ช่วงนี้คนใกล้ตัวติดโควิดกันเยอะมาก อุตส่าห์รักษาตัวอย่างดีแล้วแต่สุดท้ายก็ไม่รอด 🤧 ดังนั้นเมื่อเราดันไปติดโควิดเข้าแล้ว เราต้องหาเทคนิควิธีการต่างๆเพื่อให้มีอาการน้อยที่สุดและรีบรักษาให้หายเร็วที่สุด เพื่อจะได้ไม่มีรอยโรคทิ้งไว้ก้บร่างกายของเราในระยะยาว อันนี้จากประสบการณ์ตรงแบบเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ กักตัวแบบ home isolation ด้วยความเชื่อมั่นศรัทธาในสมุนไพรและภูมิปัญญาไทย เราเลยหายจากโควิดภายใน 3 วันตรวจแล้วเป็นขีดเดียว (ตรวจสามซ้ำ เพื่อความชัวร์) จึงอยากมาแบ่งปันเผื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโควิดที่กำลังหาข้อมูล
***** สำหรับผู้ที่มีสุขภาพปรกติเท่านั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างความดัน เบาหวาน โรคไต โรคหัวใจไม่แนะนำ!!! *****
1. "เปิดก่อนได้เปรียบ" เมื่อรู้ว่าเป็นโควิดให้รีบกินฟ้าทะลายโจรทันที 5 เม็ด × 4 เวลา (ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน) ช่วงแรกถ้า 5 เม็ดเอาไม่อยู่ตัวยังร้อนให้เพิ่มเป็น 8 เม็ดเลยก็ได้ พอวันที่สามเรารู้สึกเริ่มดีขึ้น ก็ลดเหลือ 3 เม็ด ทั้งนี้ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่าเราควรปรับปริมาณยาอย่างไรให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะหมอทีดีที่สุดคือตัวเราเอง
2. "Water is my life" ดื่มน้ำเยอะๆๆ ประมาณวันละ 3 ลิตร (น้ำ 2 ขวดใหญ่) โดยให้เน้นที่ความบ่อยและความต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ถ้าตอนกลางคืนตื่นมาเข้าห้องน้ำก็ให้กินน้ำเติมกลับเข้าไปใหม่ทุกครั้ง น้ำช่วยปรับสมดุลอุณหภูมิร่างกาย ช่วยสนับสนุนการทำงานของภูมิคุ้มกันเราทั้งในการทำให้เลือดไม่ข้นหนืด เม็ดเลือดขาวจะได้เดินทางไปจับเชื้อโรคได้ง่าย และเร่งการขับเชื้อโรคของเสียออกจากร่างกายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สังเกตจากความถี่ในการเข้าห้องน้ำช่วงแรกๆ คืนแรกเราลุกเข้าห้องน้ำประมาณ 5-6 รอบ ตื่นเช้ามาสังเกตได้ว่าไข้เริ่มลดลง แสดงว่าร่างกายทำงานสำเร็จลุล่วงไปหนึ่งขั้น (ปล.ไม่ต้องกินยาพาราลดไข้ เราควรปล่อยให้ร่างกายมีไข้ต่ำๆ เพื่อให้เส้นเลือดขยายใหญ่ เม็ดเลือดขาวจะได้ทำงานจับเชื้อโรคได้สะดวก ถ้าเรากินยาลดไข้ ยาจะไปกดอุณหภูมิร่างกาย เป็นการแทรกแซงและ ขัดขวางกลไกธรรมชาติของร่างกาย)
