สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ จะมาเล่าเรื่องการเข้าสู่เส้นทางธรรมของผมละกันนะครับ บอกก่อนเลยว่าผมเกิดในครอบครัวที่มีพ่อเป็นอดีตมหา(จบนักธรรมเอก)และมีคนรอบตัวสนใจธรรมะมาก
ย้อนไปเมื่อตอนป.2 ผมก็เป็นเด็กธรรมดาทั่วไปแหละครับ ตอนนั้นเพื่อนในห้อง สนใจหนังสือผีกันมากๆ ที่อ่านก็เรื่องผีๆรอบโลกของนานมีบุ๊คส์ แล้วเขาก็ชวนผมอ่านด้วย ผมเลยสนใจเรื่องผีตั้งแต่ตอนนั้น ซื้อหนังสือแนวสยองขวัญ ผีมาสะสมเยอะมาก และผมๆได้พบธรรมตอนแรก มีครูมาชวนผมไปตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า(วัดธรรมกาย)เพราะเห็นว่าผมเป็นคนนิ่งๆ และดูสนใจเรื่องศาสนา วัฒนธรรม ผมก็ไป(แต่ไม่ได้อะไร)แล้วกลับมาสนใจเรื่องผีต่อ แล้ว ช่วงนี้ผมเริ่มติดละครหรือหนังที่เกี่ยวกับสงครามมากกกกกก เรื่องไหนที่ไม่มีฉากฆ่าฟันกันนี่แทบไม่ดู เลยพาผมไปสนใจประวัติศาสตร์ตั้งแต่นั้น
แล้วผมก็หมกมุ่นกับเรื่องไสยศาสตร์ ผีๆ สงครามมาจนผมย้ายรร.ตอนป.4 ผมสนใจสังคมมาก(ต่อเนื่องจากประวัติศาสตร์) ครูสังคมเลยชวนผมไปแข่งตอบปัญหาธรรมระดับอำเภอ(ทางก้าวหน้าอีกแล้ว)ปรากฏว่าผ่าน ได้ไปต่อจนเป็นที่1จังหวัด ตอนแรกก็กะจะไประดับประเทศที่วัดพระธรรมกาย แต่ตอนนั้นทหารกำลังล้อมวัดและวุ่นวายอยู่ เลยไม่ได้ไป มาป.5 ผมได้ไปวัดธรรมกาย ได้เจอกัลยาณมิตรหลายคน วัดนี้ใหญ่มาก แถมรวมคนจากหลายที่เป็นระเบียบได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็แจกหนังสือธรรมะให้คนที่มาสอบด้วย ถึงแม้ผมจะไม่ได้รางวัล แต่ก็จุดประกายธรรมในใจผมมาบ้าง ตอนป.6ถึงม.1 ผมยุ่งๆกับการสอบ เลยพักเรื่องธรรมะไป แต่ผมก็เริ่มรู้แล้วว่าผมชอบวิชาสังคมเป็นวิชาโปรดแล้ว
ช่วงปลายม.1 ยายผมไม่สบายเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ญาติๆเลยเปิดเพลงสวดมนต์ให้แกฟัง ผมที่เป็นหลานก็นั่งเฝ้าแกเลยได้ฟังบทสวดมนต์ ธรรมะดีๆ จนยายเสีย พ่อเลยให้บวชหน้าไฟ มาตอนปิดเทอมม.1 ช่วงโควิดมาใหม่ๆ เรียนออนไลน์ ผมเลยได้อยู่บ้านและพบช่องธรรมะในยูทูปที่ถูกจริตผมพอดี ผมเลยเกิดสนใจธรรมขึ้นมาเลยฟังทุกวัน(บวกกับเบื่อสงคราม การฆ่าฟันแล้ว) แล้วเริ่มจริงจังกับการปฏิบัติธรรม(ที่บ้าน)ตั้งแต่นั้น
