หยุดไฟสงคราม! ชาวยูเครนในไทยเรียกร้องสันติภาพ จี้รัสเซียยุติรุกรานบ้านเกิด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6924569
 
 
ชาวยูเครนนับร้อยในประเทศไทย จี้หยุดไฟสงครามในประเทศบ้านเกิด เรียกร้องให้รัสเซียยุติสงครามในประเทศยูเครนจนกว่าจะเกิดสันติภาพ
   
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 5 มี.ค. 2565 ที่สวนลุมพินี ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. ประชาชนชาวยูเครนที่พักอาศัยภายในประเทศไทย นำโดยนายโรมัน ลัก พร้อมมวลชนประมาณ 100 คน ร่วมจัดกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์เรียกร้องให้รัสเซียยุติสงครามในประเทศยูเครนจนกว่าจะเกิดสันติภาพ โดยมีตำรวจสน.ลุมพินี เฝ้าดูแลความสงบเรียบร้อยพื้นที่บริเวณโดยรอบ

สำหรับบรรยากาศกลุ่มมวลชนมีการชูป้ายข้อความต่างๆ โดยสื่อความหมายให้ประเทศรัสเซียยุติสงครามในประเทศยูเครน รวมถึงไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ก่อนตัวแทนประกาศนำด้วยคำพูดต่างๆ อาทิ Stop war , Stop putin , Save Ukraine และ Cloese The Sky over Ukraine โดยใช้เวลาจัดกิจกรรม 30 นาทีแล้วประกาศยุติการชุมนุมแยกย้ายกันกลับ
 
แทนฤทัย แท่นรัตน์ ผู้ประสานงานของกลุ่ม กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นตัวแทนคนไทยเพื่อมาช่วยเพื่อนชาวยูเครนจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยชาวยูเครนในไทยมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมด้วยความสงบและสันติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสื่อสารเรื่องราวของชาวยูเครนให้ออกไปสู่สายตาชาวโลกให้ได้มากที่สุดเนื่องจากเป็นประเด็นที่ใหญ่ สำหรับชาวยูเครนที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้หลักๆเป็นผู้อาศัยอยู่ในประเทศไทย
 
แทนฤทัย กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ที่มีการเดินขบวน แต่ในครั้งนี้เป็นการปักหลักโดยเพิ่มแอคชั่นเข้าไป ส่วนสาเหตุที่กิจกรรมครั้งนี้ใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากไม่อยากให้ได้รับผลกระทบทางกฎหมาย โดยการหลีกเลี่ยง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ
 
“อยากฝากถึงรัสเซียว่า หากสามารถเกิดสันติบนโลกได้ ก็ควรจะทำ เพราะตอนนี้รัสเซียพยายามทำการฆ่าฟันคนที่มองว่าเป็นดั่งพี่-น้องร่วมสายเลือด หากมองว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆก็ไม่ควรทำเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่-น้อง เพื่อนบ้าน หรือสหายร่วมโลก ก็ไม่ควรเกิดสงคราม” แทนฤทัย ระบุ
 

---

ราคาทองคำพุ่งต่อเนื่อง เหตุรัสเซีย-ยูเครน ตึงเครียด
https://www.sanook.com/money/861968/
 
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกมีโอกาสปรับราคาสูงขึ้นได้อีกขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความร้อนแรงของสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเวลานี้เป็นปัจจัยเดียวที่ส่งผลกับราคาทองคำในตลาดโลก เนื่องจากช่วงสงครามทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีผู้เข้าซื้อทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกับราคาทองคำในประเทศไทยมีราคาทะลุเกินบาทละ 30,000 บาทไปแล้ว ประกอบกับค่าเงินบาทอยู่ในช่วงอ่อนค่าทำให้ราคาทองคำยิ่งสูงขึ้น
 
แต่สำหรับบรรยากาศการซื้อ-ขายทองคำในประเทศนั้น ไม่ได้คึกคักมากนักแม้ราคาในประเทศจะปรับตัวสูงขึ้นแต่ ส่วนใหญ่ได้มีการทยอยขายไปแล้วตั้งแต่ในช่วงเริ่มเกิดสถานการณ์รัสเซียกับยูเครน เพราะราคาทองคำได้ทยอยปรับขึ้นตั้งช่วงนั้นจึงมีการทยอยเทขายและยังไม่ได้ซื้อคืน เวลานี้ทองคำในมือจึงเหลือน้อยส่งผลทำให้บรรยากาศการซื้อขายไม่คึกคัก
 
