วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ตื่นมาสดชื่น คือความสุขที่ยิ่งใหญ่ ความสุขสุขหนึ่งของวัยทำงานอายุ 20 ปลายๆ อย่างกระผม ยิ่งเมื่อเทียบกับคืนที่นอนไม่หลับกันแล้วนั้น คืนไหนที่หัวถึงนอนแล้วหลับ…ชีวิตบางทีก็ขอแค่นี้แหละ
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้จะมาเล่าเรื่องการนอนไม่หลับของตัวเองให้ทุกคนฟัง รวมทั้งวิธีการแก้ปัญหาสารพัดวิธี ที่งัดมาใช้ทุกกระบวนการท่า ทั้งที่ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่เชื่อว่าจากเวลาและทรัพยากร รวมทั้งชั่วโมงบินทั้งหมดที่เจอมาจากอาการนอนไม่หลับ จะสามารถเป็นแนวทางช่วยเหลือ แบ่งปันให้กับ มิตรสหายคนอื่นที่นอนไม่หลับเหมือนกันได้ไม่น้อย
เมื่อชีวิตสอนให้ผมรู้จักกับคำว่านอนไม่หลับ
ผมเริ่มรู้จักอาหารโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง ตอนช่วงสมัยมหาวิทยาลัยปี 4 มันเป็นช่วงที่ผมเรียนใกล้จบแล้ว แต่ดันเกิดปัญหาในครอบครัว (ขอข้ามไม่เล่ารายละเอียด) จนผมเกิดความเครียดมาก แต่สำหรับผมความเครียดอย่างเดียวไม่ก่อให้เกิดอาการนอนหลับไปซะทั้งหมด มันต้องเสริมด้วยปัจจัยสภาพแวดล้อมด้วย อธิบายง่ายๆ แบบนี้คือ
ผมคิดว่าอารมณ์ความรู้สึก ความวิตกตกังวล ความเครียด ความตื่นเต้น ความกลัว ปัจจัยเหล่านี้คือต้นเหตุการนอนไม่หลับของผม เป็นเหมือนน้ำมันที่พร้อมติดไฟ แต่มันจะไม่ติดไฟถ้าไม่มีอะไรมาจุดติดมัน และสิ่งเหล่านั้นคือสภาพแวดล้อม เช่น แสง สี เสียง ผมคงต้องเน้นย้ำไวตัวหลังคือ เสียง สำหรับผมคิดว่า เสียงเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ ไม่รู้เหมือนคนอื่นไหม แต่เสียงมันคือสิ่งที่ทำให้เราพร้อมตื่นได้ทุกเมื่อ เสียงเปิดประตู เสียงคนร้องเพลง เสียงคนลากของ หลายครั้งนึกอิจฉาคน ตจว ที่ได้หลับนอนในพื้นที่สงบเงียบ
กลับมาที่อาการนอนไม่หลับครั้งแรกของผม มันเกิดขึ้นประมาณช่วงปี 2018 เดือนสิงหาคม สาเหตุเกิดจากพวกขี้เมาแถวบ้าน ที่มันชอบเสียงดัง แต่ที่น่าแปลกคือ ไอขี้เมากลุ่มนี้มันก็กินแบบนี้ของมันมานานแล้ว แต่ช่วงนี้มันกินถี่ขึ้นดังขึ้น ประกอบกับผมมีความคิด วิตกกังวลเรื่องที่บ้าน พอทั้งสองอย่างมารวมกัน ผมจึงเริ่มเกิดอาการนอนไม่หลับ หรือหลับแล้วก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียง เป็นอย่างนั้นอยู่ 10 เดือน
วิธีแก้
ในช่วงแรกด้วยตอนนั้นเรายังเด็ก บวกกับไม่มีทุนทรัพยากรในการไปปรึกษาแพทย์ หรือหาช่องทางต่างๆ ในการเยียวยาตัวเอง จึงอาศัยการช่วยตัวเอง ด้วยการหาที่อุดหูมาใส่ ซึ่งแมร่งก็ไม่ช่วยอะไร ลงไปเจรจากับพวกขี้เหล้า สถานการณ์ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ที่พอได้ผลมาบ้างคือการ ถ้าคืนไหนสะดุ้งตื่น จะลุกขึ้นมาเขียนความรู้สึกขอตัวเองลงกระดาษ ความเครียด ความโกรธ ความท้อแท้ ความหวัง ผมเขียนทั้งหมดนี้ลงไป บางคืนก็เขียนมันพร้อมกับน้ำตา มันก็พอช่วยให้หลับได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทางออก ของปัญหานอนไม่หลับที่ผมสามารถแก้ได้
ทางออก
