ตุ๊กตาตัวนั้น...เมื่อตอนที่ผมบวช

สวัสดีครับครับเพื่อนๆชาวพันทิป จริงๆแล้วต้องขอบอกก่อนเลยว่า ผมสิงอยู่ในพันทิปมานานมากๆๆๆๆน่าจะ 7- 8 ปี ผมเคยยืนยันตัวตน 4-5 ครั้งแต่ไม่ผ่านซักที และเนื่องด้วยจากที่ผมเบื่อๆเวลาทำงาน จึงเข้ามาอ่านกระทุพันทิปเกี่ยวกับเรื่องผี ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าจริงๆแล้วตัวผมเองก็เคยพบเจอและผ่านเรื่องราวมาบ้างเหมือนกันก็เลยลองยืนยันตัวตนอีกที ครั้งนี้ผ่านแล้วครับบ ในวันนี้ก็อยากจะมาเล่าเรื่องราวที่ผมเคยได้เจอเมื่อตอนที่ผมบวชให้ฟัง อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ฟังแล้วดูน่ากลัวหรือตื้นเต้นสักเท่าไหร่ ภาษาเขียนผมอาจจะไม่สละสลวยหรือถูกต้อง ยังไงก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ผมไม่ได้บวชเพราะที่บ้านขอนะครับไม่ได้บวชตามประเพณี ช่วงนั้นผมพบเจอมรสุมชีวิตด้วยแหละครับ ผมจึงดรอปเรียนไปบวช ผมบวชที่วัดแห่งหนึ่งในซอยวัดพันท้ายนรสิงห์นะครับ จะไม่ขอบอกว่าวัดไหนแต่น่าจะมีไม่กี่วัด ที่เลือกบวชที่นี่เพราะอยู่ใกล้ๆบ้านครับ

ตอนนั้นผมบวชมาได้ประมาณ 2 อาทิตย์แล้วครับ วันนั้นผมมีนัดเข้าไปคุยกับหลวงตาซึ่งเป็นเจ้าอาวาฬ ไปปรึกษาเกี่ยวกับฤกษ์สึกเพราะว่ามีกำหนดการที่จะกลับไปเรียนต่อ รวมๆแล้วผมบวชได้ 1 เดือนนะครับ หลังจากที่คุยกับหลวงตาเสร็ด ผมห่มจีวรเต็มยศพระไปหาหลวงตาเลย เพราะว่าค่อนทางจะเป็นทางการแล้วก็ต้องสุภาพครับ หลังจากที่ผมได้ฤกษ์สึกแล้วผมก็กลับมาที่กุฏิ ต้องขอบอกอย่างนี้นะครับ กุฏิของวัดนี้มีอยู่ 3 กุฏิ ด้านล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ มีชั้นละ 3 ห้อง ผมอยู่กุฏิที่ 2 

เมื่อผมกลับไปถึงกุฏิ พระวัยรุ่น 2 รูป ได้ชวนผมไปสำรวจวัด....เขาบอกว่าอย่างนี้จริงๆนะครับ "ไปสำรวจวัดกันไหมหลวงพี่" ด้วยความที่ผมไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนั้นก็เย็นแล้ว ผมตัดสินใจไปครับ เพราะผมเรื่อยๆยังไงก็ได้ ไม่ได้มีอะไรให้ทำอยู่แล้วครับ จริงไหมมม 

กุฎิของเราอยู่ติดกับศาลาสวดศพนะครับ แค่มีกำแพงกั้น และมีประตูเหล็กเท่านั้น...ก่อนอื่นเลย พวกเราเดินไปที่เมรุครับ พระวัยรุ่น 2 รูปนั้นก็หยิบจับอะไรไปทั่ว ชวนให้ผมทำแผลงๆบ้าๆบอๆแต่ผมไม่ทำนะครับ แค่มาด้วยเฉยๆ หลังจากสำรวจเมรุเสร็ดแล้ว พวกเราไปต่อกันที่ที่เก็บศพครับ ใช่ครับที่เก็บศพจริงๆ อันนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับ เนื่องด้วยจากที่วัดเป็นวัดมอญ คนตายที่อายุยังไม่ถึง 15 18 หรือ 20 ผมไม่แน่ใจ เขาจะยังไม่ทำพิธีทางศาสนา จะยังไม่เผาครับ เขาจะเก็บไว้จนถึงอายุเท่าที่กำหนดก่อนนำออกมาทำพิธีตามศาสนา พระ2รูปนั้นชวนให้ผมส่องเข้าไปดูจากช่องลมของกำแพง และอีกครั้ง...ผมไม่ทำครับ ผมบอกว่าอยากเห็นก็ส่องเองดิ...

