ปัจจุบัน ผมเหลือหมวกกันน็อคอยู่ 2 ใบ คือ
1. AGV K3 .. ซึ่ง เปลือกมีรอยแตกลายงา ฟองน้ำยุบ หมดละ อายุอานาม เกิน 5 ปีแล้ว
2. Shoei GT Air .. อันนี้เพิ่งซื้อเมื่อปีก่อน
หลังๆก็ใส่แต่ Shoei แหละ มันเงียบกว่า ดู safety กว่าครับ ทีนี้ พอมีรถมอเตอร์ไซค์อีกคัน ที่ลำพูน ทีแรกก็เอา AGV ไปไว้ แต่พอขี่ทางไกล (จากลำพูน ขึ้น ดอยอินทนนท์) มันไม่มั่นใจเอาเสียเลย กลายเป็นต้องแบก Shoei จากปราจีนไปทุกที
เลยเป็นที่มาของการหาหมวกใบใหม่ จนมาเจอ Caberg Duke II ราคา 9,200 บาท / made in Italy / เปิดยกคาง ได้ แถมได้ Sharp 5 ดาว ด้วย ... ก็สอยเลย โดยไม่เคยแม้แต่จะไปจับ (เพราะคิดว่า ตอน AGV / Shoei ก็แบบนี้นี่นา ไม่เห็นจะผิดหวัง)
ได้ของมาวันศุกร์บ่ายๆ ได้แค่จับสวมหัว แล้วก็หิ้วขึ้นรถ ขับมาลำพูนเลย
ขนาดของหมวก
- เรียงลำดับ AGV K3 > Shoei GT AIR > Caberg Duke II
ความสบายในการสวมใส่
- นวมบีบบริเวณแก้มค่อนข้างมากครับ มากกว่า AGV (ตอนใหม่ๆ) ขับยาวๆหน่อย จะปวดแก้มพอสมควร
- บริเวณปาก / คาง แทบจะติดด้านหน้าหมวก เอาว่า ถ้าอ้าปากพูด ก็โดนหมวกละครับ .. ตรงนี้ AGV จะห่างสุด รองมาก็ Shoei (ถ้าไม่ใส่แผ่นกันฝ้า จอดติดไฟแดง ฝ้าขึ้น) ส่วน Caberg น่ารำคาญ ตามด้วยฝ้า (ยังไม่ได้ใส่แผ่นกันฝ้า)
- ความนุ่มของนวม Caberg จะพอกับ AGV คือแข็งๆ แต่นุ่มสบายคือ Shoei ครับ
การเก็บเสียง
- สัก 60 รู้เรื่องครับ .. นึกว่า ใส่ Index หรือ Real อยู่ เสียงลมดังมาก ดังสุด หรือ เป็นปกติของหมวกพวกนี้นะ เอาว่า AGV แก่ๆ ยังเงียบกว่าเลย ส่วน Shoei หายห่วครับ เงียบเชียบ น่าพอใจ
ความนิ่งของหมวก
- รถผมเต็มที่ก็ 100 อาจมีไหลไป 110 ตอนลงเนิน (ไมล์ขี้โม้ไปเกือบ 10%) อันนี้ AGV ว่อกแว่กสุด / ส่วน Caberg ก็โอเคนะ ใช้ได้ / แจ่มสุดก็ตามราคา
ทัศนวิสัย
- น่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ข้อที่มันทำได้ดี มุมมองกว่า เลนส์ไม่หลอกตา ... ตอน AGV ก็ว่าใช้ได้นะดีกว่า Real เยอะ แต่พอมาเจอ Shoei มันเคลียร์กว่าเยอะ แต่มุมมองค่อนข้างแคบ ... พอมาเป็น Caberg เหมือนเอา 2 ตัวมารวมกัน คือ มุมกว้าง และ ใสเคลียร์ครับ
วัสดุ
- ไม่เจอปัญหาเรื่องแว่นกันแดดด้านในตกเองนะ แต่จับเปลือกหมวกแล้วแบบ .. เหมือนหมวกแถมตอนซื้อมอไซค์อ่ะ AGV หรือ Real ยังรู้สึกว่า มันมีคุณภาพกว่า
ไม่รู้สิ .. ส่วนตัวไม่ประทับใจหมวกใบนี้เลยแฮะ จะว่า เพราะใช้ Shoei มาก่อน ก็ไม่น่าใช่ เพราะ AGV K3 ที่ราคาถูกกว่า ก็ยังโอเคกับมันมากกว่า
....................
