จะกล่าวบทไป ...
ใครจะไปคิดว่ามนันยาจะไปยืนอีกฝั่งหนึ่งของโลก จากเด็กยุค 96 อยู่แต่ไร่อ้อยไร่ข้าวโพดโลกแคบๆ ไม่ค่อยรู้อะไรทันสมัย ไม่มีคอมพิวเตอร์
ไม่มีเครื่องเล่นดีวีดีใด ความบันเทิงก็ได้มาจากการ์ตูนช่อง 3 5 7 9 มีความสุขที่ได้ซื้อการ์ตูนขายหัวเราะอ่านตอนนั่งรถโดยสารไปตลาดกับแม่
ทุกอย่างในชีวิตดูจะห่างไกลกับการได้ออกไปต่างประเทศสุดๆ โตมาแบบใช้ชีวิตไปวันๆ สนุกไปกับเพื่อน ไม่ได้ตั้งใจเรียน แต่ก็ส่งงานครบ เข้าเรียนครบ สนุกสุดๆก็ตอนไม่ได้เรียน จน ม.6 ยังไม่รู้เลยว่าจะเรียนอะไร ชอบกีฬา งานกีฬาสีนะลงครบแทบทุกกีฬาแพ้เป็นส่วนใหญ่ ชอบศิลปะ แข่งวาดรูปก็รั้งๆท้ายตลอด ชอบธรรมชาติ เพราะเติบโตมากับสิ่งเหล่านั้น ทายสิได้ว่ามนันยาได้เรียนอะไร ......... ติดอันดับ 4 เศรษฐศาสตร์ อันดับที่พี่สาวเลือกให้ (เกริ่นนำเรื่องราวได้ไกลโพ้นสุดๆ จะได้เข้าเรื่องยัง 55555)
ข้ามๆ จวบจนมหาลัยปี 4 ภาคเรียนก่อนฝึกงาน .. คำถามที่ว่า ฝึกงานอะไรดีก็ยังคงเกิดขึ้น
มีอาจารย์เอาโครงการฝึกงานต่างประเทศมา แน่นอน อยากไปอยู่แล้ว แต่รู้สถานะความจนและความรู้ภาษาอังกฤษระดับ 0
มีพลังที่กล้าแกร่งแค่อยากไปต่างประเทศ และเอาไปถามพี่สาว กลับกลายเป็นว่านั่นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตเราทันที
พี่สาวเราบอกว่า ถ้าอยากไปไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเขาหาให้ได้ .... จะร้องอ่ะ....ร้องไปละ
กลับมาๆ ความบากบั่นและวุ่นวายสุดหรรษากว่าจะได้ไป ทำเอกสารใดๆเอย ไปตรวจสุขภาพทั้งๆที่ยังไม่มีพาสปอร์ต ก็ต้องกลับไปตรวจใหม่ กลับบ้านใช้เวลา 4 ชม ไปหาพ่อกับแม่อยู่ได้ชั่วโมงหนึ่ง อาจารย์มาตามเอาเอกสารเพิ่ม คอตกนั่งรถกลับไปส่งเอกสารอีก อรุ่มอรวยใจตื่นเต้นกระวนกระวาย กลัวก็กลัวแต่ก็อยากไป
พอไปแล้วภาษาอังกฤษ ถ้าไม่นับ good morning I'm fine thank you and you และ a ann มด เราก็คือ 0
เรียนก็นั่งตาแป๋วๆ จนได้ไปฝึกงานในฟาร์มหัวหน้าดุก็ฟังไม่ออกยิ้มได้อย่างเดียว ในระยะเวลา 6 เดือน ได้ประสบการณ์แปลกใหม่และถึงแม้จะทำได้ไม่ดีพอยังไม่กล้าพูดคุยกับผู้คน เขินอาย และไม่ได้ใช้ชีวิตเต็มที่ขนาดนั้นเพราะอยากเก็บเงินมาคืนพี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็มานั่งตอบคำถามตัวเองว่า
เราอยากหาทางไปต่างประเทศอีกทำยังดี งานที่จะไม่ได้ใช้เงินมาก
