สวัสดีค่ะ ขอเล่าเรื่องของตัวเองคร่าวๆก่อนเข้าประเด็นคำถามนะคะ
เราเคยเป็นพนักงานคนนึงในองค์กรสายงานธนาคารค่ะ ทำงานมาได้เข้าปีที่5 ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเราอีกต่อไป ทั้งเรื่องโครงสร้างภายในองค์กร
หรือเรื่องงานที่หนักหนาขึ้น เนื่องจากมีคนลาออกเยอะมากขึ้นและไม่มีการส่งพนักงานใหม่เข้ามาเพิ่มที่สาขา ทำให้คนที่ทำอยู่ก็ต้องแบกรับหน้าที่ที่มันมากขึ้นต่อไปโดยไม่สามารถพูดอะไรได้ อีกประเด็นนึงคือเรื่องของการเดินทางที่ทำงานเราอยู่ที่เมืองทองธานี แต่เราพักอาศัยอยู่แถวๆเดอะไนท์ พระราม9 เราขับรถไปกลับทำงานและมีการขึ้นทางด่วนตลอด (เนื่องจากย้ายมาอยู่กับสามีค่ะ) พอเริ่มถามตัวเองมากๆกับสิ่งที่ต้องเจอในแต่ละวัน ทำให้ใจคิดเรื่องลาออกขึ้นมาด้วยอารมณ์เหนื่อย และตัดสินใจลาออกโดยที่ไม่ได้มีงานรองรับ และคิดว่าจะไม่กลับไปทำงานสายธนาคารอีก (ส่วนตัวคืออยากพักจากงานประมาณ1ถึง2เดือนเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจที่ต้องเจอในแต่ละวัน) ตลอดการทำงานที่ผ่านมา มั่นใจว่าเป็นคนทำงานที่ดีคนนึง มีลูกค้าที่รักและคอนแท็คกันอยู่ตลอด ปรับตัวได้ดี แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ รองรับอารมณ์ลูกค้าและควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ทำงานเป็นทีมได้ จึงมั่นใจว่าเราน่าจะมีงานทำใหม่ได้แน่นอน
แต่ ...............
เพราะความมั่นหน้าของตัวเองนี่แหล่ะค่ะ และอายุที่เข้าเลข3ไปแล้ว หลังจากหางานอย่างจริงจังและไม่ใช่งานธนาคารแบบเก่า จึงพบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในตอนนี้ที่จะหางานได้ แต่ก็ไม่เคยย่อท้อในการหางานนะคะ ยังคงหาต่อไปและมีไปสัมภาษณ์บ้างประปรายเพราะส่วนตัวไม่ใช่คนเลือกงาน และเป็นคนสู้งานทุกอย่างที่แฟร์กับทั้งเราและองค์กร ใครให้โอกาสก็ไปสัมภาษณ์ทุกที่ ทั้งออนไลน์หรือที่บริษัท แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นงานขายตรงหาลูกทีมแบรนด์เครื่องสำอาง ประกันทั้งหลาย และงานที่ได้เงินเดือนแค่ 9,000 ทำจันทร์-เสาร์อีก และที่สำคัญไม่คิดจริงๆว่าหลังลาออก จะเกิดสงครามหรือเหตุการณ์ที่ทำให้มีผลกระทบได้มากขนาดนี้ ยอมรับว่าพลาดจริงๆค่ะ ขอเข้าสู่คำถามนะคะ
1. ปัจจุบัน HR มีการประเมินคัดเลือกผู้สมัครงานโดยใช้หลักเกณฑ์ส่วนใหญ่อะไรบ้าง เช่นอายุเกินเท่านี้ไม่รับ หรือมองจากสายงานเก่าประกอบด้วย
2. ถ้าต้องเลือกะหว่างพนักงานที่ทำงานอยู่ กับคนที่ว่างงาน HR สนใจคนแบบไหนมากกว่ากัน หากเป็นคนว่างงานมาจะคิดว่าที่เค้าออกจากงานเพราะอาจมีปัญหา ทะเลาะกับพนักงานหรือองค์กรหรือไม่?
3.หากผู้สมัครทำงานไม่ตรงสายกับงานที่สมัครไปใหม่ ส่วนใหญ่จะปัดเรซูเม่ทิ้งหรือพิจารณาอีกครั้งคะ
4.เกรดเฉลี่ยเป็นตัววัดคนเข้าทำงานมากน้อยแค่ไหน (ส่วนตัวสมัยเรียนเกรดไม่ดีค่ะไม่ถึง 2.5 แล้วมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกือบเสียชีวิตหลังจากนั้นจึงกลับตัวเป็นคนตั้งใจเรียนและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นตั้งใจทำงานเลี้ยงครอบครัวค่ะ)
5.สายงานที่เรียนจบมา ไม่สามารถมาต่อยอดอะไรได้เลยค่ะ ที่สำคัญไม่เคยทำงานสายงานที่เรียนจบมาเลย หากจะกลับไปสมัครสายงานที่เรียนจบมา หากคุณเป็น HR คิดจะรับเข้าทำงานหรือไม่คะ?
ปัจจุบันเรายังไม่มีงานทำนะคะ ยังพอมีเงินเก็บประทังชีวิตได้อีก 3-4เดือนค่ะ ที่ถามเพราะอยากรู้เกี่ยวกับระบบของ HR ค่ะ เผื่อแนะนำหรือแจ้งอะไรเพิ่มเติมให้เราได้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวเราและคนที่ผ่านเข้ามาอ่านได้ค่ะ สำหรับท่านที่แวะเข้ามาอ่านก็คอมเม้นท์ได้นะคะ ขออย่าดุด่าเรารุนแรง เพราะบางครั้งความเหนื่อยล้าก็ทำให้เราทำอะไรไม่คิดหน้าไม่คิดหลังจริงๆแหล่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
อยากสอบถามคนที่ทำงาน HR หรือฝ่ายบุคคลหน่อยค่ะ
หรือเรื่องงานที่หนักหนาขึ้น เนื่องจากมีคนลาออกเยอะมากขึ้นและไม่มีการส่งพนักงานใหม่เข้ามาเพิ่มที่สาขา ทำให้คนที่ทำอยู่ก็ต้องแบกรับหน้าที่ที่มันมากขึ้นต่อไปโดยไม่สามารถพูดอะไรได้ อีกประเด็นนึงคือเรื่องของการเดินทางที่ทำงานเราอยู่ที่เมืองทองธานี แต่เราพักอาศัยอยู่แถวๆเดอะไนท์ พระราม9 เราขับรถไปกลับทำงานและมีการขึ้นทางด่วนตลอด (เนื่องจากย้ายมาอยู่กับสามีค่ะ) พอเริ่มถามตัวเองมากๆกับสิ่งที่ต้องเจอในแต่ละวัน ทำให้ใจคิดเรื่องลาออกขึ้นมาด้วยอารมณ์เหนื่อย และตัดสินใจลาออกโดยที่ไม่ได้มีงานรองรับ และคิดว่าจะไม่กลับไปทำงานสายธนาคารอีก (ส่วนตัวคืออยากพักจากงานประมาณ1ถึง2เดือนเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจที่ต้องเจอในแต่ละวัน) ตลอดการทำงานที่ผ่านมา มั่นใจว่าเป็นคนทำงานที่ดีคนนึง มีลูกค้าที่รักและคอนแท็คกันอยู่ตลอด ปรับตัวได้ดี แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ รองรับอารมณ์ลูกค้าและควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ทำงานเป็นทีมได้ จึงมั่นใจว่าเราน่าจะมีงานทำใหม่ได้แน่นอน