กล่องท้ายรถ
- เหตุผลที่ซื้อ คือ ขี้เกียจหิ้วหมวก แค่นั้นแหละ ซื้อทีแรก ก็ใบเล็กๆ Givi E33N ลดราคาเหลือพันต้นๆ ใช้ได้รอบเดียว ใบมันเล็กไปแฮะ ไม่พอแฮะ
สุดท้าย เลยได้ถอยใบใหม่ (แล้วเอา Givi ไปใส่ Shogun ที่ปราจีนแทน)
ใบใหม่ เป็น SHARD SH45 .. เค้าบอกว่า ใส่หมวกเต็มใบได้ 2 ใบนะ ซื้อพร้อมพนักพิงหลัง จ่ายไป 3,002 บาท ครับ
เทียบกับ Givi
1. กลไก การล็อคฝาปิด .. Shad ทำได้ดีกว่า ปิดกระแทกลงมาได้เลย แล้วจะล็อคกุญแจ หรือไม่ล็อค ก็สุดแท้แต่ ... แต่ถ้าเป็น Givi E33 ต้องดันให้ขอมันเกี่ยวฝาก่อน แล้วบังคับล็อคทุกครั้ง ค่อนข้างวุ่นวาย
2. ฝาพอดันเปิดสุดแล้ว Shad มันล็อคค้าง แต่ Givi งับลงมาตลอด
3. ด้านใน Shad มีสายล็อคมาให้ แต่ Givi ว่างเปล่า
ข้อ comment
1. แค่ล้างรถ น้ำจากสายยางฉีด น้ำก็เข้าทับทิมละ .. อนาถแท้

2. หมวกกันน็อค ถ้าจะใส่เต็มใบ 2 ใบ ต้องเป็นใบขนาดไม่ใหญ่ ของผม AGV / Caberg กว่าจะปิดฝาได้ แทบจะต้องข่มขืน ไม่งั้นขยับไป SH48 น่าจะสะดวกกว่า
.....................
สุดท้าย
- วันนี้ไปรับป้ายทะเบียน ที่ตัวแทนจำหน่าย แถวบ้านโฮ่ง เลยหิ้วน้ำมันเครื่อง ไปให้เค้าถ่ายด้วย .. เค้าก็แจ้งว่า warranty ขาดนะ แต่เอาเหอะ ออกรถมา 3 เดือน รถวิ่ง 300 กม. เช็คเดือนแรกก็ไม่ได้เช็ค อีกอย่าง อะไหล่มอไซค์ราคามันถูก ผมรับได้แหละ
น้ำมันเครื่อง Voltonic XM ... 900 บาท กะว่า ถ่ายปีละครั้ง (shogun ก็ใช้ตัวนี้)
กรองน้ำมันเครื่อง
ปรับจูนรอบเครื่องใหม่ (รอบที่แล้ว อัดขึ้นอินทนนท์ ถึง พระธาตุแล้ว รถเดินหอบหนักมาก)
จ่ายไป 155 บาท .. ราคาแอบแรงนะ เพราะ shogun ถ้าหิ้วน้ำมันเข้าศูนย์ ผมจ่ายแค่ค่ากรอง ค่าแรงช่างยังไม่คิดเลยครับ แต่เรื่องมาตรฐานช่าง การบริการ ผมให้ผ่านนะ ดีกว่า suzuki ที่นิคม 304 ฟ้ากับนรก
ผลงานน้ำมันเครื่องเหรอ
- เกียร์เข้าง่ายขึ้นเยอะเลย ไม่มีวืด
- กำลังวังชา ตอนขึ้นอินทนนท์ (เทียบกับตอนตรุษจีน ที่ใช้น้ำมันเครื่องจากโรงงาน) ดีกว่าเดิมเยอะ
- อาการหอบไม่เจอแล้ว เพราะมีหลายช่วง ยังต้องลาก 1 ยาวขึ้นเขา แต่กลิ่นไหม้ ยังมี แต่บางลงเยอะมาก