ผมจึงทุบหม้อข้าวตัวเอง คลานไปตายเอาดาบหน้า ด้วยการหน้าด้านหน้าทนไปขออาศัยนอนกลับเพื่อนอยู่ 3-4 เดือน ปรากฏว่าเป็น 3-4 เดือนที่นอนหลับเต็มอิ่มมาก ทั้งที่ปัญหาความเครียดก็ยังคงอยู่ ผมจึงตกตะกอนกับตัวเองได้อย่างหนึ่งว่า ใช่ตัวเองเป็นคนคิดมาก เครียดง่าย แต่ถ้าได้นอนในสภาพแวดล้อมที่เงียบ เราสามารถนอนหลับได้อย่างเหมือนคนอื่นเขา จนทางออกสุดท้ายของผมก็คือการ ออกไปเช่าหอพักอยู่ ทั้งที่หอพักอยู่แค่หน้าปากซอยของบ้านเดิม ก็ต้องยอมเสียเงินเพื่อแลกกับการนอนที่สุขสบาย และไม่ต้องเจอกับมลพิษทางเสียง
3 ปีแห่งความสุขสงบในการนอน
มาเล่าต่อ หลังจากที่ย้ายมาอยู่หอพัก ปรากกฏว่าการนอนของผมกลับมาดีมาก นอนเพียงพอทุกคืน ไม่มีคืนไหนเลยที่นอนไม่หลับ
แต่ช่วงเวลาแสนสุขก็มีวันหมดอายุเสมอ เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงปลายปี 2021 สิ่งแรกที่กลับมาคือความเครียด เรื่องการโยกย้ายงาน บวกกับปัญหาชีวิต อาการนอนไม่หลับเริ่มกลับมาบ้าง แต่น้อยนิด จนกระทั่งเกิดเหตุที่ทำให้ผมจำเป็นต้องย้ายหอพักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และด้วยความฉุกละหุก ผมมีเวลาหอหาใหม่น้อยมาก จึงไปได้หอพักที่ติดริมถนน และแล้วความบรรลัยก็บังเกิด โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะความไม่รอบคอบในการเลือกหอพัก
จงเลือกหอพัก ที่อยู่อาศัยให้ดี และรอบคอบที่สุดเท่าที่คุณจะเลือกได้ ถ้าอย่างนอนหลับสบาย
อาการนอนไม่หลับกลับมาอีกครั้ง เมื่อทุกคืนต้องมานั่งทนฟัง เสียงเด็กแว๊น กับบิ๊กไบร์ท เบิ้ลเครื่องแข่งกัน ใครว่ายิ่งดึกยิ่งเงียบ ผมว่าไม่จริงยิ่งดึกยิ่งดังมากกว่า แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้สรรหาสารพัดวิธีมาจัดการ
วิธีแก้
1พยายามหาอุปกรณ์มากลบเสียงภายในห้อง ทั้งที่กั้นสอดข้างให้ประตู เอาดินน้ำมัน และสารพัดอุปกรณ์มาปิดรูที่เสียงจะเข้ามา เสียเงินไปเยอะมาก แต่สำหรับผมคิดว่าวิธีการนี้ได้ไม่คุ้มเสียเลย มันลดเสียงได้น้อยมาก น้อยขนาดที่เวลานอนก็ยังได้ยินเสียงอยู่ดี
2.ใส่ที่อุดหู ลองมันทุกแบบ ทุกราคา จนสุดท้ายมาจบที่ที่อุดหูแบบแวก ถามว่าดีไหมดี ช่วยลดเสียงได้จริง แต่ไม่เกิดคำถามต่อไปว่าเราต้องใส่มันตลอดไปจริงๆ เหรอ เพราะที่อุดหูแบบแวกของบูท กล่องละ 99 บาท มีห้าอัน ถ้าอยากใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คงต้องเปลี่ยน 1-2 วันต่อชิ้น นั่นเท่ากับว่าต้องเสียค่าที่อุดหูเดือนละ 500 บาท ที่ก็ไม่ได้การันตีด้วยว่าจะนอนหลับได้ทุกคืน เพราะบางคืนแวกมันก็หลุด จนสุดท้ายผมก้มองว่า บรรดาอุปกรณ์ต่างๆ มันช่วยได้แค่ระยะสั้นเท่านั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในระยะยาว ถ้าสภาพแวดล้อม หรือบริบทต่างๆ ที่เราพบเจอยังคงเดิม
ผมจึงต้องกลับมาใช้วิธีการเดิมคือย้ายหอพัก แต่เคราะหืซ้ำกรรมซัด ช่วงเวลาที่ขอย้ายเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ ขอก็ยื่นคำขาดถ้าจะย้ายต้องย้ายภายในก่อนวันหยุดสิ้นปี ถ้าไม่ย้ายตอนนี้ จะย้ายได้อีกทีก็ตอนช่วงสิ้นเดือนมกราคม เราจึงตัดสินใจย้าย แบบเร่งรีบอีกครั้ง
