JJNY : ยังไม่สั่งฟ้องคดี'โรม'│ชี้ไข่3.30บ./ฟองไม่คุ้ม│จีนเริ่มล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้│ญี่ปุ่น-ออสเตรเลียเพิ่มคว่ำบาตรรัสเซีย

ยังไม่สั่งฟ้องคดี 'รังสิมันต์ โรม' เหตุสำนวนไม่สมบูรณ์ ให้ตร.สอบสวนเพิ่ม 31 มี.ค.
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6948241
 
 
ยังไม่มีการฟ้องคดี ‘รังสิมันต์ โรม’ เนื่องจากสำนวนไม่สมบูรณ์ อัยการตีกลับให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมในวันที่ 31 มี.ค. 65
 
วันที่ 18 มี.ค. 65 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งหลังถูกนำตัวส่งอัยการศาลแขวงตลิ่งชัน โดยระบุว่า 
 
ผมได้มาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนนนท์ หลังจากที่ถูกตำรวจออกหมายจับในคดีมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ทั้งที่ผมไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีแต่อย่างใด
โดยผลสรุปปรากฏว่า “สำนวนไม่สมบูรณ์” ทางตำรวจจะต้องมีการสอบสวนและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในวันที่ 31 มีนาคมนี้ จึงไม่ได้มีการฟ้องคดีในวันนี้ ไม่มีการขอฝากขังกันในวันนี้
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเพิ่มเติมว่าในเมื่อสำนวนยังไม่เรียบร้อยเช่นนี้ แล้วทางตำรวจจะดันทุรังเร่งออกหมายจับเพื่อนำตัวผมมาส่งอัยการไปเพื่ออะไร แล้วศาลอนุมัติหมายจับในสำนวนที่ไม่เรียบร้อยแบบนี้ได้อย่างไร มีใครต้องการใช้กระบวนการทางคดีเพื่อกลั่นแกล้งกันหรือไม่
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดกับผมแค่คนเดียว และอันที่จริงแล้วกรณีของผมนับว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพี่น้องประชาชนผู้แสดงความเห็นทางการเมืองและตั้งคำถามต่อรัฐบาลอีกเป็นจำนวนมาก ที่เมื่อถูกยัดคดีเข้ามา เขาก็ไปรายงานตัวกับตำรวจอย่างสม่ำเสมอ ไม่คิดหลบหนี แต่ก็ยังถูกคุมขังอยู่เสมอเพียงเพราะเขาเป็นคนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีปากเสียงอะไร
 
ผมไม่อยากให้ประเทศแห่งนี้เป็นประเทศที่เมื่อมีคนเอาความจริงมาพูด แล้วผลลัพธ์จะต้องกลายเป็นคดีความอยู่ร่ำไป จนกระทั่งไม่มีใครกล้าตรวจสอบผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือ ส.ส. และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย แม้ท่านจะถูกกดดันมาจากเบื้องบน แต่ก็จะต้องไม่นำพาประเทศไปสู่จุดนั้น
 
ทั้งนี้ในวันนี้มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากเดินทางมาให้กำลังใจผมทั้งที่หน้า สน.บางขุนนนท์ ที่สำนักงานอัยการตลิ่งชัน และที่ให้กำลังใจมาทางออนไลน์ ผมขอขอบคุณน้ำใจของพี่น้องทุกท่านที่สละเวลามาติดตามสถานการณ์ของผมครั้งนี้ และหวังว่าการดำเนินการทางกฎหมายต่อการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งผมจะพิจารณาดำเนินการหลังจากนี้ไป จะช่วยเป็นบรรทัดฐานในการปกป้องสิทธิในกระบวนการยุติธรรมและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่มากก็น้อย
 
https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/515007513315646
 


 
ผู้เลี้ยงไก่ชี้ราคาไข่ 3.30 บาท/ฟอง ไม่คุ้มต้นทุน
https://www.nationtv.tv/news/378867050
 
สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ ได้ประกาศราคาไข่คละ โดยขยับราคาเป็น 3.30 บาท/ฟอง โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกไข่ไก่ปรับตัวสูงขึ้น
 
อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ชัยพร สีถัน ระบุ สมาคมฯเสนอขอปรับราคาไข่ไก่เพิ่มเป็น  3.70 บาท/ฟอง เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ได้รับอนุมัติให้ปรับเพิ่มแค่ 3.30 บาท ซึ่งในวันที่ 22 มีนาคมนี้ จะประชุมพิจารณาต้นทุนการผลิต ก่อนเสนอขอปรับราคาอีกครั้ง
 
ปัจจุบันไข่ไก่ไม่ได้ขาดแคลน ยังมีเพียงพอต่อการบริโภค แต่ ณ ปัจจุบันกลับใช้ต้นทุนไข่ไก่อ้างอิงเดือนมกราคมในการปรับราคา แต่ถ้าใช้ต้นทุน ณ เดือนนี้ ราคาไข่ไก่ที่แท้จริงต้องปรับขึ้นไปที่ม 3.70-3.80  บาท/ฟอง
 