*** ยาง Maxxis ติดรถ ถอดทิ้งตั้งแต่ก่อนขึ้นอินทนนท์รอบก่อน ใส่ Michelin Moto GP เบอร์เดิม ก็โอเคนะ เกาะดีกว่าเดิมเยอะมาก ถ้ายางเดิม แค่โค้งกว้างมันก็บานละ
*** ยางใน ใช้ IRC แบบ Bytyl เส้นนึง 100 กว่าบาท เค้าว่า เก็บลมได้ดีกว่าเดิม ซึ่งจากที่ทดสอบ เติม 60 psi ทิ้งไว้เดือนนึง มาวัด เมื่อเช้า ลมเหลือ 54 psi ถือว่า น้อยมากครับ ปกติ เดือนนึง ของมอไซค์ มีหายเกิน 20 psi ครับ
*** ซื้อหลอดไฟ Philips LED H4 มาใส่พร้อมปรับตั้งเรียบร้อย สว่างไกลหายห่วง
*** ไหนๆรื้อเปลี่ยนหลอดไฟแล้ว ก็ เปลี่ยนน้ำมันเบรค เป็น Dixcel DOT5.1 ไปซะเลย
สรุปว่า มาลำพูน รอบนี้ วุ่นวายแต่กับแมงกะไซค์นี่แหละ 55+ ... กลับไป ปราจีน ก็วุ่นต่อ เพราะป้าย 40 เชียงใหม่ ผลรวมไม่ดี เดี๋ยวย้ายเข้า กทม จะได้ จองหมวด จองเลขได้ (จริงๆจองไว้ละ เหลือแค่ทำเรื่องโอน .. ลำพูน / เชียงใหม่ ได้แค่เลข แต่เลือกหมวดไม่ได้)
[CR] * * * รีวิวหมวกกันน็อค นอกกระแส Caberg Duke II + กล่อง Shad SH45 * * *
1. AGV K3 .. ซึ่ง เปลือกมีรอยแตกลายงา ฟองน้ำยุบ หมดละ อายุอานาม เกิน 5 ปีแล้ว
2. Shoei GT Air .. อันนี้เพิ่งซื้อเมื่อปีก่อน
หลังๆก็ใส่แต่ Shoei แหละ มันเงียบกว่า ดู safety กว่าครับ ทีนี้ พอมีรถมอเตอร์ไซค์อีกคัน ที่ลำพูน ทีแรกก็เอา AGV ไปไว้ แต่พอขี่ทางไกล (จากลำพูน ขึ้น ดอยอินทนนท์) มันไม่มั่นใจเอาเสียเลย กลายเป็นต้องแบก Shoei จากปราจีนไปทุกที
เลยเป็นที่มาของการหาหมวกใบใหม่ จนมาเจอ Caberg Duke II ราคา 9,200 บาท / made in Italy / เปิดยกคาง ได้ แถมได้ Sharp 5 ดาว ด้วย ... ก็สอยเลย โดยไม่เคยแม้แต่จะไปจับ (เพราะคิดว่า ตอน AGV / Shoei ก็แบบนี้นี่นา ไม่เห็นจะผิดหวัง)
ได้ของมาวันศุกร์บ่ายๆ ได้แค่จับสวมหัว แล้วก็หิ้วขึ้นรถ ขับมาลำพูนเลย
ขนาดของหมวก
- เรียงลำดับ AGV K3 > Shoei GT AIR > Caberg Duke II
ความสบายในการสวมใส่
- นวมบีบบริเวณแก้มค่อนข้างมากครับ มากกว่า AGV (ตอนใหม่ๆ) ขับยาวๆหน่อย จะปวดแก้มพอสมควร
- บริเวณปาก / คาง แทบจะติดด้านหน้าหมวก เอาว่า ถ้าอ้าปากพูด ก็โดนหมวกละครับ .. ตรงนี้ AGV จะห่างสุด รองมาก็ Shoei (ถ้าไม่ใส่แผ่นกันฝ้า จอดติดไฟแดง ฝ้าขึ้น) ส่วน Caberg น่ารำคาญ ตามด้วยฝ้า (ยังไม่ได้ใส่แผ่นกันฝ้า)
- ความนุ่มของนวม Caberg จะพอกับ AGV คือแข็งๆ แต่นุ่มสบายคือ Shoei ครับ