3. "เปรี้ยวสปรู๊ดปรี๊ด" พอไข้เริ่มลด อาการเจ็บคอจะชัดขึ้น แค่กลืนน้ำลายก็ยังรู้สึกเจ็บ ให้จิบน้ำมะนาวอุ่นผสมน้ำผึ้งบ่อยๆ (บีบแล้วใส่ไปทั้งเปลือก) ยิ่งถ้ากินคู่กับมะขามป้อมแซ่บจ้า บอกเลยว่าฟินจนหยุดไม่ได้ ช่วงสามวันนี้อดใจไม่กินของมันผัดทอดใดๆ วันแรกเรากินข้าวต้มกับยำไข่เค็มใส่หอมแดงเยอะๆ จะเปลี่ยนเป็นผักกาดดอง หรือหมูหยองก็ได้ เน้นย่อยง่ายไม่ระคายคออย่างแกงจืดผักกาดขาว ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ผลไม้เป็นส้ม ชมพู่ มะละกอ สัปปะรดประมาณนี้
4. "Tom Yum Spa" พออาการเจ็บคอเริ่มทุเลา เราจะเริ่มมีน้ำมูกใสๆออกมา เหมือนอยู่ในช่วงขับพิษออก การทำสปาต้มยำจะช่วยให้หายใจโล่งขึ้น และบรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วย เครื่องต้มยำมี ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หัวหอมแดงทุบ และเกลือทะเล (เกลือถุงๆแบบบ้านๆ) เวลาทำสปาต้มยำ เปิดไฟต้มน้ำกลางๆ คอยเอามืออังดูให้พอมีไอร้อนขึ้นมาก็รีบสูดเลยเพราะตอนนี้ไอของน้ำมันหอมระเหยสมุนไพรจะเยอะสุด มันจะเป็นความร้อนในระดับที่กำลังสบายๆ (อย่าเปิดไฟแรงจนน้ำเดือด ไอจะร้อนเกินไปเป็นอันตรายต่อเยื่อบุจมูกเราได้) แล้วเวลาสูดให้สลับหายใจทางจมูกกับปาก อ้าปากกว้างๆ แล้วสูดไอเข้าทางปาก จะช่วยให้อาการเจ็บคอลดลงได้ เราทำครั้งละประมาณ 5 นาที ระยะเวลาขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละคน ถ้ารู้สึกอึดอัดก็ลดเวลาลงมาได้ ถ้าทำถูกวิธีเมื่อทำเสร็จแล้วมันจะหายใจโล่ง แล้วจะรู้สึกอุ่นๆในปอดด้วย เราเริ่มทำตั้งแต่วันแรกเลย เปิดก่อนได้เปรียบ และทำต่อเนื่องตลอดทั้งวัน จะเห็นประโยชน์ชัดช่วงวันที่สอง ตอนรู้สึกคัดจมูกมีน้ำมูก วิธีนี้จะช่วยได้
5. "กำลังภายในก็มา" เสริมภูมิคุ้มกันด้วยไก่ตุ๋นยาจีน ซึ่งทำง่ายมากแค่ใส่สะโพกหรือน่องไก่ เครื่องยาจีน (แบบถุงๆที่ขายทั่วไปตามตลาด) เกลือนิดหน่อยลงในหม้อตุ๋น ใส่น้ำพอท่วม แล้วเปิดไฟทิ้งไว้ 2 ชม.ก็กินได้แล้ว เราเริ่มกินตั้งแต่วันแรกเหมือนกัน ซดแต่น้ำซุปอย่างเดียว วันละ 2 ถ้วยตอนเช้าหลังทำโยคะเสร็จ และอีกทีตอนเย็น โดยให้กินหลังจากที่กินยาฟ้าทะลายโจรไปประมาณครึ่งชั่วโมง
6. "กดจุดลมปราณโยคะ" การผ่อนคลายร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะช่วงที่เราเป็นโควิด ต้องเก็บตัวในพื้นที่จำกัด ความเครียด และความไม่สบายตัวจากความเจ็บป่วย ส่งผลต่อการหดเกร็งของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อตื่นเช้ามาเราจึงควรผ่อนคลายร่างกายจิตใจด้วยการกดจุดลมปราณโยคะเพื่อทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นเพื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำงานดีไปด้วย เมื่อกล้ามเนื้อผ่อนคลายเส้นเลือดต่างๆ ก็จะขยาย เม็ดเลือดขาวก็เดินทางไปจับเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น ระหว่างวันควรหากิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง วาดรูป อ่านการ์ตูน สวดมนต์หรือนั่งสมาธิ ไม่ควรจ้องมือถือแท็บเล็ตนานๆ หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็นมากจนเกินไป เอาเวลาไปทำสปาต้มยำ หรือทำโยคะออกกำลังกายเบาๆ ขยายปอด จะมีประโยชน์มากกว่า จำไว้ว่าการทำใจสบายๆ ผ่อนคลายเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้นจริงๆ เราทำกดจุดลมปราณโยคะวันละครั้งตอนเช้าหลังตื่นนอน ระหว่างทำอาจมีการเรอหรือผายลมบ้าง เป็นธรรมชาติ
https://youtu.be/ySl_kyGR6no
7. "รางจืดฟิเนเล่" พอตรวจ atk ได้ขีดเดียวแล้ว ก็ถึงเวลาของการล้างบางด้วยสมุนไพรรางจืด เด็ดใบรางจืดมาสัก 10 ใบ ถ้าอยากได้กลิ่นหอมก็ใส่ใบเตยลงไปด้วย 5 ใบ ต้มดื่มแทนน้ำจนหมดหม้อเป็นอันจบครบถ้วนกระบวนการขจัดเชื้อโรคและสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายของเราแล้ว
tips:
@ ควรเข้านอนประมาณสามทุ่ม เพราะเวลาสี่ทุ่มจะเป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง
@ ไม่สระผมจนกว่าจะหายชัวร์ๆ ทนเหม็นเอาหน่อย เพื่อปอดของเราในระยะยาว
@ ระหว่างวันไม่ควรเปิดแอร์ ให้เปิดพัดลมแทน ทนร้อนเอาหน่อย ให้ร่างกายมีเหงื่อซึมๆ จะได้ช่วยขับพิษออกทางผิวหนังอีกทาง
@ ก่อนอาบน้ำ สูดสปาต้มยำให้ปอดอุ่นก่อนจะได้ไม่หนาว
หวังว่าประสบการณ์นี้จะเป็นประโยชน์ และขอให้เชื่อมั่นในสมุนไพร และภูมิปัญญาไทย สู้โควิดได้ภายใน 3 วันจริงๆ เลือกรักษาตัวอยู่ที่บ้านอุ่นใจ สบายกว่าที่ไหนๆแน่นอน ถ้าหายดีแล้วก็ยังต้องกักตัวให้ครบ 10 วันเพื่อความปลอดภัยของคนรอบข้างนะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยสุขภาพแข็งแรง
แชร์ประสบการณ์ "เทคนิคหายป่วยโควิดภายใน 3 วัน" ด้วยสมุนไพรล้วนๆ
***** สำหรับผู้ที่มีสุขภาพปรกติเท่านั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างความดัน เบาหวาน โรคไต โรคหัวใจไม่แนะนำ!!! *****
1. "เปิดก่อนได้เปรียบ" เมื่อรู้ว่าเป็นโควิดให้รีบกินฟ้าทะลายโจรทันที 5 เม็ด × 4 เวลา (ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน) ช่วงแรกถ้า 5 เม็ดเอาไม่อยู่ตัวยังร้อนให้เพิ่มเป็น 8 เม็ดเลยก็ได้ พอวันที่สามเรารู้สึกเริ่มดีขึ้น ก็ลดเหลือ 3 เม็ด ทั้งนี้ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่าเราควรปรับปริมาณยาอย่างไรให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะหมอทีดีที่สุดคือตัวเราเอง