เกษตรกรแบกรับต้นทุนในเดือนมีนาคม  ซึ่งต้นทุนการผลิตต่างๆไม่ว่าจะเป็นอาหารสัตว์ ราคาน้ำมัน ต่างปรับตัวสูงขึ้น แต่กลับไปใช้ต้นทุนในเดือนมกราคมมาคำนวณการกำหนดราคา ซึ่งในการประชุมวันที่ 22 มีนาคมนี้ หวังว่า จะได้รับการปรับเพิ่มอีก 40 สตางค์/ฟอง


 
จีนเริ่มล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ระดมตรวจโควิด รับมือโอมิครอนระบาด
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/168325

เวลานี้เกาหลีใต้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นรายวันหลายแสนคน แต่ทางการทยอยผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่จีนยังยืนยันในการใช้นโยบายกดตัวเลขให้เป็นศูนย์ ล่าสุดสั่งล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ หลังพบการระบาดเกิดขึ้น
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนเริ่มทำการปิดล้อมย่านที่พักอาศัยที่อยู่กลางนครเซี่ยงไฮ้แล้ว หลังทางการประกาศให้ประชาชนหลายล้านคนอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์ เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน โดยทางการท้องถิ่นนครเซี่ยงไฮ้ ได้ประกาศสั่งปิดโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ และในสัปดาห์นี้ จะเริ่มล็อกดาวน์ย่านที่อยู่อาศัยที่มีผู้ป่วย หรือมีผู้สัมผัสใกล้ชิด เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการตรวจโควิด

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเซี่ยงไฮ้ เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมาด้วยว่า ในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ ทางการท้องถิ่นจะเริ่มต้นการล็อกดาวน์ และเข้าไปตรวจพื้นที่สำคัญๆในตัวเมือง โดยจะขยายการบังคับเข้ารับการตรวจหาเชื้อในเมืองดังกล่าว ซึ่งมีประชากรมากถึง 25,000,000 ราย
 
โดยในที่ประชุมสำคัญของพรรค ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังคงยืนยันว่า จีนจะต้องยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไป โดยเขาชี้ว่า จีนจะต้องเอาประชาชนและชีวิตมาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด และควบคุมการระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
 
สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อวานนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน รายงานว่า พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 2,400 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับจีนที่ควบคุมการระบาดได้ดี นับตั้งแต่วิกฤตอู่ฮั่น
 
ส่วนที่เกาหลีใต้ เมื่อวานนี้เกาหลีใต้รายงานตัวเลขผู้ป่วยใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์คือกว่า 600,000 ราย แต่มาวันนี้ตัวเลขเริ่มลดลงบ้างแล้ว อยู่ที่ 400,000 ราย แต่ทางการเกาหลีใต้ยังคงเดินหน้าผ่อนปรนมาตรการต่อเนื่อง
 
วันนี้ สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคของเกาหลีใต้รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 407,017 ราย ส่งผลทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งประเทศอยู่ที่ 8,657,609 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ลดลงจากเมื่อวานนี้ ที่เกาหลีใต้เผชิญกับตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศ คือ 621,328 ราย
 
รายงานระบุว่า การเข้ามาของสายพันธุ์โอมิครอนทำให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตัวเลขเพิ่มขึ้นจากสี่หลักในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ มาเป็นหกหลัก ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ หรือภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น
 
ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้ รายงานที่เพิ่มขึ้น 301 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั้งประเทศของเกาหลีใต้จากโควิดอยู่ที่ 11,782 ราย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลี้ใต้ตัดสินใจเดินหน้าผ่อนปรนมาตรการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอนุญาตให้ประชาชนสามารถรวมตัวกันได้สูงสุด 8 ราย หลังก่อนหน้านี้กำหนดตัวเลขสูงสุดไว้ที่ 6 ราย แต่ยังคงเวลาเคอร์ฟิวของธุรกิจห้างร้านต่าง ๆไว้ที่ต้องปิด 23.00 น. โดยมาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 มีนาคม 2565
 
ทั้งนี้ การผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลมีขึ้น หลังได้รับแรงกดดันจากธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนาดเล็ก ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาด ดังนั้นรัฐบาลจึงเริ่มผ่อนปรนมาตรการเพื่อหวังจะยกระดับสู่การพาประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และอยู่ร่วมกันกับโควิดให้ได้
 
ส่วนนับจนถึงวันนี้ ประชาชนราว 32.26 ล้านราย จากทั้งหมด 52 ล้านราย หรือคิดเป็น 62.9 เปอร์เซ็นต์ ได้รับวัคซีนสามเข็มแล้ว ในขณะที่ประชาชน 44.44 ล้านราย หรือราว 86.6 เปอร์เซ็นต์ ได้รับวัคซีนครบโดสคือสองเข็มแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่