การเก็บเสียง
- สัก 60 รู้เรื่องครับ .. นึกว่า ใส่ Index หรือ Real อยู่ เสียงลมดังมาก ดังสุด หรือ เป็นปกติของหมวกพวกนี้นะ เอาว่า AGV แก่ๆ ยังเงียบกว่าเลย ส่วน Shoei หายห่วครับ เงียบเชียบ น่าพอใจ
ความนิ่งของหมวก
- รถผมเต็มที่ก็ 100 อาจมีไหลไป 110 ตอนลงเนิน (ไมล์ขี้โม้ไปเกือบ 10%) อันนี้ AGV ว่อกแว่กสุด / ส่วน Caberg ก็โอเคนะ ใช้ได้ / แจ่มสุดก็ตามราคา
ทัศนวิสัย
- น่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ข้อที่มันทำได้ดี มุมมองกว่า เลนส์ไม่หลอกตา ... ตอน AGV ก็ว่าใช้ได้นะดีกว่า Real เยอะ แต่พอมาเจอ Shoei มันเคลียร์กว่าเยอะ แต่มุมมองค่อนข้างแคบ ... พอมาเป็น Caberg เหมือนเอา 2 ตัวมารวมกัน คือ มุมกว้าง และ ใสเคลียร์ครับ
วัสดุ
- ไม่เจอปัญหาเรื่องแว่นกันแดดด้านในตกเองนะ แต่จับเปลือกหมวกแล้วแบบ .. เหมือนหมวกแถมตอนซื้อมอไซค์อ่ะ AGV หรือ Real ยังรู้สึกว่า มันมีคุณภาพกว่า
ไม่รู้สิ .. ส่วนตัวไม่ประทับใจหมวกใบนี้เลยแฮะ จะว่า เพราะใช้ Shoei มาก่อน ก็ไม่น่าใช่ เพราะ AGV K3 ที่ราคาถูกกว่า ก็ยังโอเคกับมันมากกว่า
....................
กล่องท้ายรถ
- เหตุผลที่ซื้อ คือ ขี้เกียจหิ้วหมวก แค่นั้นแหละ ซื้อทีแรก ก็ใบเล็กๆ Givi E33N ลดราคาเหลือพันต้นๆ ใช้ได้รอบเดียว ใบมันเล็กไปแฮะ ไม่พอแฮะ
สุดท้าย เลยได้ถอยใบใหม่ (แล้วเอา Givi ไปใส่ Shogun ที่ปราจีนแทน)
ใบใหม่ เป็น SHARD SH45 .. เค้าบอกว่า ใส่หมวกเต็มใบได้ 2 ใบนะ ซื้อพร้อมพนักพิงหลัง จ่ายไป 3,002 บาท ครับ
เทียบกับ Givi
1. กลไก การล็อคฝาปิด .. Shad ทำได้ดีกว่า ปิดกระแทกลงมาได้เลย แล้วจะล็อคกุญแจ หรือไม่ล็อค ก็สุดแท้แต่ ... แต่ถ้าเป็น Givi E33 ต้องดันให้ขอมันเกี่ยวฝาก่อน แล้วบังคับล็อคทุกครั้ง ค่อนข้างวุ่นวาย
2. ฝาพอดันเปิดสุดแล้ว Shad มันล็อคค้าง แต่ Givi งับลงมาตลอด
3. ด้านใน Shad มีสายล็อคมาให้ แต่ Givi ว่างเปล่า
ข้อ comment
1. แค่ล้างรถ น้ำจากสายยางฉีด น้ำก็เข้าทับทิมละ .. อนาถแท้
2. หมวกกันน็อค ถ้าจะใส่เต็มใบ 2 ใบ ต้องเป็นใบขนาดไม่ใหญ่ ของผม AGV / Caberg กว่าจะปิดฝาได้ แทบจะต้องข่มขืน ไม่งั้นขยับไป SH48 น่าจะสะดวกกว่า
.....................