ค้นๆไปก็ อันนี้คือบทสรุปของเรานั่งจังหว่ะที่นั่งทบทวนอยู่ที่นิวซีแลนด์
จากแผ่นกระดาษใบนั้นสู่การเริ่มต้นหลังจากกลับมาจากนิวซีแลนด์
อันดับแรกว่างงาน ก็เลยไปเรียนขับรถเพิ่ม สอบใบขับขี่ ก็หางานไปด้วย ไส้ติ่งเกิดอักเสบ คนอื่นผ่าตัดวันเดินเดินดุ่มๆ ของเราพิเศษกว่าคนอื่นคือ ไส้ติ่งเน่าดำปี๋อยู่ข้างในจนแห้งแล้ว นอนซมแม่มาเฝ้าไป 1 อาทิตย์ รอวันตัดไหม หมอชมแผลสวย ตัดไหมปุ๊บ หนองไหล ต้องเปิดแผลทิ้งไว้แบบไม่เย็บ นั่งรถเมล์ไปล้างแผลทุกวันกลัวแผลเป็นหนอง รักษาตัวไปเป็นเดือน หลังจากนั้นก็ยังคงว่างงานและหางาน แม่มาป่วยอีกกลับไปเฝ้าแม่ จวบจนได้งานย่านอารีย์ ที่ได้ฝึกทั้งภาษาได้ทั้งฝึกอยู่กับเด็ก อะไรจะเหมาะจะเจาะ จะเข้ากับออแพร์ได้ดีขนาดนั้น แต่ทำไปได้ 1 ปี เงินมนันยาไม่พอใช้เก็บเงินไม่ได้ ร่อนเร่หางานใหม่ ได้งานสอนศิลปะ ไม่เชิงสอนแต่เป็นแนวนำศิลปะมาเล่นกับเด็ก นี่แหละงานบุญคุณที่ทำให้เก็บตังจนได้ไปออแพร์
ก็เก็บตังแบบหักโหมเดือนละ 10,000 สู้ชีวิตสุด
และเข้าสู่โหมดหาเอเจ้น ด้วยความจนและหวงแหนเงินเราได้เลือก โครงการ 50% ของ Engenius international
1. ค่าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ (Application Fee) 5,100 บาท
2. ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมโครงการ (Program Fee) 41,900 บาท ส่วนนี้คือส่วน 50% เราจ่าย 20,000 บาท
3. ค่าดําเนินการขอวีซ่า (VISA Fee) 8,500 บาท
แต่นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีค่าตรวจสุขภาพ ค่าตรวจโควิคก่อนบิน ค่ารถค่ารา ค่านู่นนี่นั่น ของเราตัดสินใจไปสัมวีซ่าที่เชียงใหม่ ก็บวกค่าใช้จ่ายเช่ารถ ที่พักน้ำมัน กินอยู่
เอกสารใดต่างๆเราทำได้ไม่ได้ช้ามากเพราะเรามีชั่วโมงเลี้ยงเด็กไว้ในมือแล้ว แค่เอาใบไปขอรับรอง
ขอใบตรวจสุขภาพ กรอกข้อมูลออนไลน์ ขอใบรับรองความประพฤติ ทำวีดีโอ เขียนแนะนำตัวเองให้โฮส ทำรูปเอยใดเอย เราทำใบขับขี่สากลเผื่อไปด้วย และมนันยาต้องทำพาสปอร์ตใหม่ค่ะ เพราะจำนวนวันไม่พอ เอาเข้าไปหมดตัวกันทีเดียวเชียว
ทำเอกสารเสร็จก็รอตรวจสอบจากเอเจ้น ทุกอย่างผ่านก็ออนไลน์ รอโฮสมาวิว พูดคุยกับโฮส ตรงนี้ให้โอกาศตัวเองเยอะๆนะ อย่ารีบ ^^
คุยหาบ้านที่เราถูกใจ ตารางชัดเจน พูดคุยเยอะๆ คุยแล้วรู้สึกได้เป็นตัวเอง เช็คกฎให้ดี อะไรทำได้ไม่ได้ เรารับไหวหรือไม่ไหว
