ระหว่างงานราชการ(ครู) กับพนักงานธนาคารของรัฐ


สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเราต้องขอเล่าที่มาของสิ่งที่เราอยากปรึกษาทุกคนในวันนี้นะคะ เราลังเลกับการลาออกจากงานราชการ(ครู) คือ เราเป็นครูผู้ช่วย ใน รร.ขนาดเล็ก(เล็กจริงๆ) แห่งหนึ่ง ที่มีครูประจำการ 2 คน(รวมเราด้วย)  และผอ. 1 คน ตอนนี้ทำงานมา 1 ปี 3 เดือนแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะได้เป็นครูเต็มตัว เย้ๆแอบดีใจในความอดทนของตัวเอง😂
"ปัญหาของครูในโรงเรียนขนาดเล็ก ที่น่าจะได้เจอทุกคน คือ ครูไม่ครบชั้น และภาระงานที่นอกเหนือจากงานสอนที่กองเท่าภูเขา"
ต้องขออธิบายก่อนว่า  รร.ของเราครูต้องสอนนักเรียน 3 ห้อง 😅  ซึ่งเรารับผิดชอบ ป.4-ป.6 และแน่นอนต้องสอนทุกวิชาด้วย แม้ว่าวิชาเอกเราคือ ภาษาไทย ยอมรับเลยว่า..เราทำได้ เราพยายามมากที่จะเตรียมสอน 3 ห้อง สอนแบบnon-stop สอนแบบเดินกลับไปกลับมา  เวลาจะนั่งหรือลุกเข้าห้องน้ำก็ไม่กล้าไป ซึ่งบางครั้ง ถ้าครูท่านอื่นติดธุระ เราต้องดูแลห้องอื่นให้ด้วย หรือเวลาผอ.ให้เราไปส่งงาน ไปเบิกเงินอาหารกลางวันที่ธนาคาร และอื่นๆ เราก็ต้องทิ้งนักเรียนไปแล้วรีบไป-รีบกลับมารับผิดชอบนักเรียนของตัวเองให้ไวที่สุด ..เราทำได้นะ แต่มันเหนื่อยและท้อมาก
ที่พูดมายังไม่ใช่ปัจจัยหลักนะคะ จริงๆ สิ่งที่ทำให้เราลังเลที่จะออกจากสายอาชีพนี้ เพราะงานอื่นที่ได้รับมอบหมาย ทั้งเจ้าหน้าที่พัสดุ งานอาหารกลางวันและนมโรงเรียน งานอนามัยโรงเรียน งานวิชาการ งานธุรการ(ในบางครั้ง) ที่มันกินเวลาชีวิต เวลาที่ควรจะเตรียมงานสอน รวมไปถึงเวลานอน (โรงเรียนเรา ครูเวรต้องมา รร. 06.30 น. เพราะนักเรียนมาเช้ามาก และวันที่ไม่ใช่เวรก็มา รร. ก่อน 07.15 น.) อีกทั้ง นโยบายของผู้บริหาร คือ ทำงานเต็มเวลา นักเรียนเลิก 15.30 น. แต่ครูต้องกลับ 16.30 น. ตามเวลาราชการ  ซึ่งบางครั้งมีประชุมจน 18.00-19.00 น. ถึงจะได้กลับบ้าน .. กลับถึงบ้านก็คือเปิดคอม กินข้าวไปทำงานไป งานเสร็จ 4-5 ทุ่ม ถึงได้นอน ชีวิตวนลูปเป็นวงจรอุบาทว์มานานเป็นปีๆ จนเรารู้สึกเหนื่อยจนชินชา
นี่ยังไม่รวมกับที่ โชคดี รร.ได้ผู้บริหารไฟแรง สมัครเข้าร่วมทุกโครงการ การแข่งขันใดๆ เอาหมด!!! ซึ่งงานนั้นก็ตกมาเป็นภาระของครูอีก ที่ต้องเตรียมเอกสารไปแข่งขัน ไปประเมิน ถ้าทำดีก็เสมอตัว ถ้าทำไม่ดี ไม่ถูกใจ ก็รอรับผลกรรมไปเลย ซึ่งเราเคยโดย ผอ.ตำหนิในที่ประชุม ต่อหน้าครูทุกคน ประมาณว่า ..เราไม่พยายามมากพอ ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู ครูรุ่นใหม่มีความอดทนต่ำ  ทำเอาเราอึ้ง พูดไม่ออก และฝังใจกับคำนั้นมาตลอด และยังชอบพูดกับเราเสมอว่า เรายังไม่ผ่านการประเมินครูผู้ช่วยนะ .. แถมเราเป็นครูคืนถิ่น จะต้องอดทนให้มาก เพราะครูคืนถิ่นไม่มีสิทธิ์ย้าย รร. ก่อน 5 ปี ซึ่งเราก็ทำใจมาตลอด
บางครั้งเราเหนื่อยมาก ทัอมาก จนร้องไห้ฟูมฟายกับที่บ้าน บ่นอยากลาออก แต่ก็ไม่ทำ เพราะงานข้าราชการ(ครู) ทำให้พ่อแม่เรา แฟนเรา ภูมิใจในตัวเรามาก  
จนวันนี้..(เข้าเรื่องจริงๆแล้วนะ) ขอบคุณเพื่อนๆที่อดทนอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้😂 
มีโอกาสเข้ามาหาเรา คือ เรามีสิทธิ์ในการสอบทำงานของธนาคาร(รัฐวิสาหกิจ) แห่งหนึ่ง โดยใช้สิทธิ์ของบุตรพนักงาน ซึ่งเรามองว่าเป็นงานที่ดี มีสวัสดิการ แต่ต่างกับงานราชการที่ไม่ได้รับบำนาญหลังเกษียณ เราเลยยังตัดสินใจไม่ได้ว่าแบบไหนจะดีกว่า เพราะแม่เราที่เป็นพนักงานธนาคารก็บอกว่า งานมันก็มีเครียด งานหนักเหมือนกัน ถ้าเลือกได้เขาก็อยากเป็นครู .. เขายังสนับสนุนและอยากให้เราเป็นครูต่อไป 
เราอยากรู้ความคิดเห็นของเพื่อนๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจค่ะ 
🌟เราอยากบอกทุกคนว่า เรารักงานสอน เรารักการได้อยู่ในห้องเรียนกับเด็กๆ ได้เห็นเขาเติบโตไปกับเรา แต่ต้องยอมรับว่า ท้อ เหนื่อย และหน่ายกับระบบมากจริงๆ อยากหลุดพ้นจากเอกสาร จากการประกวดโรงเรียนดีเด่นด้านต่างๆ งานประเมิน และการไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลย 
เรารู้ว่ามีอีกหลายหมื่นหรือเป็นแสนๆคนที่อยากเข้ามาเป็นครู พยายามสอบทุกสนามอย่างไม่ย่อท้อ .. เราไม่อยากให้มองว่าการกระทำหรือสิ่งที่เราคิดจะลาออกนี้เป็นการไม่ให้เกียรติคนที่พยายามจะเข้ามานะคะ เราแค่อยากได้ความเห็นจากเพื่อนๆจริงๆ  
สุดท้ายนี้ .. ขอให้คุณครูใน รร.เล็กๆ ทุกท่านสู้ๆนะคะ รวมถึงเราด้วยก็จะสู้ หากเส้นทางนี้ยังเป็นเส้นทางที่ควรเดินต่อไป 
ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่