นั่นจากนั้นก็มานั่งเล่นที่ม้าหินอ่อนก่อนที่จะกลับกุฎิครับ เรากลับมาทางฝั่งของเมรุจึงต้องผ่านประตูเหล็กก่อนที่จะเข้าไปทางกุฎิครับ... ดันเป็นผมที่เป็นคนสุดท้ายก่อนจะเข้า ผมจึงต้องปิดประตู จังหว่ะที่ผมกำลังจะปิดประตูเหล็กบานนั้น ฟู่วววววววว~ ~  ลมตีหน้าผมครับ ณ ตอนนั้นผมมีความรู้สึกถึงความชอบมาพากล ผมรู้สึกว่ามันไม่ปกตินะครับ จังหว่ะมันได้เลย จะว่าผมคิดไปเองก็ได้ ผมถึงพูดลอยๆไปว่า....ถ้าจะตาม ตามพระ2รูปนั้นนะ พวกเขาหน่ะอยากไปดู ผมแค่ไปด้วยเฉยๆผมไม่รู้เรื่อง ผมพูดแบบนั้นจริงๆนะครับ พูดลอยๆ เอาตัวรอดไว้ก่อนครับตามความรู้สึกของตัวเอง 55555555

กลับมาถึงกุฎิ ทุกคนก็แยกย้ายกันครับ ผมอยู่กุฎิที่ 2 พระ 2 รูปนั้นอยู่ กุฎิที่ 1 ที่กุฎิผมผมพักอยู่ชั้น 2 ครับ มี 3 ห้อง ผมพักที่ห้องตรงกลาง ด้านล่างจะมีพระผู้ใหญ่จำวัดอยู่ 2 รูปครับ พอมาถึงกุฏิก็เย็นแล้ว ผมก็เตรียมตัวที่จะสวดมนต์ทำวัดเย็นก่อนนอน เริ่มด้วยการเดินจงกลมครับ ก็เดินอยู่ชั้น 2 หน้าห้อง... ก่อนที่ผมจะกลับเข้ามาในห้องเพื่อที่จะสวดมนต์นั่งสมาธิก่อน ในห้องผมมีพระประธานตั้งเป็นหิ้งพระ ผมจัดไว้เพื่อที่จะสวดมนต์ก่อนจำวัด หลังจากที่ผมปิดประตู หันหน้าเข้าหาพระประธานแล้วจะเริ่มสวดมนต์นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมา... ก๊อก ก๊อก ก๊อก ที่ประตู ผมรับรู้ถึงสิ่งที่ผิดปกติ เนื่องด้วยกุฏิชั้น 2 ที่เป็นไม้ ไม่ว่าทางขึ้นบันไดหรือพื้นก็เป็นไม้ การที่จะมีคนเดินมาเคาะประตูนั้นมันต้องได้ยินเสียงไม้ลั่นอย่างแน่นอนโดยที่จะหลีกเลี่ยงได้ยาก ผมเป็นคนเท้าเบาชอบเดินลงปลายเท้าก็ยังไม่วายที่ไม้จะลั่นให้รำคาญหูอยู่ทุกครั้งไป...

