วันนี้เราอยากจะมาแชร์เรื่องราวของตัวเองที่รู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไปหลังจากการออกกำลังกาย เปลี่ยนแปลงเป็นภาพรวมที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่ร่างกายแข็งแรง
ขอเกริ่นก่อนว่า เราเกลียดการออกกำลังกายที่สุดในชีวิต ไม่เล่นกีฬาทุกชนิดและเกลียดวิชาพละที่สุด เรื่องนี้เป็นปมจากวัยเด็ก คือครูพละดุมาก เราไม่ชอบเลย ทำให้ไม่อยากเรียนพละ และเวลาวิ่งเพื่อนก็ชอบแซวว่าเหมือนเป็ด เลยไม่มีความมั่นใจในการจะเล่นกีฬา ประหม่าไปหมด เลยทำให้เราเกลียดกีฬา เกลียดการออกกำลังกายที่สุด ไม่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งหรือกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อ
- จุดเปลี่ยน
ปีนี้เราจะอายุ ครบ 35 ปี บวกกับคนรอบข้างที่เจ็บป่วยกันเยอะแยะมากมาย พี่ชายก็เป็นเบาหวาน ความดัน ร่างกายอ้วน พ่อก็ป่วยเป็นโรคไตวาย ต้องฟอกไต เลยย้อนกลับมามองตัวเองว่าเราไม่อยากเจ็บป่วยแบบนั้นเลย คิดแค่นั้น และตั้งหลักปักหมุดกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกันว่า เราจะตั้งเป้าหมายเพื่อการดูแลสุขภาพกันอย่างจริงจัง
- สภาพร่างกายและจิตใจก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีอาการเจ็บหลังซึ่งก็มาจากการนั่งเก้าอี้ทำงานทั้งวัน และปวดข้อมือเพราะต้องคลิ๊กเมาส์ตลอดเวลา ปวดไหล่ ปวดเอว ตื่นตอนเช้าไม่สดชื่นเลย ตื่นมาพร้อมอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว อาบน้ำก็ไม่สดชื่น ไปถึงที่ทำงานเริ่มงาน 09.00 น. ประมาณ 10.00 น. จะเริ่มหาว และง่วงเหงาหาวนอนตลอดทั้งวัน เลิกงานกลับไปบ้านก็รู้สึกอยากนอนไม่อยากทำอะไร เริ่มเบื่อการพบปะกับผู้คน แม้แต่จะพูดคุยกับใครก็ไม่อยากคุย อยากอยู่บ้าน นอน ดูซีรีย์ ชีวิตวนๆไปแค่นั้น เริ่มรู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นจากการกินๆ นอนๆ นั่งๆ แต่งตัวก็ไม่สวยไม่มั่นใจเหมือนเมื่อก่อน รู้สึกแย่ไปหมด เคยทำแบบทดสอบการเป็นโรคซึมเศร้าหลายๆครั้งก็อยู่ในเกณฑ์ที่เข้าข่ายจะเป็น
- วิธีการ
ลองศึกษาจากการลดน้ำหนักก่อน เราเลือกวิธีการทำ IF 16/8 และออกกำลังกายวันละ 10 นาที ให้เหงื่อออกนิดหน่อยก็คิดว่าจะพอแล้ว ตั้งเป้าเล็กๆไว้ แต่พอเอาเข้าจริงๆไม่ได้ง่ายสักเท่าไหร่เลย ช่วง 7 วันแรกที่ทำ IF ในช่วงที่อดมีอาการหิวโหยมากๆ หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนมากๆ ในส่วนของการออกกำลัง น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นทำให้ไม่คล่องตัว เหนื่อยเหมือนจะตาย ท้อแท้มากๆ แต่ก็ไม่อยากเลิก จริงๆนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราพยายาม เราพยายามมาหลายครั้งมากๆ ทั้งการลดน้ำหนักและการออกกำลังกาย วันที่เริ่มทำ น้ำหนัก 63 kg. อาจจะดูไม่เยอะมากสำหรับบางคน แต่สำหรับเรามันเพิ่มมาประมาณ 13 kg. รอบเอว 30 นิ้ว
- ปรับแผนใหม่