เราก็บอกไม่ได้มาก เราก็เรียนรู้อยู่เหมือนกัน 555555
ระหว่างทำมนันยามีปัจจัยอย่างอื่นเข้ามาแทรกเยอะก็เลยเครียดมากๆช่วงนั้น
เป็นผีบ้าผีบอ ร้องไห้ไปซะทุกเรื่อง พระเสาร์เข้าอาทิตย์แทรก ราหูอม ตรอมตรมใจมากช่วงนั้น
จนถึงวันสัมวีก็ยังคงเครียด เพราะถ้าไม่ผ่านไม่มีเงินละนะ 55555
และก็แน่นอนค่ะ วีซ่าผ่านไปเลยสิคะ ออกมาร่าเริงไม่อายชาวบ้านชาวช่องค่ะ
ณ วันที่วีซ่าผ่านเหมือนปลดล๊อค ฝันที่วาดไว้ 2 ปีจากกระดาษใบนั้นเป็นจริงแล้วสินะ
บินเลยละกัน บินครั้งแรก คนเดียว ใจกลัวแต่กลัวไม่ได้ไป
ถึงเมกาอย่างสมบูรณ์ ก็ไม่ใช่มนันยา หน่ะสิ
ระหว่างต่อเครื่อง ฉันได้ทำการเดินเกือบถึง gate ที่ต้องต่อเครื่องแล้ว ฉันได้ทำเรื่องโง่ลงไปโดยกาเข้าไปประตูวิเศษ ที่ต้องออกไปต่อแถวตรวจวีซ่าเข้ามาใหม่ อุทานเป็นคำหยาบร้อยพัน แล้วแถวไม่แผ่วเลยนะยาว 2000 เมตรเลยมั้ง ดีนะเวลาต่อเครื่องมี มิงั้นนะ ประสบการณ์อันใหญ่หลวงได้มาประทับจิตประทับใจแน่นอน สุดท้ายแล้วก็ถึงโฮสอย่างปลอดภัย
อยากเขียนต่ออยู่นะ ถ้ามีคนอยากอ่าน 5555555
จุดเริ่มต้น กว่าจะได้มาเป็นออแพร์ที่อเมริกา
ใครจะไปคิดว่ามนันยาจะไปยืนอีกฝั่งหนึ่งของโลก จากเด็กยุค 96 อยู่แต่ไร่อ้อยไร่ข้าวโพดโลกแคบๆ ไม่ค่อยรู้อะไรทันสมัย ไม่มีคอมพิวเตอร์
ไม่มีเครื่องเล่นดีวีดีใด ความบันเทิงก็ได้มาจากการ์ตูนช่อง 3 5 7 9 มีความสุขที่ได้ซื้อการ์ตูนขายหัวเราะอ่านตอนนั่งรถโดยสารไปตลาดกับแม่
ทุกอย่างในชีวิตดูจะห่างไกลกับการได้ออกไปต่างประเทศสุดๆ โตมาแบบใช้ชีวิตไปวันๆ สนุกไปกับเพื่อน ไม่ได้ตั้งใจเรียน แต่ก็ส่งงานครบ เข้าเรียนครบ สนุกสุดๆก็ตอนไม่ได้เรียน จน ม.6 ยังไม่รู้เลยว่าจะเรียนอะไร ชอบกีฬา งานกีฬาสีนะลงครบแทบทุกกีฬาแพ้เป็นส่วนใหญ่ ชอบศิลปะ แข่งวาดรูปก็รั้งๆท้ายตลอด ชอบธรรมชาติ เพราะเติบโตมากับสิ่งเหล่านั้น ทายสิได้ว่ามนันยาได้เรียนอะไร ......... ติดอันดับ 4 เศรษฐศาสตร์ อันดับที่พี่สาวเลือกให้ (เกริ่นนำเรื่องราวได้ไกลโพ้นสุดๆ จะได้เข้าเรื่องยัง 55555)
ข้ามๆ จวบจนมหาลัยปี 4 ภาคเรียนก่อนฝึกงาน .. คำถามที่ว่า ฝึกงานอะไรดีก็ยังคงเกิดขึ้น
มีอาจารย์เอาโครงการฝึกงานต่างประเทศมา แน่นอน อยากไปอยู่แล้ว แต่รู้สถานะความจนและความรู้ภาษาอังกฤษระดับ 0
