. จึงเกิดคิดว่ามีปัญหาเรื่องการรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลแน่ๆ ทั้งนี้เราเองก็ได้ศึกษาเรื่องการรักษาใน โรงพยาบาล และยาที่จะได้ เราจึงตัดสินใจที่จะกักตัว และรักษาตัวเองตามอาการ ด้วยการทานยา แม้จะไม่ได้ทานฟาวิฯก็ตาม ซึ่งขั้นตอนปฏิบัติในตอนนั้นของเราคือ
หาร้านเข้าร่วมโครงการ “เจอ จ่าย จบ” แถวที่พัก ซึ่งเราก็เจอ และได้ยามาจากร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้
1. ฟ้าทะลายโจร (อภัยภูเบศ) ทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ติดต่อกัน 5 วัน
2. พาราเซตามอล 500 ml. ทานครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง
3. ยาลดน้ำมูก Rentex 10 เม็ด ทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน
4. ยาละลายเสมหะ Fluimucil A 200 10 ซอง ละลายน้ำ 1 แก้วทานวันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น
5. CERA ผงเกลือแร่ 5 ซอง จิบเวลาท้องเสีย หรืออ่อนเพลีย
ซึ่งยาดังกล่าว เภสัชฯจากทางร้านจะเป็นคนจัด และจ่ายให้เราถึงบ้านผ่าน Grab เลยทีเดียว ทั้งนี้เภสัชยังมีการตามอัพเดทและให้ข้อมูลแนะนำการปฏิบัติตัวผ่านทาง app line เป็นประจำทุกเช้าอีกด้วย ซึ่งดีมากๆ
อัพเดทอาการหลังการติดเชื้อ และกักตัว
วันที่ 1 อาการช่วงเช้าจะหนักมากหน่อย คือมีอาการเจ็บคอรุนแรงมาก ชนิดที่กลืนแค่น้ำลายยังลำบาก ปวดตามกล้ามเนื้อ ไม่มีน้ำมูก ไม่มีไข้ขึ้น (ทานได้แต่โจ๊กกระป๋องเท่านั้นเพราะอย่างอื่นกลืนลำบาก ทานยาครบ 3 มื้อตามที่เภสัชฯสั่ง และมีการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ) พอกลางวันกลับเป็นปกติ เหมือนไม่ได้เป็นอะไร มีแค่อาการเจ็บคอ
วันที่ 2 เจ็บคอเหมือนเดิม เริ่มมีไข้ ปวดศรีษะ น้ำมูกเริ่มมานิดหน่อย เสียงเริ่มหาย ปวดตามร่างกายเหมือนเดิม นอกนั้นไม่มีอาการอื่น (ทานโจ๊กวันที่ 2 ทานยาครบทั้ง 3 มื้อ ล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออีกครั้ง ) หลังจากนั้น กลางวันหายเป็นปกติ สามารถทำงาน WFH ได้ปกติ มีเหลือแค่อาการเจ็บคอ อมลูกอมแก้ไ ขับเสมหะช่วยไปด้วย ตกเย็นน้ำมูกเริ่มมา
วันที่ 3 อาการเจ็บคอมีมาเหมือนเดิม เสียงยังหาย อาการอื่นๆหายไปแล้ว ไม่ไอ ไม่ปวดหัว ไม่ปวดกล้ามเนื้อ น้ำมูกมีนิดหน่อย
จากนี้ต้องรอดูวันถัดๆไป อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
สำหรับเราโชคดีหน่อยที่แม้จะไม่ได้เข้า รพ.เพื่อรักษาตัวและทานยา ฟาวิฯ แต่ทางบริษัทของเราก็มีสวัสดีการที่ดีมาก ดูแลเป็นอย่างดี HR คอยโทรมาสอบถามอาการสม่ำเสมอ สอบถามตลอดว่าต้องการอะไรเพิ่มไหม เจ้านายก็โทรมาสอบถามอาการไม่ขาด และได้ส่งกระเช้าผลไม้มาเยี่ยม ซื้อยาที่จำเป็นทางออนไลน์ให้ line man มาส่งให้ถึงคอนโด แค่โทรมาได้ยินเสียงของเราว่าหายไป ก็ซื้อยาสเปร์ยพ่นคอมาให้ ซื้อยาอมมาให้ เรียกได้ว่าดูแลสวัสดิภาพเราเป็นอย่างดีเลย
ส่วนของเพื่อนๆที่ทราบข่าวว่าเราติด ก็นะ ส่งทั้งอาหารเสริมบำรุงร่างกายมาให้ ส่งฟ้าทะลายโจรมาให้เพียบ ซึ่งตอนนี้บอกได้เลยว่าทั้งยา ฟ้าทะลายโจร และอาหารเสริมอื่นๆ ตอนนี้เต็มตู้เย็นเราไปหมด จนปัญหาเราตอนนี้คือ..ตกลงจะทานอะไรเมื่อไหร่ ตอนไหนถึงจะพอเหมาะ เครียดกว่าติดโควิดซะอีก
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้