หลังจากที่เริ่มท้อแท้ในช่วงแรก ลองมาศึกษาเรื่องการกิน ต้องกินอะไรที่จะอยู่ท้อง จะได้อยู่รอดในช่วง 16 ชม.ที่เราอด แบบไม่หงุดหงิดด้วย ก็ลองปรับด้วยการงดของทอด ของหวาน งดแป้ง ผ่านไปสักพัก เหมือนจะเป็นลม ปรับใหม่อีกครั้งคือไม่งด แต่ลดลง ของทอดไม่ทานเลย 100% ของหวานเน้นจากผลไม้ แป้งจะทานแค่มื้อเที่ยง มื้อเย็นงด ในส่วนของการออกกำลังกาย เราจะเปิดเพลงที่ชอบเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เราอยากทำแบบต่อเนื่อง เราเลือกเพลง bts หลังจากยืดเส้น วอร์มร่างกาย เราจะวิ่งอยู่กับที่ จำได้ว่าวันแรกที่เริ่มคือ 3 นาที เหนื่อยมากใจจะขาด เริ่มเพิ่มเวลาเป็น 5 นาที เราจะค่อยๆเพิ่มอาทิตย์ละครั้ง เพื่อให้ร่างกายชินกับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้ง ปัจจุบันวิ่ง 15 นาที เสร็จแล้วก็จะเน้นกล้ามเนื้อ โยคะบ้าง ท่าทาสำหรับออกกำลังกายก็ดูจากยูทูปล้วนๆ ปัจจุบันออกกำลังกายครั้งละ 1ชม. น้ำหนักลดลงไป 6 kg.แล้ว
- สิ่งที่เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย
น้ำหนักลดลง หน้าท้องยุบลง ยังไม่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงสวยงาม คิดว่าต้องใช้เวลาเพราะไขมันน่าจะเยอะเอาเรื่อง รู้สึกตัวเบา ขับถ่ายง่าย ไม่ปวดเมื่อยเวลานั่งทำงานนานๆ ตื่นมาสดชื่น ไม่ง่วงนอนระหว่างวันอีกเลย รู้สึกสดชื่น ตื่นตัวมากขึ้น คล่องแคล่ว เหนื่อยน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
-สิ่งที่เปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ
สดชื่นขึ้น อารมณ์ดีขึ้นแบบที่คนรอบข้างทัก ว่าเป็นอะไร ความรู้สึกต่อคำพูดจากคนอื่นรู้สึกอ่อนไหวน้อยลง กลายเป็นคำปกติ ก่อนหน้านี้จะรู้สึกว่าอ่อนไหว ใครพูดอะไรนิดหน่อยจะน้อยใจ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่าความรู้สึกนั้นหายไป ออกไปนั่งคุยเม้ามอยกับเพื่อนมากขึ้น ทำอาหารกินกับเพื่อนๆ เวลาทำงานเจ้านายให้ทำอะไรก็จะรู้สึกว่า มาเลยค่ะ ได้เลย สั่งมาเลย พร้อมมาก สู้ตายค่ะ มันสดชื่นสดใสแบบบอกไม่ถูก หน้าตาเวลาตื่นนอนอิ่มฟูดีมาก
ความสัมพันธ์กับแฟนก็ดีขึ้น เพราะก่อนนี้เราก็จะรู้สึกเหนื่อย เบื่อ ไม่อยากใส่ใจอะไร พูดอะไรก็ขัดใจ ขวางหูขวางตาไปหมด ตอนนี้เริ่มชวนกันออกกำลังกาย มีเรื่องให้คุยกันเยอะขึ้น มีความสดชื่นเหมือนช่วงที่จีบกันใหม่ๆ เซ็กส์ก็ดีขึ้น บ่อยขึ้น ตอนนี้แฟนก็เริ่มออกกำลังกายพร้อมเราแล้ว
สารภาพเลยว่า ตลอดชีวิตนี้คิดว่าการออกกำลังกายเป็นกิจกรรมสำหรับนักกีฬา คนชอบเหงื่อ เพื่อความแข็งแรง สำหรับคนที่อยากผอม แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามีผลกับด้านจิตใจอย่างน่าเหลือเชื่อ การที่อารมณ์ดีอย่างหาสาเหตุไม่ได้ อยากจะร้องเพลงที่ชอบอกมาดังๆ อยากเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลง อยากตื่นมาเพื่อทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ มีเป้าหมาย มีระเบียบวินัยกับตัวเองมากขึ้น ช่วงเวลาไม่กี่เดือน แต่มันเปลี่ยนแปลงจากข้างในตัวเราและคนรอบข้างก็รู้สึก เริ่มชอบเวลาที่เหงื่อออกท่วมตัว รู้สึกโล่ง เบา สบาย เหมือนได้ยาวิเศษ เหมือนมีชีวิตใหม่จริงๆค่ะ อยากมาแชร์แค่นี้ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ชีวิตใหม่ ที่ได้จากการ "ออกกำลังกาย"