โอเคเรามีบทเรียนแล้วว่าจะไม่เอาหาติดถนน จึงไปได้หอพักในซอยที่ไม่ติดถนน แต่เก่าหน่อย วันที่เข้าไปดูห้องก็รู้สึกโอเคนะ ห้องกว้างมาก บวกกับเสียงเงียบมาก แต่หารู้ไม่ว่าเท่านี้ยังไม่พอ
ด้วยความที่หอมันเก่า และมันใช้ประตูแบบเหล็ก ปัญหาเดิมก็ตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง คือพยายามจะทำตัวไม่ให้มีปัญหาแล้วนะ แต่คือเสียงจากภายนอกมันเข้ามาในห้องเราได้ง่ายมาก เสียคนคุยกัน เสียงปิดประตู เสียงลากเก้าอี้ ทุกเสียงที่เกิดขึ้นในหอแห่งนี้ ดูเหมือนจะสามารถแบ่งปันให้ทุกห้องได้ยินโดยพร้อมเพรียง
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ผมจำขึ้นใจ และคิดว่าจะสามารถช่วยเพื่อนคนอื่นที่กำลังเจอปัญหานอนไม่หลับหรือยังไม่เจอตอนนี้ได้คือ จงเลือกที่พัก บ้าน คอนโด หอพัก ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเลือกได้ อย่าเร่งรีบ ดูมันให้แน่ใจ ดุมันหลายๆ รอบให้ชัวจริงๆ แล้วค่อยย้ายเข้ามา เพราะวันใดที่คุณย้ายของเข้ามา เซ็นสัญญาไปแล้ว การย้ายออก ไม่ง่ายเหมือนการย้ายเข้า ผมยังคิดเลยว่าต่อไป ถ้าจะย้ายหออีก จะยอมจ่ายแพง หรือจะขอเขาทดลองอยู่แบบ 1 เดือน หรือ 1 สัปดาห์ก่อนดีกว่า ยอมจ่ายค่าเช่าแพงก็ยอม เพื่อให้ได้ห้องที่ถูกใจจริงๆ ผมคิดว่าห้องนอน มันมีผลอย่างมากต่อการนอนหลับของเรา
เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะมันกลายเป็นว่าจากเสียงที่ดังในบางวัน ผมเกิดอาการวิตกกังวลเวลาเข้านอน ว่าคืนนี้จะได้ยินเสียงอะไรอีกไหม กลายเป็นว่าบางคืนก็นอนไม่หลับ ลามไปวันอื่นๆ มันทั้งหมด และด้วยความเหนื่อยท้อ กับการย้ายหอ ผมจึงต้องพยายามหาสาเหตุอื่นๆ และวิธีการที่ทำให้ผมนอนหลับได้ดีขึ้น ในตอนนี้ ผมจึงขอสรุปเรื่องราว และวิธีการที่ผมได้รับ จากประสบการณ์ทั้งหมดของตัวเองที่ได้เจอมา และหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่ตอนนี้กำลังเจอปัญหานอนไม่หลับเหมือนกัน
1ข้อนี้สำคัญมาก และผู้เชี่ยวชาญทุกสำนักบอกตรงกันหมด คือ ถ้านอนไม่หลับ 20-30 นาที (กะเอาอย่าดูนาฬิกา) อย่านอนต่อเลยเชื่อเถอะ เพราะถ้าไม่เชื่อผมเจอมาแล้ว กลิ้งไปกลิ้งมาจนถึงตีสาม เพราะเสียดายเวลาที่จะลุกขึ้นมา หรือคิดว่าทนๆ นอนไปเดี๋ยวก็หลับซึ่งมันไม่จริง มีคืนหนึ่งผมตัดสินใจลุกขึ้นมาอ่านหนังสือ 10 กว่านาที และนั่งสมาธิต่ออีกนิด ปรากฎว่า สามารถกลับไปหลับได้ง่ายขึ้น แม้จะมีเสียงรบกวนก็ตาม
2โยนนาฬิกาในห้องนอนทั้งหมดทิ้งซะ ผมว่านาฬิกาคือตัวการสำคัญที่ทำให้เรา พะวังกับการนอนเกินไป ผมเคยเจอกับตัวเองแบบ เข้านอนตอนสี่ทุ่มครึ่ง แต่นอนไม่หลับลุกขึ้นมาเปิดโทรศัพท์ พบว่าตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว มันยิ่งทำให้เราวิตกกังวล และพยายามข่มตานอน เมื่อเราพบว่าเรานอนมาสามชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่หลับ ซึ่งมันไม่ช่วยอะไร นอกจากมีแต่จะทำให้การนอนเราแย่ลง เพราะยิ่งพยายามหลับมันจะไม่หลับ ตอนนี้คือผมไม่สนใจจะกี่โมงก็ช่าง พอเราไม่รู้เวลาความกดดัน ความพยายามจะหลับของเราก็น้อยลง
3คนทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อต้องนอนวันละ 8 ชั่วโมงเว่ย ผมเป็นคนดูแลสุขภาพคนหนึ่งที่พยายามนอนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง สุดท้ายมันส่งผลเสียต่อผล เพราะด้วยความที่ช่วงนี้ผม ทำงานที่บ้าน นั่นเท่ากับว่าบางวันผมแทบไม่สูญเสียพลังงานเลย แต่ผมก็คะยั้นคะยอให้ตัวเองนอนเวลาเดิม ทั้งที่ยังไม่ง่วง ปรากฎว่ามันเป็นสาเหตุหนึง่ที่ทำให้เรานอนไม่หลับ คือถ้าเราสังเกตดีๆ คุณหมอส่วนใหญ่จะแนะนำให้เราตื่นเวลาเดิม แต่เขาไม่ได้บอกนะว่าต้องนอนเวลาเดิม ซึ่งผมเห็นด้วยกับการตื่นเวลาเดิม ผมพบว่ายิ่งตื่นเช้าเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คืนต่อไปหลับง่ายมากขึ้นเท่านั้น
4 อันนี้เป็นวิธีส่วนตัวอาจจะไม่แนะนำนัก แต่ผมจะพยายามไม่ให้ตัวเองนอนให้เต็มอิ่มนัก คือผมพบว่าตัวเอง ถ้านอน 7 ชั่วโมงคือตัวเลขกำลังดี แต่ถ้า 8 คือเต็มอิ่ม นั่นหมายความว่า ถ้าผมรู้ว่าวันต่อไปผมไม่ได้ไปไหน ทำงานที่บ้าน ผมจะนอนแค่ 7 ชั่วโมง เพื่อให้คืนต่อไปมันมีความง่วงหลงเหลือ แต่ถ้ารู้ว่าวันต่อไปมีไปทำงานข้างนอก ลงพื้นที่ หรือไปบริจาคเลือด ฉีดวัคซีนต่างๆ คืนนั้นผมถึงจะพยายามนอน 8 ชั่วโมงแทน (ผมว่าการนอนหลับเป็นศิลปะ ที่เราต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจมันอย่างมาก)
5 อย่าดื่มแอกอฮอล์ เพื่อให้นอนหลับถ้าไม่จำเป็น ผมลองแล้ว ซื้อวอสก้ามาขวดนึง กินอยู่เกือบเดือนปรากฏว่าหลับง่ายขึ้นมาก แต่เมื่อเดือนแรกผ่านไป ความซวยเริ่มบังเกิด เหมือนร่างกายมันบอกว่าถ้าอยากหลับง่าย ก็ต้องเพิ่มปริมาณ แอกอฮอล์ให้มากขึ้น จนการกิน 1 ช็อต ที่เคยหลับได้ มันไม่สามารถหลับได้อีกต่อไป เมื่อรู้ดังนั้นผมจึงหยุดกิน ปรากฎว่าการหยุดกิน ยิ่งทำให้เรานอนไม่หลับแย่ขึ้นกว่าเดิม สำหรับผมแอกอฮอล์ มีไว้ดื่มนิดหน่อย ในคืนที่นอนไม่หลับจริงๆ เท่านั้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำมากินทุกคืน เพราะเราจะต้องกินมากขึ้นเรื่อยๆ
จริงๆ ยังมีวิธีการอีกมากที่ผมพยายามนำมาปรับใช้กับการนอนขอตัวเอง ทั้งงดกินน้ำเยอะๆๆ ก่อนเข้านอน 4 ชั่วโมง เพราะตัวเองเป็นคนฉี่ง่าย งดดูหนังภาพยนตร์ที่มันสะเทือนอารมณ์ หรือแม้แต่การทำให้ตัวเองผ่อนคลายที่สุดก่อนนอน
ถึงวันนี้ผมก็ยังไม่สามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่า การนอนของผมกลับมาปกติแล้ว มันน่าจะอยู่ในขั้นตอนพยายามอยู่ แต่ก็เห็นหนทางที่ดี และก็ได้รู้อย่างหนึ่งว่า ถ้าเราไม่ยอมแพ้ และลองหาวิธีใหม่ไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าสักวันเราจะพบการนอนหลับที่ดีกับเรา ผมชอบคำนึงในพอสแคส์อง RU OK มากๆ เขาบอกว่า คุณไม่ต้องกังวลกับการนอนนักหรอก มันคือธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าคุณจะนอนไม่หลับยังไง สุดท้ายยังไงคุณก็ต้องได้นอนอยู่ดี มันคือกฏธรรมชาติ ที่ต้องเกิดขึ้นอยู่