ตอนม.2ก่อนเปิดเทอม ผมเริ่มสวดมนต์ นั่งสมาธิ ตอนนั้นทำทุกวัน นั่งสมาธิได้เกือบชั่วโมง ใจสงบมากๆ แล้วผมก็จริงจังกับธรรมะ เฟสผมมีแต่ธรรมะจนคนรอบๆแปลกใจเลย จะพูดอะไรก็ธรรมะแทบทุกคำ ไม่มีไร้สาระเลย(คือจริงจังเอาเป็นเอาตายสุดๆ) และผมก็กินข้าววันละ2มื้อ (เผื่อช่วยให้ไม่ฟุ้งซ่าน สนใจธรรมะ) และเข้าวัดสนทนาธรรมกับพระบ่อยขึ้น และศึกษาเรื่องราวพุทธศาสนา ชาดก พระธรรมหมวดต่างๆ อัครสาวกท่านต่างๆ ประวัติพุทธศาสนาจนจำได้ขึ้นใจ ช่วงนี้ผมค่อนข้างเคร่งปฏิบัติธรรมมาก สิ่งที่ผมดูก็ธรรมะแทบจะ100%แล้วทีนี้ผมก็เริ่มรู้สึกเครียดกังวล เราทำไรผิดไปถึงได้เครียดกังวลตลอด
แล้วต้นปีก่อนผมก็ได้ฟังหลวงพ่อท่านนึงเทศน์ไว้ประมาณว่า ปฏิบัติธรรมก็อย่าตึง เน้นทางสายกลาง อย่าเครียด ผมเลยปฏิบัติธรรมเบาๆลงมาบ้าง และกลับมากินข้าว 3 มื้อ เริ่มกลับมาดูละคร ช่องบันเทิงแบบคนทั่วไป แล้วผมก็ได้รู้จักการรักษาศีลจริงๆจังๆ นอกจากการฟังธรรมะที่เคยทำ พอเปิดเทอม.3 ผมก็เริ่มรักษาศีลได้คล่องขึ้น ทำสมาธิทุกวันวันละ 10นาที(ภาวนาพุทโธ) ใจเริ่มสงบแบบที่เป็นตอนเข้าหาธรรมใหม่ๆ(ทางสายกลางเป็นแบบนี้นี่เอง)
และผมก็กลับมาสอบธรรมะทางก้าวหน้าอีก(เมื่อปีที่แล้ว)รอบคราวนี้ผมติดท็อปประเทศ 3 ซีซั่นและผมก็ได้รู่จักกับเพื่อนวัยเดียวกันจากชั้นเดียวกันที่มาสอบธรรมะทางก้าวหน้านี้(ไม่รู้มาก่อนว่ามีเพื่อนสนใจแบบผมด้วย รู้งี้น่าจะคบตั้งนานละ)และพูดคุยกันตลอดจนเป็นเพื่อนสนิท ผมเริ่มมีความสุขจากธรรมะมากขึ้น แล้วผมก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหมดไฟปฏิบัติธรรม บางทีผมก็พลาดผิดศีล ไม่ได้นั่งสมาธิไปบ้าง แต่ก็ดึงตัวกลับมาได้ทุกรอบ(มีเพื่อนช่วย หนุนกันไปมาตอนท้อ)
และหลังจากนั้นผมก็เริ่มชินกับการรักษาศีล และทำสมาธิ และปฏิบัติธรรมมาเรื่อยๆ(จนเป็นส่วนนึงของชีวิตไปแล้ว) และชอบซื้อหนังสือธรรมะจนตอนนี้มีเยอะกว่าหนังสือผีที่มีอีก(โดยเฉพาะของณัฐพบธรรม ดังตฤณ) และศึกษาธรรมะจากช่องทางต่างๆในช่วงโควิดที่ผ่านมา
และนี่ก็เป็นประสบการณ์เข้าสู่เส้นทางธรรมของผมเองนะครับ ต้องขอขอบคุณวัดธรรมกายและการสอบธรรมะทางก้าวหน้าจริงๆที่ทำให้ผมได้เจอกัลยาณมิตรดีๆมาพยุงเดินไปในทางธรรมด้วยกัน