ขอเกริ่นก่อนว่า เราเกลียดการออกกำลังกายที่สุดในชีวิต ไม่เล่นกีฬาทุกชนิดและเกลียดวิชาพละที่สุด เรื่องนี้เป็นปมจากวัยเด็ก คือครูพละดุมาก เราไม่ชอบเลย ทำให้ไม่อยากเรียนพละ และเวลาวิ่งเพื่อนก็ชอบแซวว่าเหมือนเป็ด เลยไม่มีความมั่นใจในการจะเล่นกีฬา ประหม่าไปหมด เลยทำให้เราเกลียดกีฬา เกลียดการออกกำลังกายที่สุด ไม่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งหรือกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อ
- จุดเปลี่ยน
ปีนี้เราจะอายุ ครบ 35 ปี บวกกับคนรอบข้างที่เจ็บป่วยกันเยอะแยะมากมาย พี่ชายก็เป็นเบาหวาน ความดัน ร่างกายอ้วน พ่อก็ป่วยเป็นโรคไตวาย ต้องฟอกไต เลยย้อนกลับมามองตัวเองว่าเราไม่อยากเจ็บป่วยแบบนั้นเลย คิดแค่นั้น และตั้งหลักปักหมุดกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกันว่า เราจะตั้งเป้าหมายเพื่อการดูแลสุขภาพกันอย่างจริงจัง
- สภาพร่างกายและจิตใจก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีอาการเจ็บหลังซึ่งก็มาจากการนั่งเก้าอี้ทำงานทั้งวัน และปวดข้อมือเพราะต้องคลิ๊กเมาส์ตลอดเวลา ปวดไหล่ ปวดเอว ตื่นตอนเช้าไม่สดชื่นเลย ตื่นมาพร้อมอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว อาบน้ำก็ไม่สดชื่น ไปถึงที่ทำงานเริ่มงาน 09.00 น. ประมาณ 10.00 น. จะเริ่มหาว และง่วงเหงาหาวนอนตลอดทั้งวัน เลิกงานกลับไปบ้านก็รู้สึกอยากนอนไม่อยากทำอะไร เริ่มเบื่อการพบปะกับผู้คน แม้แต่จะพูดคุยกับใครก็ไม่อยากคุย อยากอยู่บ้าน นอน ดูซีรีย์ ชีวิตวนๆไปแค่นั้น เริ่มรู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นจากการกินๆ นอนๆ นั่งๆ แต่งตัวก็ไม่สวยไม่มั่นใจเหมือนเมื่อก่อน รู้สึกแย่ไปหมด เคยทำแบบทดสอบการเป็นโรคซึมเศร้าหลายๆครั้งก็อยู่ในเกณฑ์ที่เข้าข่ายจะเป็น
- วิธีการ
ลองศึกษาจากการลดน้ำหนักก่อน เราเลือกวิธีการทำ IF 16/8 และออกกำลังกายวันละ 10 นาที ให้เหงื่อออกนิดหน่อยก็คิดว่าจะพอแล้ว ตั้งเป้าเล็กๆไว้ แต่พอเอาเข้าจริงๆไม่ได้ง่ายสักเท่าไหร่เลย ช่วง 7 วันแรกที่ทำ IF ในช่วงที่อดมีอาการหิวโหยมากๆ หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนมากๆ ในส่วนของการออกกำลัง น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นทำให้ไม่คล่องตัว เหนื่อยเหมือนจะตาย ท้อแท้มากๆ แต่ก็ไม่อยากเลิก จริงๆนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราพยายาม เราพยายามมาหลายครั้งมากๆ ทั้งการลดน้ำหนักและการออกกำลังกาย วันที่เริ่มทำ น้ำหนัก 63 kg. อาจจะดูไม่เยอะมากสำหรับบางคน แต่สำหรับเรามันเพิ่มมาประมาณ 13 kg. รอบเอว 30 นิ้ว
- ปรับแผนใหม่