ปล อีกอย่างหนึ่งที่ลืมบอก คือผมกำลังมีไปพบจิตแพทย์ และหาหมอเรื่องนี้ด้วย ผมคิดว่าทุกคนที่เกิดอาการนอนไม่หลับ ก็ควรไปหาหมอนะ ไม่ควรพยายามหาทางออกอยู่คนเดียว จนมันเรื้อรัง
รีวิว มหากาฬ สำหรับคนหลับยาก นอนไม่หลับ
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้จะมาเล่าเรื่องการนอนไม่หลับของตัวเองให้ทุกคนฟัง รวมทั้งวิธีการแก้ปัญหาสารพัดวิธี ที่งัดมาใช้ทุกกระบวนการท่า ทั้งที่ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่เชื่อว่าจากเวลาและทรัพยากร รวมทั้งชั่วโมงบินทั้งหมดที่เจอมาจากอาการนอนไม่หลับ จะสามารถเป็นแนวทางช่วยเหลือ แบ่งปันให้กับ มิตรสหายคนอื่นที่นอนไม่หลับเหมือนกันได้ไม่น้อย
เมื่อชีวิตสอนให้ผมรู้จักกับคำว่านอนไม่หลับ
ผมเริ่มรู้จักอาหารโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง ตอนช่วงสมัยมหาวิทยาลัยปี 4 มันเป็นช่วงที่ผมเรียนใกล้จบแล้ว แต่ดันเกิดปัญหาในครอบครัว (ขอข้ามไม่เล่ารายละเอียด) จนผมเกิดความเครียดมาก แต่สำหรับผมความเครียดอย่างเดียวไม่ก่อให้เกิดอาการนอนหลับไปซะทั้งหมด มันต้องเสริมด้วยปัจจัยสภาพแวดล้อมด้วย อธิบายง่ายๆ แบบนี้คือ
ผมคิดว่าอารมณ์ความรู้สึก ความวิตกตกังวล ความเครียด ความตื่นเต้น ความกลัว ปัจจัยเหล่านี้คือต้นเหตุการนอนไม่หลับของผม เป็นเหมือนน้ำมันที่พร้อมติดไฟ แต่มันจะไม่ติดไฟถ้าไม่มีอะไรมาจุดติดมัน และสิ่งเหล่านั้นคือสภาพแวดล้อม เช่น แสง สี เสียง ผมคงต้องเน้นย้ำไวตัวหลังคือ เสียง สำหรับผมคิดว่า เสียงเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ ไม่รู้เหมือนคนอื่นไหม แต่เสียงมันคือสิ่งที่ทำให้เราพร้อมตื่นได้ทุกเมื่อ เสียงเปิดประตู เสียงคนร้องเพลง เสียงคนลากของ หลายครั้งนึกอิจฉาคน ตจว ที่ได้หลับนอนในพื้นที่สงบเงียบ
กลับมาที่อาการนอนไม่หลับครั้งแรกของผม มันเกิดขึ้นประมาณช่วงปี 2018 เดือนสิงหาคม สาเหตุเกิดจากพวกขี้เมาแถวบ้าน ที่มันชอบเสียงดัง แต่ที่น่าแปลกคือ ไอขี้เมากลุ่มนี้มันก็กินแบบนี้ของมันมานานแล้ว แต่ช่วงนี้มันกินถี่ขึ้นดังขึ้น ประกอบกับผมมีความคิด วิตกกังวลเรื่องที่บ้าน พอทั้งสองอย่างมารวมกัน ผมจึงเริ่มเกิดอาการนอนไม่หลับ หรือหลับแล้วก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียง เป็นอย่างนั้นอยู่ 10 เดือน
วิธีแก้
ในช่วงแรกด้วยตอนนั้นเรายังเด็ก บวกกับไม่มีทุนทรัพยากรในการไปปรึกษาแพทย์ หรือหาช่องทางต่างๆ ในการเยียวยาตัวเอง จึงอาศัยการช่วยตัวเอง ด้วยการหาที่อุดหูมาใส่ ซึ่งแมร่งก็ไม่ช่วยอะไร ลงไปเจรจากับพวกขี้เหล้า สถานการณ์ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ที่พอได้ผลมาบ้างคือการ ถ้าคืนไหนสะดุ้งตื่น จะลุกขึ้นมาเขียนความรู้สึกขอตัวเองลงกระดาษ ความเครียด ความโกรธ ความท้อแท้ ความหวัง ผมเขียนทั้งหมดนี้ลงไป บางคืนก็เขียนมันพร้อมกับน้ำตา มันก็พอช่วยให้หลับได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทางออก ของปัญหานอนไม่หลับที่ผมสามารถแก้ได้
ทางออก