หลังจากที่ผมได้ยินเสียงเคาะประตู เสียงเย็นๆนั้นผมได้พิจารณาดูแล้วว่ามันไม่น่าจะใช่คน ความรู้สึกของผมบอกกับตัวผมเองว่าอย่าเปิดประตู ถ้าเปิดแล้วมันจะเข้ามา ใช่ครับผมไม่เปิดประตู ถึงแม้ผมจะหันไปมองมันด้วยความสงสัยอยู่ชั่วครู่ ผมตัดสินใจที่จะไม่เปิดผมจึงจะกลับมาสวดมนต์ต่อ ผมบอกกับตัวเองว่าวันนี้ผมจะไม่ออกไปข้างนอกอีก ถ้าออกไปแล้วมันจะเข้ามาอยู่ในห้องจะปลอดภัยที่สุด แต่...ไม่เลย

ในจังหว่ะที่ผมกำลังจะหันกลับมาเพื่อที่จะสวดมนต์ต่อ มีสิ่งแปลกปลอมเล็ดลอดเข้ามาในสายตาผม มีตุ๊กตาตัวนึงตั้งอยู่บนที่นอนของผม ตุ๊กตาตัวนั้นผมไม่คุ้นเคยมาก่อนว่าเป็นตุ๊กตาอะไร ผมไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไร หลังจากที่ผมหาข้อมูลมาเขาเรียกว่าตุ๊กตาชะนีนะครับ เป็นตามรูปด้านล่างนี้

แต่ผิดกันตรงที่ว่า ตุ๊กตาตัวที่ถูกวางอยู่บนที่นอนผม มันสีออกส้มกว่างนี้และดูเก่ากว่าในรูปส่วนหน้าของมันเป็นกระดาษสีขาวแล้วก็ถูกวาดอย่างชุ่ยๆ ดูน่ากลัว หลังจากที่ผมเห็นตุ๊กตาตัวนั้นที่วางอยู่บนเตียง ขนผมลุกขึ้นมาถึงหัว...ทั้งๆที่หัวโล้น ผมรู้สึกอึดอัดใจมากจริงๆ ผมไม่สามารถตอบคำถามตัวเองได้ว่า ตุ๊กตาตัวนี้เข้ามาอยู่ที่ตรงนี้ได้ยังไง มันไม่มีเหตุผลที่มันจะเข้ามาได้ เพราะก่อนหน้านี้ที่ผมเข้ามามันก็ไม่มี มันพึ่งจะปรากฎตัวหลังจากเสียงเคาะเย็นๆนั้น 3 ครั้ง

ผมบอกกับตัวเองว่า...ไม่ได้แล้ว มันเข้ามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรที่เคาะอยู่ข้างนอกเมื่อตะกี้ ตอนนี้มันเข้ามาแล้ว คืนนี้ผมนอนไม่ได้แน่ๆ มันเข้ามาแล้ว ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้นจริงๆครับและผมคงทนอยู่กับสิ่งสิ่งนี้ในห้องไม่ได้ ผมจึงเลือกที่จะเปิดประตูแล้วนำมันไปไว้ข้างนอกหรือที่ใดซักที่ที่ไม่ใช่ในห้องของผม

ผมถือตุ๊กตาเดินลงบันไดลงไปข้างล่างครับ พระผู้ใหญ่ 2 รูปนั่งคุยกันอยู่ เขาเห็นผมถือตุ๊กตาตัวนี้เขาก็ถามว่าเอามาจากไหน ผมบอกว่าผมไม่รู้ อยู่ดีๆมันก็เข้ามาอยู่ในห้อง ผมไม่ได้เล่าอะไรมากมายไปกว่านี้ สีหน้าแววตาผมคงจะบ่งบอกถึงความไม่สะบายใจอย่างเห็นได้ชัด หนึ่งในพระ 2 รูปนั้นบอกให้ผมเอาไปทิ้งแล้วไม่ต้องไปสนใจ...