2. "Water is my life" ดื่มน้ำเยอะๆๆ ประมาณวันละ 3 ลิตร (น้ำ 2 ขวดใหญ่) โดยให้เน้นที่ความบ่อยและความต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ถ้าตอนกลางคืนตื่นมาเข้าห้องน้ำก็ให้กินน้ำเติมกลับเข้าไปใหม่ทุกครั้ง น้ำช่วยปรับสมดุลอุณหภูมิร่างกาย ช่วยสนับสนุนการทำงานของภูมิคุ้มกันเราทั้งในการทำให้เลือดไม่ข้นหนืด เม็ดเลือดขาวจะได้เดินทางไปจับเชื้อโรคได้ง่าย และเร่งการขับเชื้อโรคของเสียออกจากร่างกายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สังเกตจากความถี่ในการเข้าห้องน้ำช่วงแรกๆ คืนแรกเราลุกเข้าห้องน้ำประมาณ 5-6 รอบ ตื่นเช้ามาสังเกตได้ว่าไข้เริ่มลดลง แสดงว่าร่างกายทำงานสำเร็จลุล่วงไปหนึ่งขั้น (ปล.ไม่ต้องกินยาพาราลดไข้ เราควรปล่อยให้ร่างกายมีไข้ต่ำๆ เพื่อให้เส้นเลือดขยายใหญ่ เม็ดเลือดขาวจะได้ทำงานจับเชื้อโรคได้สะดวก ถ้าเรากินยาลดไข้ ยาจะไปกดอุณหภูมิร่างกาย เป็นการแทรกแซงและ ขัดขวางกลไกธรรมชาติของร่างกาย)
3. "เปรี้ยวสปรู๊ดปรี๊ด" พอไข้เริ่มลด อาการเจ็บคอจะชัดขึ้น แค่กลืนน้ำลายก็ยังรู้สึกเจ็บ ให้จิบน้ำมะนาวอุ่นผสมน้ำผึ้งบ่อยๆ (บีบแล้วใส่ไปทั้งเปลือก) ยิ่งถ้ากินคู่กับมะขามป้อมแซ่บจ้า บอกเลยว่าฟินจนหยุดไม่ได้ ช่วงสามวันนี้อดใจไม่กินของมันผัดทอดใดๆ วันแรกเรากินข้าวต้มกับยำไข่เค็มใส่หอมแดงเยอะๆ จะเปลี่ยนเป็นผักกาดดอง หรือหมูหยองก็ได้ เน้นย่อยง่ายไม่ระคายคออย่างแกงจืดผักกาดขาว ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ผลไม้เป็นส้ม ชมพู่ มะละกอ สัปปะรดประมาณนี้
4. "Tom Yum Spa" พออาการเจ็บคอเริ่มทุเลา เราจะเริ่มมีน้ำมูกใสๆออกมา เหมือนอยู่ในช่วงขับพิษออก การทำสปาต้มยำจะช่วยให้หายใจโล่งขึ้น และบรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วย เครื่องต้มยำมี ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หัวหอมแดงทุบ และเกลือทะเล (เกลือถุงๆแบบบ้านๆ) เวลาทำสปาต้มยำ เปิดไฟต้มน้ำกลางๆ คอยเอามืออังดูให้พอมีไอร้อนขึ้นมาก็รีบสูดเลยเพราะตอนนี้ไอของน้ำมันหอมระเหยสมุนไพรจะเยอะสุด มันจะเป็นความร้อนในระดับที่กำลังสบายๆ (อย่าเปิดไฟแรงจนน้ำเดือด ไอจะร้อนเกินไปเป็นอันตรายต่อเยื่อบุจมูกเราได้) แล้วเวลาสูดให้สลับหายใจทางจมูกกับปาก อ้าปากกว้างๆ แล้วสูดไอเข้าทางปาก จะช่วยให้อาการเจ็บคอลดลงได้ เราทำครั้งละประมาณ 5 นาที ระยะเวลาขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละคน ถ้ารู้สึกอึดอัดก็ลดเวลาลงมาได้ ถ้าทำถูกวิธีเมื่อทำเสร็จแล้วมันจะหายใจโล่ง แล้วจะรู้สึกอุ่นๆในปอดด้วย เราเริ่มทำตั้งแต่วันแรกเลย เปิดก่อนได้เปรียบ และทำต่อเนื่องตลอดทั้งวัน จะเห็นประโยชน์ชัดช่วงวันที่สอง ตอนรู้สึกคัดจมูกมีน้ำมูก วิธีนี้จะช่วยได้