มีพลังที่กล้าแกร่งแค่อยากไปต่างประเทศ และเอาไปถามพี่สาว กลับกลายเป็นว่านั่นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตเราทันที
พี่สาวเราบอกว่า ถ้าอยากไปไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเขาหาให้ได้ .... จะร้องอ่ะ....ร้องไปละ
กลับมาๆ ความบากบั่นและวุ่นวายสุดหรรษากว่าจะได้ไป ทำเอกสารใดๆเอย ไปตรวจสุขภาพทั้งๆที่ยังไม่มีพาสปอร์ต ก็ต้องกลับไปตรวจใหม่ กลับบ้านใช้เวลา 4 ชม ไปหาพ่อกับแม่อยู่ได้ชั่วโมงหนึ่ง อาจารย์มาตามเอาเอกสารเพิ่ม คอตกนั่งรถกลับไปส่งเอกสารอีก อรุ่มอรวยใจตื่นเต้นกระวนกระวาย กลัวก็กลัวแต่ก็อยากไป
พอไปแล้วภาษาอังกฤษ ถ้าไม่นับ good morning I'm fine thank you and you และ a ann มด เราก็คือ 0
เรียนก็นั่งตาแป๋วๆ จนได้ไปฝึกงานในฟาร์มหัวหน้าดุก็ฟังไม่ออกยิ้มได้อย่างเดียว ในระยะเวลา 6 เดือน ได้ประสบการณ์แปลกใหม่และถึงแม้จะทำได้ไม่ดีพอยังไม่กล้าพูดคุยกับผู้คน เขินอาย และไม่ได้ใช้ชีวิตเต็มที่ขนาดนั้นเพราะอยากเก็บเงินมาคืนพี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็มานั่งตอบคำถามตัวเองว่า
เราอยากหาทางไปต่างประเทศอีกทำยังดี งานที่จะไม่ได้ใช้เงินมาก
ค้นๆไปก็ อันนี้คือบทสรุปของเรานั่งจังหว่ะที่นั่งทบทวนอยู่ที่นิวซีแลนด์
จากแผ่นกระดาษใบนั้นสู่การเริ่มต้นหลังจากกลับมาจากนิวซีแลนด์
อันดับแรกว่างงาน ก็เลยไปเรียนขับรถเพิ่ม สอบใบขับขี่ ก็หางานไปด้วย ไส้ติ่งเกิดอักเสบ คนอื่นผ่าตัดวันเดินเดินดุ่มๆ ของเราพิเศษกว่าคนอื่นคือ ไส้ติ่งเน่าดำปี๋อยู่ข้างในจนแห้งแล้ว นอนซมแม่มาเฝ้าไป 1 อาทิตย์ รอวันตัดไหม หมอชมแผลสวย ตัดไหมปุ๊บ หนองไหล ต้องเปิดแผลทิ้งไว้แบบไม่เย็บ นั่งรถเมล์ไปล้างแผลทุกวันกลัวแผลเป็นหนอง รักษาตัวไปเป็นเดือน หลังจากนั้นก็ยังคงว่างงานและหางาน แม่มาป่วยอีกกลับไปเฝ้าแม่ จวบจนได้งานย่านอารีย์ ที่ได้ฝึกทั้งภาษาได้ทั้งฝึกอยู่กับเด็ก อะไรจะเหมาะจะเจาะ จะเข้ากับออแพร์ได้ดีขนาดนั้น แต่ทำไปได้ 1 ปี เงินมนันยาไม่พอใช้เก็บเงินไม่ได้ ร่อนเร่หางานใหม่ ได้งานสอนศิลปะ ไม่เชิงสอนแต่เป็นแนวนำศิลปะมาเล่นกับเด็ก นี่แหละงานบุญคุณที่ทำให้เก็บตังจนได้ไปออแพร์
ก็เก็บตังแบบหักโหมเดือนละ 10,000 สู้ชีวิตสุด
และเข้าสู่โหมดหาเอเจ้น ด้วยความจนและหวงแหนเงินเราได้เลือก โครงการ 50% ของ Engenius international