ผมถือตุ๊กตาไปทิ้งครับ กำลังจะเดินผ่านกุฏิที่ 1 มีพระวัยรุ่นนั่งเล่นโทรสัพท์อยู่เขาก็ตะโกนถามมาว่า "หลวงพี่จะไปไหน" ผมหันไปมองแล้วไม่ได้ตอบอะไร รีบตรงไปทิ้งตุ๊กตาลงในถังขยะที่ใกล้ที่สุด แล้วก็เดินกลับมาที่กุฏิผมครับ... มานั่งกับพระ 2 รูป แล้วพวกเขาก็ถามผมว่าไปได้มาจากที่ไหน ผมบอกว่าผมไม่รู้ อยู่ดีๆก็มาอยู่ในห้อง พระเขาเลยก็เล่าว่าก่อนหน้าที่ผมจะบวช เคยมีพระรูปนึงมาบวชเพราะเพื่อนเสีย เขาเป็นช่างซ่อมลิฟครับ เหมือนเพื่อนเขาตกลิฟตายเขามาบวชให้เพื่อน ก็เจอตุ๊กตาแบบผมเหมือนกัน เห็นเขาเดินเอาออกไปทิ้งทั้งคืนแล้วก็โวยวาย จนโยนลงน้ำ ผมได้ฟังเรื่องราวเท่านี้ยังไม่ทันจบ พระวัยรุ่นรูปนั้นที่ผมเดินผ่านไปเมื่อสักครู่ เดินโวยวายมาแต่ไกลพร้อมกับถือตุ๊กตาตัวนั้นและบอกว่า "หลวงพี่เอามันมาแขวนไว้หน้าห้องน้ำผมทำไม ผมจะอ่าบน้ำ" ผมงุนงงและตอบกลับไปว่าไม่ได้เอาไปแขวนไว้ พระรูปนั้นก็ยังคงยืนกรานว่าเป็นของผม เห็นผมถือเดินไปเดินมาเขาว่าอย่างนี้นะครับ เถียงกันอยู่พักใหญ่จนผมได้เตือนสติเขาแล้วบอกไปว่า "ใช่ จะว่าผมถืออยู่มันไม่ผิดหรอก แต่ตอนที่ผมถือไปผมเดินผ่านคุณไปแล้ว ตอนที่กลับมาคุณเห็นผมถือกลับมาด้วยหรือเปล่า? ถ้าไม่ได้ถือกลับมาแล้วมันจะแปลว่าผมเอาไปไว้หน้าห้องน้ำของคุณได้อย่างไร?" พระรูปนั้นหยุดเถียง พร้อมกับยื่นตุ๊กตาตัวนั้นกลับมาให้ผม "ผมไม่รู้ละ ยังไงก็ของงหลวงพี่ หลวงพี่เอามันคืนกลับไปเลย" ผมรับมันกลับมาพร้อมด้วยความไม่สบายใจ

ตอนนั้นมืดแล้วครับ ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆที่มันกลับมาอยู่ที่ผมอีกแล้ว ผมมีความรู้สึกว่าจะต้องกำจัดมันออกไปให้ได้ ผมไม่รู้ว่าผมถูกแกล้งหรือเปล่าแต่ทำไปแล้วพวกเขาจะได้อะไร?? ผมยังหาคำตอบให้ตัวผมเองไม่ได้เหมือนกัน... 

ผมพระวนกระวายมากครับ ก่อนที่ผมจะไปขอร้องพระรูปอื่นๆให้พาผมไปทิ้งซักที พระวัยรุ่นกับพระผู้ใหญ่รวมผม 5 รูปมานั่งปรึกษากัน พระรูปอื่นๆก็ไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่ผมเจออาจจะคิดว่าผมเล่นตลก ผมเองก็คิดว่าถูกแกล้งอยู่เหมือนกัน

ไม่นานหลังจากนั้น ด้วยความที่มันก็ใกล้ที่จะดึกพอสมควรแล้ว เราเลยตกลงกันว่า จะนำมันไปทิ้งไว้ที่ป่าช้า...เขาเรียกอย่างนั้นแต่ความจริงมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะครับ มันไม่ใช่ป่า มันเป็นแค่เพียงที่ๆรวมที่บรรจุอัฐิหรือสุสานอะไรประมาณนี้นะครับ ผมไม่รู้ว่าคืออย่างเดียวกันไหม