5. "กำลังภายในก็มา" เสริมภูมิคุ้มกันด้วยไก่ตุ๋นยาจีน ซึ่งทำง่ายมากแค่ใส่สะโพกหรือน่องไก่ เครื่องยาจีน (แบบถุงๆที่ขายทั่วไปตามตลาด) เกลือนิดหน่อยลงในหม้อตุ๋น ใส่น้ำพอท่วม แล้วเปิดไฟทิ้งไว้ 2 ชม.ก็กินได้แล้ว เราเริ่มกินตั้งแต่วันแรกเหมือนกัน ซดแต่น้ำซุปอย่างเดียว วันละ 2 ถ้วยตอนเช้าหลังทำโยคะเสร็จ และอีกทีตอนเย็น โดยให้กินหลังจากที่กินยาฟ้าทะลายโจรไปประมาณครึ่งชั่วโมง
6. "กดจุดลมปราณโยคะ" การผ่อนคลายร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะช่วงที่เราเป็นโควิด ต้องเก็บตัวในพื้นที่จำกัด ความเครียด และความไม่สบายตัวจากความเจ็บป่วย ส่งผลต่อการหดเกร็งของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อตื่นเช้ามาเราจึงควรผ่อนคลายร่างกายจิตใจด้วยการกดจุดลมปราณโยคะเพื่อทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นเพื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำงานดีไปด้วย เมื่อกล้ามเนื้อผ่อนคลายเส้นเลือดต่างๆ ก็จะขยาย เม็ดเลือดขาวก็เดินทางไปจับเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น ระหว่างวันควรหากิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง วาดรูป อ่านการ์ตูน สวดมนต์หรือนั่งสมาธิ ไม่ควรจ้องมือถือแท็บเล็ตนานๆ หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็นมากจนเกินไป เอาเวลาไปทำสปาต้มยำ หรือทำโยคะออกกำลังกายเบาๆ ขยายปอด จะมีประโยชน์มากกว่า จำไว้ว่าการทำใจสบายๆ ผ่อนคลายเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้นจริงๆ เราทำกดจุดลมปราณโยคะวันละครั้งตอนเช้าหลังตื่นนอน ระหว่างทำอาจมีการเรอหรือผายลมบ้าง เป็นธรรมชาติ
https://youtu.be/ySl_kyGR6no
7. "รางจืดฟิเนเล่" พอตรวจ atk ได้ขีดเดียวแล้ว ก็ถึงเวลาของการล้างบางด้วยสมุนไพรรางจืด เด็ดใบรางจืดมาสัก 10 ใบ ถ้าอยากได้กลิ่นหอมก็ใส่ใบเตยลงไปด้วย 5 ใบ ต้มดื่มแทนน้ำจนหมดหม้อเป็นอันจบครบถ้วนกระบวนการขจัดเชื้อโรคและสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายของเราแล้ว
tips:
@ ควรเข้านอนประมาณสามทุ่ม เพราะเวลาสี่ทุ่มจะเป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง
@ ไม่สระผมจนกว่าจะหายชัวร์ๆ ทนเหม็นเอาหน่อย เพื่อปอดของเราในระยะยาว
@ ระหว่างวันไม่ควรเปิดแอร์ ให้เปิดพัดลมแทน ทนร้อนเอาหน่อย ให้ร่างกายมีเหงื่อซึมๆ จะได้ช่วยขับพิษออกทางผิวหนังอีกทาง
@ ก่อนอาบน้ำ สูดสปาต้มยำให้ปอดอุ่นก่อนจะได้ไม่หนาว
หวังว่าประสบการณ์นี้จะเป็นประโยชน์ และขอให้เชื่อมั่นในสมุนไพร และภูมิปัญญาไทย สู้โควิดได้ภายใน 3 วันจริงๆ เลือกรักษาตัวอยู่ที่บ้านอุ่นใจ สบายกว่าที่ไหนๆแน่นอน ถ้าหายดีแล้วก็ยังต้องกักตัวให้ครบ 10 วันเพื่อความปลอดภัยของคนรอบข้างนะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยสุขภาพแข็งแรง