1. ค่าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ (Application Fee) 5,100 บาท
2. ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมโครงการ (Program Fee) 41,900 บาท ส่วนนี้คือส่วน 50% เราจ่าย 20,000 บาท
3. ค่าดําเนินการขอวีซ่า (VISA Fee) 8,500 บาท
แต่นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีค่าตรวจสุขภาพ ค่าตรวจโควิคก่อนบิน ค่ารถค่ารา ค่านู่นนี่นั่น ของเราตัดสินใจไปสัมวีซ่าที่เชียงใหม่ ก็บวกค่าใช้จ่ายเช่ารถ ที่พักน้ำมัน กินอยู่
เอกสารใดต่างๆเราทำได้ไม่ได้ช้ามากเพราะเรามีชั่วโมงเลี้ยงเด็กไว้ในมือแล้ว แค่เอาใบไปขอรับรอง
ขอใบตรวจสุขภาพ กรอกข้อมูลออนไลน์ ขอใบรับรองความประพฤติ ทำวีดีโอ เขียนแนะนำตัวเองให้โฮส ทำรูปเอยใดเอย เราทำใบขับขี่สากลเผื่อไปด้วย และมนันยาต้องทำพาสปอร์ตใหม่ค่ะ เพราะจำนวนวันไม่พอ เอาเข้าไปหมดตัวกันทีเดียวเชียว
ทำเอกสารเสร็จก็รอตรวจสอบจากเอเจ้น ทุกอย่างผ่านก็ออนไลน์ รอโฮสมาวิว พูดคุยกับโฮส ตรงนี้ให้โอกาศตัวเองเยอะๆนะ อย่ารีบ ^^
คุยหาบ้านที่เราถูกใจ ตารางชัดเจน พูดคุยเยอะๆ คุยแล้วรู้สึกได้เป็นตัวเอง เช็คกฎให้ดี อะไรทำได้ไม่ได้ เรารับไหวหรือไม่ไหว
เราก็บอกไม่ได้มาก เราก็เรียนรู้อยู่เหมือนกัน 555555
ระหว่างทำมนันยามีปัจจัยอย่างอื่นเข้ามาแทรกเยอะก็เลยเครียดมากๆช่วงนั้น
เป็นผีบ้าผีบอ ร้องไห้ไปซะทุกเรื่อง พระเสาร์เข้าอาทิตย์แทรก ราหูอม ตรอมตรมใจมากช่วงนั้น
จนถึงวันสัมวีก็ยังคงเครียด เพราะถ้าไม่ผ่านไม่มีเงินละนะ 55555
และก็แน่นอนค่ะ วีซ่าผ่านไปเลยสิคะ ออกมาร่าเริงไม่อายชาวบ้านชาวช่องค่ะ
ณ วันที่วีซ่าผ่านเหมือนปลดล๊อค ฝันที่วาดไว้ 2 ปีจากกระดาษใบนั้นเป็นจริงแล้วสินะ
บินเลยละกัน บินครั้งแรก คนเดียว ใจกลัวแต่กลัวไม่ได้ไป
ถึงเมกาอย่างสมบูรณ์ ก็ไม่ใช่มนันยา หน่ะสิ
ระหว่างต่อเครื่อง ฉันได้ทำการเดินเกือบถึง gate ที่ต้องต่อเครื่องแล้ว ฉันได้ทำเรื่องโง่ลงไปโดยกาเข้าไปประตูวิเศษ ที่ต้องออกไปต่อแถวตรวจวีซ่าเข้ามาใหม่ อุทานเป็นคำหยาบร้อยพัน แล้วแถวไม่แผ่วเลยนะยาว 2000 เมตรเลยมั้ง ดีนะเวลาต่อเครื่องมี มิงั้นนะ ประสบการณ์อันใหญ่หลวงได้มาประทับจิตประทับใจแน่นอน สุดท้ายแล้วก็ถึงโฮสอย่างปลอดภัย
อยากเขียนต่ออยู่นะ ถ้ามีคนอยากอ่าน 5555555