ผมและพระวัยรุ่น 2 รูปได้ถือตุ๊กตาตัวนั้นไปไว้ที่สุสานครับ เรานำไปไว้ที่ต้นโพธิ์ต้นหนึ่ง.... เดินกลับมาแยกย้ายกันครับ หลังจากที่นั้นผมก็กลับมาในกุฏิผมอีกครั้ง ได้พูดคุยกับพระผู้ใหญ่สัพเพเหระก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนห้องที่ชั้น 2 ผมคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันคงจบแล้วแต่ไม่เลย... ผมเดินกลับไปเปิดประตูกำลังจะเข้าห้อง สิ่งที่ผมเห็นคือตุ๊กตาตัวนั้นตัวเดิมวางอยู่บนเตียงครับ ผมตะโกนเรียก"หลวงพี่"ผมวิ่งลงมาจากขั้นบน ตึ่งๆ เสียงลงบันไดด้วยความรวมเร็วพร้อมกับน้ำเสียงอันสั่นเครือ พวกบอกหลวงพี่ว่า "หลวงพี่ มันอยู่ในห้อง" หลวงพี่โมโหในทันที่ตะเบงเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิดว่า มันอะไรนักหนาวะพร้อมกับเดินขึ้นไปที่ชั้นบน หลวงพี่ตะโกนกลับมาว่า "ไหนวะ ไม่เห็นจะมีเลย" พร้อมกับเดินลงมา

ผมเห็นจริงๆนะครับ ผมไม่คิดว่าผมจะตาฝาด ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยตาฝาดเลย... อันนี้ผมบอกผู้อ่านนะครับไม่ใช่หลวงพี่ ผมเถียงกับหลวงพี่อธิบายให้แกฟังสักพัก เขาบอกว่าไม่มีอะไรแล้วให้ผมกลับไปจำวัด... แต่จิตใจผมตอนนั้นมันไม่โอเคเลยครับ ผมไม่กล้านอนคนเดียวแล้วจริงๆ ผมทำใจซักพักใจดีสู้เสื้อกลับขึ้นไปบนห้อง คราวนี้ไม่มีอะไรครับคืนนี้ผมคงต้องนอนอยู่กับความหวาดกลัวจริงๆหรือเนี่ย ผมได้แต่ถามตัวเอง เสียงปึ้งปั้งดังมาจากศาลาสวดศพที่อยู่ติดกันกับห้องนอนผมโดยมีแค่เพียงกำแพงกั้น เหมือนแสดงถึงอะไรบางอย่างที่ไม่มีตัวตนแต่อยากจะมีตัวตน... ผมคุมสติไม่อยู่จริงๆ หลังจากที่ผมไม่ได้เปิดโทรสัพท์มานานเพราะตั้งใจจะอยู่อย่างสงบ ผมเปิดโทรสัพท์โทรเรียกพี่ชายให้มานอนเป็นเพื่อนครับ 555555

ถ้าเพื่อนๆสงสัยว่าหลังจากนั้นพี่ชายมานอนด้วยทุกคืนเลยหรอ หรืออยู่ยังไงต่อไป...ผมย้ายวัดในอีกวันรุ่งขึ้นครับ ทุกๆครั้งที่ผมย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเก่าๆผมก็ได้แต่คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่... สิ่งที่ผมเจอมันคืออะไร แต่ที่แน่ๆผมไม่ได้คิดไปเอง ผมมั่นใจว่าอย่างนั้น

ในเช้าวันรุ่งขึ้นตุ๊กตาตัวนั้นที่เรานำไปทิ้ง ไม่ได้อยู่ที่เก่า... อาจจะมีคนแกล้งผม หรือผมอาจจะหลอนไปเอง ผมก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เลย

เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละครับ ประสบการณ์การบวชพระครั้งแรกของผม จริงๆยังไม่มีครั้งที่ 2 นะครับแต่นั่นมันครั้งแรกก ยังไงก็ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ โปรดใช้วิจารณญาน ถ้าไม่เชื่อก็ถือว่าอ่านสนุกๆนะครับ สวัสดีครับ ^_^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่