จากสถิติหลังเกมนี้ครับ
เวสต์แฮมสู้ได้ดีทีเดียวหลังแน่นสวนเร็ว สร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของลิเวอร์พูลได้ดีทีเดียว
จากสถิติลิเวอร์พูลยิงไป 22 ครั้งตรงกรอบแค่ 5 ได้ 1 ประตู
ส่วนเวสต์แฮมยิงน้อยกว่าเกือบครึ่ง ยิงไป 13 ครั้ง ตรงกรอบ 5 ได้ 0 ประตู
นัดนี้ขาดกลางตัวสำคัญ ดีแคลน ไรซ์ ไป เลยดูเหมือนว่ากลางจะต้านลิเวอร์พูลไม่ได้ บอลถึงหลังตลอดทำให้ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสทำประตูได้ถึง 22 ครั้ง
ส่วนแมทช์แรกที่เจอกันในฤดูกาลนี้ที่บ้านเวสต์แฮมลิเวอร์พูลแพ้ไป 2 ประตู ต่อ 3
ลิเวอร์พูลยิงไป 16 ครั้งตรงกรอบ 5 ได้ 2 ประตู
เวสต์แฮมยิงไป 7 ครั้ง ตรงกรอบ 3 ได้ 3 ประตู
นัดนี้ลิเวอร์พูลแก้ไขและป้องกันลูกเตะมุมได้ดีขึ้น อลิสออกมาตัดบอลมากขึ้นแต่ขัดใจที่กองหลังก็ยังไม่มาป้องกันการรบกวนของกองหน้าเวสต์แฮมที่รบกวนอลิสเหมือนเดิมและสิ่งที่แก้ไขจากแมทช์แรกที่แพ้คือเปลี่ยนคู่หูฟานไดค์จากมาติปมาเป็นโคนาเต้แทน
และที่ทำให้เล่นง่ายขึ้นกว่าแมชท์แรกคือ
1.นัดแรกเสียประตูเร็ว(นาทีที่ 4 จากลูกเตะมุม)
2. นัดนี้เวสต์แฮมขาด ดีแคลน ไรซ์
3.จาร์ร็อด โบเวนเจ็บ ถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง(นาทีที่ 53)
เทียบสถิติลิเวอร์พูล-เวสต์แฮม ตอนแพ้ 2-3 กับ ชนะ 1-0
เวสต์แฮมสู้ได้ดีทีเดียวหลังแน่นสวนเร็ว สร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของลิเวอร์พูลได้ดีทีเดียว
จากสถิติลิเวอร์พูลยิงไป 22 ครั้งตรงกรอบแค่ 5 ได้ 1 ประตู
ส่วนเวสต์แฮมยิงน้อยกว่าเกือบครึ่ง ยิงไป 13 ครั้ง ตรงกรอบ 5 ได้ 0 ประตู
นัดนี้ขาดกลางตัวสำคัญ ดีแคลน ไรซ์ ไป เลยดูเหมือนว่ากลางจะต้านลิเวอร์พูลไม่ได้ บอลถึงหลังตลอดทำให้ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสทำประตูได้ถึง 22 ครั้ง
ส่วนแมทช์แรกที่เจอกันในฤดูกาลนี้ที่บ้านเวสต์แฮมลิเวอร์พูลแพ้ไป 2 ประตู ต่อ 3
ลิเวอร์พูลยิงไป 16 ครั้งตรงกรอบ 5 ได้ 2 ประตู
เวสต์แฮมยิงไป 7 ครั้ง ตรงกรอบ 3 ได้ 3 ประตู
นัดนี้ลิเวอร์พูลแก้ไขและป้องกันลูกเตะมุมได้ดีขึ้น อลิสออกมาตัดบอลมากขึ้นแต่ขัดใจที่กองหลังก็ยังไม่มาป้องกันการรบกวนของกองหน้าเวสต์แฮมที่รบกวนอลิสเหมือนเดิมและสิ่งที่แก้ไขจากแมทช์แรกที่แพ้คือเปลี่ยนคู่หูฟานไดค์จากมาติปมาเป็นโคนาเต้แทน
และที่ทำให้เล่นง่ายขึ้นกว่าแมชท์แรกคือ
1.นัดแรกเสียประตูเร็ว(นาทีที่ 4 จากลูกเตะมุม)
2. นัดนี้เวสต์แฮมขาด ดีแคลน ไรซ์
3.จาร์ร็อด โบเวนเจ็บ ถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง(นาทีที่ 53)