ผมจึงทุบหม้อข้าวตัวเอง คลานไปตายเอาดาบหน้า ด้วยการหน้าด้านหน้าทนไปขออาศัยนอนกลับเพื่อนอยู่ 3-4 เดือน ปรากฏว่าเป็น 3-4 เดือนที่นอนหลับเต็มอิ่มมาก ทั้งที่ปัญหาความเครียดก็ยังคงอยู่ ผมจึงตกตะกอนกับตัวเองได้อย่างหนึ่งว่า ใช่ตัวเองเป็นคนคิดมาก เครียดง่าย แต่ถ้าได้นอนในสภาพแวดล้อมที่เงียบ เราสามารถนอนหลับได้อย่างเหมือนคนอื่นเขา จนทางออกสุดท้ายของผมก็คือการ ออกไปเช่าหอพักอยู่ ทั้งที่หอพักอยู่แค่หน้าปากซอยของบ้านเดิม ก็ต้องยอมเสียเงินเพื่อแลกกับการนอนที่สุขสบาย และไม่ต้องเจอกับมลพิษทางเสียง
3 ปีแห่งความสุขสงบในการนอน
มาเล่าต่อ หลังจากที่ย้ายมาอยู่หอพัก ปรากกฏว่าการนอนของผมกลับมาดีมาก นอนเพียงพอทุกคืน ไม่มีคืนไหนเลยที่นอนไม่หลับ
แต่ช่วงเวลาแสนสุขก็มีวันหมดอายุเสมอ เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงปลายปี 2021 สิ่งแรกที่กลับมาคือความเครียด เรื่องการโยกย้ายงาน บวกกับปัญหาชีวิต อาการนอนไม่หลับเริ่มกลับมาบ้าง แต่น้อยนิด จนกระทั่งเกิดเหตุที่ทำให้ผมจำเป็นต้องย้ายหอพักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และด้วยความฉุกละหุก ผมมีเวลาหอหาใหม่น้อยมาก จึงไปได้หอพักที่ติดริมถนน และแล้วความบรรลัยก็บังเกิด โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะความไม่รอบคอบในการเลือกหอพัก
จงเลือกหอพัก ที่อยู่อาศัยให้ดี และรอบคอบที่สุดเท่าที่คุณจะเลือกได้ ถ้าอย่างนอนหลับสบาย
อาการนอนไม่หลับกลับมาอีกครั้ง เมื่อทุกคืนต้องมานั่งทนฟัง เสียงเด็กแว๊น กับบิ๊กไบร์ท เบิ้ลเครื่องแข่งกัน ใครว่ายิ่งดึกยิ่งเงียบ ผมว่าไม่จริงยิ่งดึกยิ่งดังมากกว่า แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้สรรหาสารพัดวิธีมาจัดการ
วิธีแก้
1พยายามหาอุปกรณ์มากลบเสียงภายในห้อง ทั้งที่กั้นสอดข้างให้ประตู เอาดินน้ำมัน และสารพัดอุปกรณ์มาปิดรูที่เสียงจะเข้ามา เสียเงินไปเยอะมาก แต่สำหรับผมคิดว่าวิธีการนี้ได้ไม่คุ้มเสียเลย มันลดเสียงได้น้อยมาก น้อยขนาดที่เวลานอนก็ยังได้ยินเสียงอยู่ดี
2.ใส่ที่อุดหู ลองมันทุกแบบ ทุกราคา จนสุดท้ายมาจบที่ที่อุดหูแบบแวก ถามว่าดีไหมดี ช่วยลดเสียงได้จริง แต่ไม่เกิดคำถามต่อไปว่าเราต้องใส่มันตลอดไปจริงๆ เหรอ เพราะที่อุดหูแบบแวกของบูท กล่องละ 99 บาท มีห้าอัน ถ้าอยากใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คงต้องเปลี่ยน 1-2 วันต่อชิ้น นั่นเท่ากับว่าต้องเสียค่าที่อุดหูเดือนละ 500 บาท ที่ก็ไม่ได้การันตีด้วยว่าจะนอนหลับได้ทุกคืน เพราะบางคืนแวกมันก็หลุด จนสุดท้ายผมก้มองว่า บรรดาอุปกรณ์ต่างๆ มันช่วยได้แค่ระยะสั้นเท่านั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในระยะยาว ถ้าสภาพแวดล้อม หรือบริบทต่างๆ ที่เราพบเจอยังคงเดิม
ผมจึงต้องกลับมาใช้วิธีการเดิมคือย้ายหอพัก แต่เคราะหืซ้ำกรรมซัด ช่วงเวลาที่ขอย้ายเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ ขอก็ยื่นคำขาดถ้าจะย้ายต้องย้ายภายในก่อนวันหยุดสิ้นปี ถ้าไม่ย้ายตอนนี้ จะย้ายได้อีกทีก็ตอนช่วงสิ้นเดือนมกราคม เราจึงตัดสินใจย้าย แบบเร่งรีบอีกครั้ง