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกนั้นยอมรับว่าไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าขึ้นอยู่กับปัจจัยสงครามเพียงอย่างเดียวหากการเจรจาได้ผลราคาทองจะปรับลงทันทีถึงแม้ว่าจะไม่ได้ปรับลงมาก อย่างรวดเร็ว แต่หากสงครามรุนแรงขึ้นราคาทองก็จะปรับสูงขึ้นอีก จึงต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต้องใช้ความระมัดระวังในการคำนวณราคาซื้อขายในประเทศเพราะมีความเสี่ยงสูง
 

---

 
สาธิต ถก กม.ลูกคู่ขนาน ลั่นรอบคอบทันยุคสมัย ยอมรับกังวลถูกกล่าวหารับลูกผู้มีอำนาจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3217061

“สาธิต” เผยพิจารณา กม.ลูก ส.ส.-พรรคการเมืองแบบคู่ขนาน ลั่นทำอย่างรอบคอบทันยุคสมัย ยอมรับกังวลถูกกล่าวหารับลูกผู้มีอำนาจ ชี้อยู่ที่เสียงส่วนใหญ่ใน กมธ. เตรียมเสนอขอตั้งที่ปรึกษา 3 คน รวมพิจารณาด้วย
 
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.นายสาธิต ปิตุตะชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้ายการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมว่าด้าวยพรรคการเมือง กล่าวถึงการประชุม กมธ. วันที่ 9 มี.ค.ว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีกการแปรญัตติเรื่องอะไรมาบ้าง แต่น่าจะมีหลายประเด็นในการที่จะมีการแปรญัตติเข้ามา เช่น กฎหมายเลือกตั้ง เรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบ ว่าจะเป็นบัตรใบเดียว หรือบัตรสองใบ เรื่องการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพึงมี ส่วนกฎหมายพรรคการเมือง มีเรื่องการทำไพรมารีโหวต การแบ่งเขตเลือกตั้งตามร่างกฎหมายที่มีการตราขึ้นมา
 
นายสาธิตกล่าวต่อว่า การพิจารณาของ กมธ.จะพิจารณาคู่ขนาด โดยการประชุมวันพุธจะพิจารณากฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ส่วนวันพฤหัสฯจะพิจารณากฎหมายพรรคการเมือง ที่จริงแล้วกฎหมายเลือกตั้งมีน้อยมาตรา แต่อาจจะมีประเด็นความเห็นที่แตกต่างกันก็อาจจะใช้เวลาในการพิจารณา ส่วนกฎหมายพรรคการเมือง มีจำนนวนมาตราเยอะ แต่ความเห็ของพรรคการเมืองค่อนข้างตรงกัน ดังนั้นการทำงานของ กมธ.ก็จะพยายามทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด และรอบคอบที่สุด รวมทั้งพิจารณาให้เหมาะสมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป มีความชัดเจน เช่น เวลาที่ประชาชนไปเลือกตั้ง ก็ต้องเข้าใจว่าเลือกตั้งแล้วมีการคำนวณอย่างไร
 
เมื่อถามว่า มีความกังวล หรือไม่อาจถูกกล่าวหาว่าทำงานให้ผู้มีอำนาจได้ นายสาธิตกล่าวว่า มีความกังวลอยู่ แต่ตัว กมธ.ก็ต้องออกมาและใช้โอกาสนี้ชี้แจงกับประชาชน ถึงกลไกลการทำงาน ซึ่งตนพร้อมรับฟังเสียงส่วนใหญ่ ฟังทุกฝ่าย และให้โอกาสเต็มที่ ส่วนใครจะวิจารณ์อย่างไรก็เป็นสิทธิ แต่สุดท้ายอยู่ที่เสียงส่วนใหญ่ ซึ่งมีทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว.
 
นายสาธิตกล่าวต่อว่า ในการประชุมอบ กมธ. วันที่ 9 มี.ค.นี้ ตนจะเสนอที่ประชุมขอให้ตั้งที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญ จำนวน 3 คน สำหรับการพิจารณากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ทั้งนี้ อยู่ที่ที่ประชุม กมธ.จะเห็นชอบหรือไม่ ส่วนจะเป็นใครนั้นคงต้องรอที่ประชุมก่อน