จากวัยรุ่นไสยศาสตร์สู่เส้นทางธรรม
ย้อนไปเมื่อตอนป.2 ผมก็เป็นเด็กธรรมดาทั่วไปแหละครับ ตอนนั้นเพื่อนในห้อง สนใจหนังสือผีกันมากๆ ที่อ่านก็เรื่องผีๆรอบโลกของนานมีบุ๊คส์ แล้วเขาก็ชวนผมอ่านด้วย ผมเลยสนใจเรื่องผีตั้งแต่ตอนนั้น ซื้อหนังสือแนวสยองขวัญ ผีมาสะสมเยอะมาก และผมๆได้พบธรรมตอนแรก มีครูมาชวนผมไปตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า(วัดธรรมกาย)เพราะเห็นว่าผมเป็นคนนิ่งๆ และดูสนใจเรื่องศาสนา วัฒนธรรม ผมก็ไป(แต่ไม่ได้อะไร)แล้วกลับมาสนใจเรื่องผีต่อ แล้ว ช่วงนี้ผมเริ่มติดละครหรือหนังที่เกี่ยวกับสงครามมากกกกกก เรื่องไหนที่ไม่มีฉากฆ่าฟันกันนี่แทบไม่ดู เลยพาผมไปสนใจประวัติศาสตร์ตั้งแต่นั้น
แล้วผมก็หมกมุ่นกับเรื่องไสยศาสตร์ ผีๆ สงครามมาจนผมย้ายรร.ตอนป.4 ผมสนใจสังคมมาก(ต่อเนื่องจากประวัติศาสตร์) ครูสังคมเลยชวนผมไปแข่งตอบปัญหาธรรมระดับอำเภอ(ทางก้าวหน้าอีกแล้ว)ปรากฏว่าผ่าน ได้ไปต่อจนเป็นที่1จังหวัด ตอนแรกก็กะจะไประดับประเทศที่วัดพระธรรมกาย แต่ตอนนั้นทหารกำลังล้อมวัดและวุ่นวายอยู่ เลยไม่ได้ไป มาป.5 ผมได้ไปวัดธรรมกาย ได้เจอกัลยาณมิตรหลายคน วัดนี้ใหญ่มาก แถมรวมคนจากหลายที่เป็นระเบียบได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็แจกหนังสือธรรมะให้คนที่มาสอบด้วย ถึงแม้ผมจะไม่ได้รางวัล แต่ก็จุดประกายธรรมในใจผมมาบ้าง ตอนป.6ถึงม.1 ผมยุ่งๆกับการสอบ เลยพักเรื่องธรรมะไป แต่ผมก็เริ่มรู้แล้วว่าผมชอบวิชาสังคมเป็นวิชาโปรดแล้ว
ช่วงปลายม.1 ยายผมไม่สบายเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ญาติๆเลยเปิดเพลงสวดมนต์ให้แกฟัง ผมที่เป็นหลานก็นั่งเฝ้าแกเลยได้ฟังบทสวดมนต์ ธรรมะดีๆ จนยายเสีย พ่อเลยให้บวชหน้าไฟ มาตอนปิดเทอมม.1 ช่วงโควิดมาใหม่ๆ เรียนออนไลน์ ผมเลยได้อยู่บ้านและพบช่องธรรมะในยูทูปที่ถูกจริตผมพอดี ผมเลยเกิดสนใจธรรมขึ้นมาเลยฟังทุกวัน(บวกกับเบื่อสงคราม การฆ่าฟันแล้ว) แล้วเริ่มจริงจังกับการปฏิบัติธรรม(ที่บ้าน)ตั้งแต่นั้น