โอเคเรามีบทเรียนแล้วว่าจะไม่เอาหาติดถนน จึงไปได้หอพักในซอยที่ไม่ติดถนน แต่เก่าหน่อย วันที่เข้าไปดูห้องก็รู้สึกโอเคนะ ห้องกว้างมาก บวกกับเสียงเงียบมาก แต่หารู้ไม่ว่าเท่านี้ยังไม่พอ
ด้วยความที่หอมันเก่า และมันใช้ประตูแบบเหล็ก ปัญหาเดิมก็ตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง คือพยายามจะทำตัวไม่ให้มีปัญหาแล้วนะ แต่คือเสียงจากภายนอกมันเข้ามาในห้องเราได้ง่ายมาก เสียคนคุยกัน เสียงปิดประตู เสียงลากเก้าอี้ ทุกเสียงที่เกิดขึ้นในหอแห่งนี้ ดูเหมือนจะสามารถแบ่งปันให้ทุกห้องได้ยินโดยพร้อมเพรียง
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ผมจำขึ้นใจ และคิดว่าจะสามารถช่วยเพื่อนคนอื่นที่กำลังเจอปัญหานอนไม่หลับหรือยังไม่เจอตอนนี้ได้คือ จงเลือกที่พัก บ้าน คอนโด หอพัก ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเลือกได้ อย่าเร่งรีบ ดูมันให้แน่ใจ ดุมันหลายๆ รอบให้ชัวจริงๆ แล้วค่อยย้ายเข้ามา เพราะวันใดที่คุณย้ายของเข้ามา เซ็นสัญญาไปแล้ว การย้ายออก ไม่ง่ายเหมือนการย้ายเข้า ผมยังคิดเลยว่าต่อไป ถ้าจะย้ายหออีก จะยอมจ่ายแพง หรือจะขอเขาทดลองอยู่แบบ 1 เดือน หรือ 1 สัปดาห์ก่อนดีกว่า ยอมจ่ายค่าเช่าแพงก็ยอม เพื่อให้ได้ห้องที่ถูกใจจริงๆ ผมคิดว่าห้องนอน มันมีผลอย่างมากต่อการนอนหลับของเรา
เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะมันกลายเป็นว่าจากเสียงที่ดังในบางวัน ผมเกิดอาการวิตกกังวลเวลาเข้านอน ว่าคืนนี้จะได้ยินเสียงอะไรอีกไหม กลายเป็นว่าบางคืนก็นอนไม่หลับ ลามไปวันอื่นๆ มันทั้งหมด และด้วยความเหนื่อยท้อ กับการย้ายหอ ผมจึงต้องพยายามหาสาเหตุอื่นๆ และวิธีการที่ทำให้ผมนอนหลับได้ดีขึ้น ในตอนนี้ ผมจึงขอสรุปเรื่องราว และวิธีการที่ผมได้รับ จากประสบการณ์ทั้งหมดของตัวเองที่ได้เจอมา และหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่ตอนนี้กำลังเจอปัญหานอนไม่หลับเหมือนกัน
1ข้อนี้สำคัญมาก และผู้เชี่ยวชาญทุกสำนักบอกตรงกันหมด คือ ถ้านอนไม่หลับ 20-30 นาที (กะเอาอย่าดูนาฬิกา) อย่านอนต่อเลยเชื่อเถอะ เพราะถ้าไม่เชื่อผมเจอมาแล้ว กลิ้งไปกลิ้งมาจนถึงตีสาม เพราะเสียดายเวลาที่จะลุกขึ้นมา หรือคิดว่าทนๆ นอนไปเดี๋ยวก็หลับซึ่งมันไม่จริง มีคืนหนึ่งผมตัดสินใจลุกขึ้นมาอ่านหนังสือ 10 กว่านาที และนั่งสมาธิต่ออีกนิด ปรากฎว่า สามารถกลับไปหลับได้ง่ายขึ้น แม้จะมีเสียงรบกวนก็ตาม
2โยนนาฬิกาในห้องนอนทั้งหมดทิ้งซะ ผมว่านาฬิกาคือตัวการสำคัญที่ทำให้เรา พะวังกับการนอนเกินไป ผมเคยเจอกับตัวเองแบบ เข้านอนตอนสี่ทุ่มครึ่ง แต่นอนไม่หลับลุกขึ้นมาเปิดโทรศัพท์ พบว่าตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว มันยิ่งทำให้เราวิตกกังวล และพยายามข่มตานอน เมื่อเราพบว่าเรานอนมาสามชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่หลับ ซึ่งมันไม่ช่วยอะไร นอกจากมีแต่จะทำให้การนอนเราแย่ลง เพราะยิ่งพยายามหลับมันจะไม่หลับ ตอนนี้คือผมไม่สนใจจะกี่โมงก็ช่าง พอเราไม่รู้เวลาความกดดัน ความพยายามจะหลับของเราก็น้อยลง
3คนทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อต้องนอนวันละ 8 ชั่วโมงเว่ย ผมเป็นคนดูแลสุขภาพคนหนึ่งที่พยายามนอนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง สุดท้ายมันส่งผลเสียต่อผล เพราะด้วยความที่ช่วงนี้ผม ทำงานที่บ้าน นั่นเท่ากับว่าบางวันผมแทบไม่สูญเสียพลังงานเลย แต่ผมก็คะยั้นคะยอให้ตัวเองนอนเวลาเดิม ทั้งที่ยังไม่ง่วง ปรากฎว่ามันเป็นสาเหตุหนึง่ที่ทำให้เรานอนไม่หลับ คือถ้าเราสังเกตดีๆ คุณหมอส่วนใหญ่จะแนะนำให้เราตื่นเวลาเดิม แต่เขาไม่ได้บอกนะว่าต้องนอนเวลาเดิม ซึ่งผมเห็นด้วยกับการตื่นเวลาเดิม ผมพบว่ายิ่งตื่นเช้าเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คืนต่อไปหลับง่ายมากขึ้นเท่านั้น
4 อันนี้เป็นวิธีส่วนตัวอาจจะไม่แนะนำนัก แต่ผมจะพยายามไม่ให้ตัวเองนอนให้เต็มอิ่มนัก คือผมพบว่าตัวเอง ถ้านอน 7 ชั่วโมงคือตัวเลขกำลังดี แต่ถ้า 8 คือเต็มอิ่ม นั่นหมายความว่า ถ้าผมรู้ว่าวันต่อไปผมไม่ได้ไปไหน ทำงานที่บ้าน ผมจะนอนแค่ 7 ชั่วโมง เพื่อให้คืนต่อไปมันมีความง่วงหลงเหลือ แต่ถ้ารู้ว่าวันต่อไปมีไปทำงานข้างนอก ลงพื้นที่ หรือไปบริจาคเลือด ฉีดวัคซีนต่างๆ คืนนั้นผมถึงจะพยายามนอน 8 ชั่วโมงแทน (ผมว่าการนอนหลับเป็นศิลปะ ที่เราต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจมันอย่างมาก)
5 อย่าดื่มแอกอฮอล์ เพื่อให้นอนหลับถ้าไม่จำเป็น ผมลองแล้ว ซื้อวอสก้ามาขวดนึง กินอยู่เกือบเดือนปรากฏว่าหลับง่ายขึ้นมาก แต่เมื่อเดือนแรกผ่านไป ความซวยเริ่มบังเกิด เหมือนร่างกายมันบอกว่าถ้าอยากหลับง่าย ก็ต้องเพิ่มปริมาณ แอกอฮอล์ให้มากขึ้น จนการกิน 1 ช็อต ที่เคยหลับได้ มันไม่สามารถหลับได้อีกต่อไป เมื่อรู้ดังนั้นผมจึงหยุดกิน ปรากฎว่าการหยุดกิน ยิ่งทำให้เรานอนไม่หลับแย่ขึ้นกว่าเดิม สำหรับผมแอกอฮอล์ มีไว้ดื่มนิดหน่อย ในคืนที่นอนไม่หลับจริงๆ เท่านั้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำมากินทุกคืน เพราะเราจะต้องกินมากขึ้นเรื่อยๆ
จริงๆ ยังมีวิธีการอีกมากที่ผมพยายามนำมาปรับใช้กับการนอนขอตัวเอง ทั้งงดกินน้ำเยอะๆๆ ก่อนเข้านอน 4 ชั่วโมง เพราะตัวเองเป็นคนฉี่ง่าย งดดูหนังภาพยนตร์ที่มันสะเทือนอารมณ์ หรือแม้แต่การทำให้ตัวเองผ่อนคลายที่สุดก่อนนอน
ถึงวันนี้ผมก็ยังไม่สามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่า การนอนของผมกลับมาปกติแล้ว มันน่าจะอยู่ในขั้นตอนพยายามอยู่ แต่ก็เห็นหนทางที่ดี และก็ได้รู้อย่างหนึ่งว่า ถ้าเราไม่ยอมแพ้ และลองหาวิธีใหม่ไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าสักวันเราจะพบการนอนหลับที่ดีกับเรา ผมชอบคำนึงในพอสแคส์อง RU OK มากๆ เขาบอกว่า คุณไม่ต้องกังวลกับการนอนนักหรอก มันคือธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าคุณจะนอนไม่หลับยังไง สุดท้ายยังไงคุณก็ต้องได้นอนอยู่ดี มันคือกฏธรรมชาติ ที่ต้องเกิดขึ้นอยู่
ปล อีกอย่างหนึ่งที่ลืมบอก คือผมกำลังมีไปพบจิตแพทย์ และหาหมอเรื่องนี้ด้วย ผมคิดว่าทุกคนที่เกิดอาการนอนไม่หลับ ก็ควรไปหาหมอนะ ไม่ควรพยายามหาทางออกอยู่คนเดียว จนมันเรื้อรัง