สุดท้าย
- วันนี้ไปรับป้ายทะเบียน ที่ตัวแทนจำหน่าย แถวบ้านโฮ่ง เลยหิ้วน้ำมันเครื่อง ไปให้เค้าถ่ายด้วย .. เค้าก็แจ้งว่า warranty ขาดนะ แต่เอาเหอะ ออกรถมา 3 เดือน รถวิ่ง 300 กม. เช็คเดือนแรกก็ไม่ได้เช็ค อีกอย่าง อะไหล่มอไซค์ราคามันถูก ผมรับได้แหละ
น้ำมันเครื่อง Voltonic XM ... 900 บาท กะว่า ถ่ายปีละครั้ง (shogun ก็ใช้ตัวนี้)
กรองน้ำมันเครื่อง
ปรับจูนรอบเครื่องใหม่ (รอบที่แล้ว อัดขึ้นอินทนนท์ ถึง พระธาตุแล้ว รถเดินหอบหนักมาก)
จ่ายไป 155 บาท .. ราคาแอบแรงนะ เพราะ shogun ถ้าหิ้วน้ำมันเข้าศูนย์ ผมจ่ายแค่ค่ากรอง ค่าแรงช่างยังไม่คิดเลยครับ แต่เรื่องมาตรฐานช่าง การบริการ ผมให้ผ่านนะ ดีกว่า suzuki ที่นิคม 304 ฟ้ากับนรก
ผลงานน้ำมันเครื่องเหรอ
- เกียร์เข้าง่ายขึ้นเยอะเลย ไม่มีวืด
- กำลังวังชา ตอนขึ้นอินทนนท์ (เทียบกับตอนตรุษจีน ที่ใช้น้ำมันเครื่องจากโรงงาน) ดีกว่าเดิมเยอะ
- อาการหอบไม่เจอแล้ว เพราะมีหลายช่วง ยังต้องลาก 1 ยาวขึ้นเขา แต่กลิ่นไหม้ ยังมี แต่บางลงเยอะมาก
*** ยาง Maxxis ติดรถ ถอดทิ้งตั้งแต่ก่อนขึ้นอินทนนท์รอบก่อน ใส่ Michelin Moto GP เบอร์เดิม ก็โอเคนะ เกาะดีกว่าเดิมเยอะมาก ถ้ายางเดิม แค่โค้งกว้างมันก็บานละ
*** ยางใน ใช้ IRC แบบ Bytyl เส้นนึง 100 กว่าบาท เค้าว่า เก็บลมได้ดีกว่าเดิม ซึ่งจากที่ทดสอบ เติม 60 psi ทิ้งไว้เดือนนึง มาวัด เมื่อเช้า ลมเหลือ 54 psi ถือว่า น้อยมากครับ ปกติ เดือนนึง ของมอไซค์ มีหายเกิน 20 psi ครับ
*** ซื้อหลอดไฟ Philips LED H4 มาใส่พร้อมปรับตั้งเรียบร้อย สว่างไกลหายห่วง
*** ไหนๆรื้อเปลี่ยนหลอดไฟแล้ว ก็ เปลี่ยนน้ำมันเบรค เป็น Dixcel DOT5.1 ไปซะเลย
สรุปว่า มาลำพูน รอบนี้ วุ่นวายแต่กับแมงกะไซค์นี่แหละ 55+ ... กลับไป ปราจีน ก็วุ่นต่อ เพราะป้าย 40 เชียงใหม่ ผลรวมไม่ดี เดี๋ยวย้ายเข้า กทม จะได้ จองหมวด จองเลขได้ (จริงๆจองไว้ละ เหลือแค่ทำเรื่องโอน .. ลำพูน / เชียงใหม่ ได้แค่เลข แต่เลือกหมวดไม่ได้)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้