หลังจากที่เริ่มท้อแท้ในช่วงแรก ลองมาศึกษาเรื่องการกิน ต้องกินอะไรที่จะอยู่ท้อง จะได้อยู่รอดในช่วง 16 ชม.ที่เราอด แบบไม่หงุดหงิดด้วย ก็ลองปรับด้วยการงดของทอด ของหวาน งดแป้ง ผ่านไปสักพัก เหมือนจะเป็นลม ปรับใหม่อีกครั้งคือไม่งด แต่ลดลง ของทอดไม่ทานเลย 100% ของหวานเน้นจากผลไม้ แป้งจะทานแค่มื้อเที่ยง มื้อเย็นงด ในส่วนของการออกกำลังกาย เราจะเปิดเพลงที่ชอบเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เราอยากทำแบบต่อเนื่อง เราเลือกเพลง bts หลังจากยืดเส้น วอร์มร่างกาย เราจะวิ่งอยู่กับที่ จำได้ว่าวันแรกที่เริ่มคือ 3 นาที เหนื่อยมากใจจะขาด เริ่มเพิ่มเวลาเป็น 5 นาที เราจะค่อยๆเพิ่มอาทิตย์ละครั้ง เพื่อให้ร่างกายชินกับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้ง ปัจจุบันวิ่ง 15 นาที เสร็จแล้วก็จะเน้นกล้ามเนื้อ โยคะบ้าง ท่าทาสำหรับออกกำลังกายก็ดูจากยูทูปล้วนๆ ปัจจุบันออกกำลังกายครั้งละ 1ชม. น้ำหนักลดลงไป 6 kg.แล้ว
- สิ่งที่เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย
น้ำหนักลดลง หน้าท้องยุบลง ยังไม่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงสวยงาม คิดว่าต้องใช้เวลาเพราะไขมันน่าจะเยอะเอาเรื่อง รู้สึกตัวเบา ขับถ่ายง่าย ไม่ปวดเมื่อยเวลานั่งทำงานนานๆ ตื่นมาสดชื่น ไม่ง่วงนอนระหว่างวันอีกเลย รู้สึกสดชื่น ตื่นตัวมากขึ้น คล่องแคล่ว เหนื่อยน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
-สิ่งที่เปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ
สดชื่นขึ้น อารมณ์ดีขึ้นแบบที่คนรอบข้างทัก ว่าเป็นอะไร ความรู้สึกต่อคำพูดจากคนอื่นรู้สึกอ่อนไหวน้อยลง กลายเป็นคำปกติ ก่อนหน้านี้จะรู้สึกว่าอ่อนไหว ใครพูดอะไรนิดหน่อยจะน้อยใจ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่าความรู้สึกนั้นหายไป ออกไปนั่งคุยเม้ามอยกับเพื่อนมากขึ้น ทำอาหารกินกับเพื่อนๆ เวลาทำงานเจ้านายให้ทำอะไรก็จะรู้สึกว่า มาเลยค่ะ ได้เลย สั่งมาเลย พร้อมมาก สู้ตายค่ะ มันสดชื่นสดใสแบบบอกไม่ถูก หน้าตาเวลาตื่นนอนอิ่มฟูดีมาก
ความสัมพันธ์กับแฟนก็ดีขึ้น เพราะก่อนนี้เราก็จะรู้สึกเหนื่อย เบื่อ ไม่อยากใส่ใจอะไร พูดอะไรก็ขัดใจ ขวางหูขวางตาไปหมด ตอนนี้เริ่มชวนกันออกกำลังกาย มีเรื่องให้คุยกันเยอะขึ้น มีความสดชื่นเหมือนช่วงที่จีบกันใหม่ๆ เซ็กส์ก็ดีขึ้น บ่อยขึ้น ตอนนี้แฟนก็เริ่มออกกำลังกายพร้อมเราแล้ว
สารภาพเลยว่า ตลอดชีวิตนี้คิดว่าการออกกำลังกายเป็นกิจกรรมสำหรับนักกีฬา คนชอบเหงื่อ เพื่อความแข็งแรง สำหรับคนที่อยากผอม แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามีผลกับด้านจิตใจอย่างน่าเหลือเชื่อ การที่อารมณ์ดีอย่างหาสาเหตุไม่ได้ อยากจะร้องเพลงที่ชอบอกมาดังๆ อยากเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลง อยากตื่นมาเพื่อทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ มีเป้าหมาย มีระเบียบวินัยกับตัวเองมากขึ้น ช่วงเวลาไม่กี่เดือน แต่มันเปลี่ยนแปลงจากข้างในตัวเราและคนรอบข้างก็รู้สึก เริ่มชอบเวลาที่เหงื่อออกท่วมตัว รู้สึกโล่ง เบา สบาย เหมือนได้ยาวิเศษ เหมือนมีชีวิตใหม่จริงๆค่ะ อยากมาแชร์แค่นี้ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