ตอนม.2ก่อนเปิดเทอม ผมเริ่มสวดมนต์ นั่งสมาธิ ตอนนั้นทำทุกวัน นั่งสมาธิได้เกือบชั่วโมง ใจสงบมากๆ แล้วผมก็จริงจังกับธรรมะ เฟสผมมีแต่ธรรมะจนคนรอบๆแปลกใจเลย จะพูดอะไรก็ธรรมะแทบทุกคำ ไม่มีไร้สาระเลย(คือจริงจังเอาเป็นเอาตายสุดๆ) และผมก็กินข้าววันละ2มื้อ (เผื่อช่วยให้ไม่ฟุ้งซ่าน สนใจธรรมะ) และเข้าวัดสนทนาธรรมกับพระบ่อยขึ้น และศึกษาเรื่องราวพุทธศาสนา ชาดก พระธรรมหมวดต่างๆ อัครสาวกท่านต่างๆ ประวัติพุทธศาสนาจนจำได้ขึ้นใจ ช่วงนี้ผมค่อนข้างเคร่งปฏิบัติธรรมมาก สิ่งที่ผมดูก็ธรรมะแทบจะ100%แล้วทีนี้ผมก็เริ่มรู้สึกเครียดกังวล เราทำไรผิดไปถึงได้เครียดกังวลตลอด
แล้วต้นปีก่อนผมก็ได้ฟังหลวงพ่อท่านนึงเทศน์ไว้ประมาณว่า ปฏิบัติธรรมก็อย่าตึง เน้นทางสายกลาง อย่าเครียด ผมเลยปฏิบัติธรรมเบาๆลงมาบ้าง และกลับมากินข้าว 3 มื้อ เริ่มกลับมาดูละคร ช่องบันเทิงแบบคนทั่วไป แล้วผมก็ได้รู้จักการรักษาศีลจริงๆจังๆ นอกจากการฟังธรรมะที่เคยทำ พอเปิดเทอม.3 ผมก็เริ่มรักษาศีลได้คล่องขึ้น ทำสมาธิทุกวันวันละ 10นาที(ภาวนาพุทโธ) ใจเริ่มสงบแบบที่เป็นตอนเข้าหาธรรมใหม่ๆ(ทางสายกลางเป็นแบบนี้นี่เอง)
และผมก็กลับมาสอบธรรมะทางก้าวหน้าอีก(เมื่อปีที่แล้ว)รอบคราวนี้ผมติดท็อปประเทศ 3 ซีซั่นและผมก็ได้รู่จักกับเพื่อนวัยเดียวกันจากชั้นเดียวกันที่มาสอบธรรมะทางก้าวหน้านี้(ไม่รู้มาก่อนว่ามีเพื่อนสนใจแบบผมด้วย รู้งี้น่าจะคบตั้งนานละ)และพูดคุยกันตลอดจนเป็นเพื่อนสนิท ผมเริ่มมีความสุขจากธรรมะมากขึ้น แล้วผมก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหมดไฟปฏิบัติธรรม บางทีผมก็พลาดผิดศีล ไม่ได้นั่งสมาธิไปบ้าง แต่ก็ดึงตัวกลับมาได้ทุกรอบ(มีเพื่อนช่วย หนุนกันไปมาตอนท้อ)
และหลังจากนั้นผมก็เริ่มชินกับการรักษาศีล และทำสมาธิ และปฏิบัติธรรมมาเรื่อยๆ(จนเป็นส่วนนึงของชีวิตไปแล้ว) และชอบซื้อหนังสือธรรมะจนตอนนี้มีเยอะกว่าหนังสือผีที่มีอีก(โดยเฉพาะของณัฐพบธรรม ดังตฤณ) และศึกษาธรรมะจากช่องทางต่างๆในช่วงโควิดที่ผ่านมา
และนี่ก็เป็นประสบการณ์เข้าสู่เส้นทางธรรมของผมเองนะครับ ต้องขอขอบคุณวัดธรรมกายและการสอบธรรมะทางก้าวหน้าจริงๆที่ทำให้ผมได้เจอกัลยาณมิตรดีๆมาพยุงเดินไปในทางธรรมด้วยกัน