ผมไปบวชมาปนะมาน 15 วัน ด้วยความที่ว่าลูกผู้ชายควรบวชให้พ่อแม่สักครั้ง
แล้วกลับมาทำงานต่อ ระหว่างบวชผมเห็นอะไรเยอะขึ้น เข้าใจอะไรมากขึ้น
ขอเริ่มเลยละกัน
ผมไปบวชวัดๆนึงในกรุงเทพ ก่อนบวชผมมีความเชื่อและเหลื่อมใสในพระสงฆ์แถบทุกรูป
ถึงจะมีข่าวไม่ดีไม่งามตามสังคม แต่คิดในใจคงเป็นส่วนน้อย แต่ทว่าตอนผมบวชผมจำวัด
ที่กุฏิซึ่งมีลักษณะคล้ายๆหอพัก พระ 1 รูปต่อ 1 ห้อง สิ่งที่ผมเห็นคือ แต่ละรูปมีความแตกต่างกันคือ
ไม่มุ่งปฏิบัติ ก็ไม่เอาอะไรเลย
หลายรูป จะทำวัดเเช้า-เย็น ปฏิบัติกิจสงฆ์อย่างเคร่งครัด ปลงอาบัติตลอดเช้า-เย็น ไม่ว่าจะพรรษาแก่แค่ไหน
สวดปาฏิโมกข์ ได้อย่างคล่อง แต่บางรูปนั้นตรงกันข้าม ไม่บิณฑบาต ไม่ทำวัด วันๆอยู่แต่ในห้อง เก็บของบิณฑบาตไว้
หมดค่อยไปบิณฑบาตใหม่ จะออกแค่ตอนมีกิจนิมนต์ ฉันเพล สวดศพ แค่นั้น ในห้องก็มีคอม ทีวี หรือเครื่องเสียง สิ่งบันเทิงต่างๆ
การเจออะไรแบบนี้ทำให้ผมคิดได้ว่าพระทุกรูปไม่ได้น่าเลื่อมใส จนต้องกลับมาคิดว่าการปฏิบัติน่าจะเป็นสิ่งเอาไว้พิจารณา
มากกว่ารูปลักษณ์การแต่งกายภายนอก
แต่ก็ใช่ว่าจะเจอแค่เรื่องไม่ดี ตอนบวชผมรู้จักกับหลวงพี่รูปนึงบวชมา เกือบพรรษา อายุน้อยกว่า 2 ปี
หลวงพี่เล่าว่าก่อนมาบวช เป็นเด็กสเก็ทติดยา มาก่อน บวชตอนแรกหลวงพี่บอก ไม่เอาอะไรเลย
ไม่ทำวัด ไม่ถือศีล ไม่ปาฏิสังขารก่อนฉัน เรียกได้ว่าแค่บิณฑบาตเสร็จก็กลับมาจำวัด
แต่หลวงพี่บอกว่าอยู่ไปนานๆทำให้คิดอะไรได้ก็เริ่มกลับมาปฏิบัตรทุกอย่าง
และหลวงพี่รูปแหละที่สอนพระใหม่อย่างผมทุกอย่างแม้แต่สอนห่มจีวรก็ตาม
ปัจจุบันผมไม่เชื่ออะไร 100% ทันที อย่างที่พระพุทธเจ้าได้สอนเรื่อง กาลามสูตร
และก็เชื่อว่าทุกคนยังกลับตัวได้
หลังบวชถึงเข้าใจ ทำไมพระพุทธเจ้าจึงให้เราตั้งคำถาม
แล้วกลับมาทำงานต่อ ระหว่างบวชผมเห็นอะไรเยอะขึ้น เข้าใจอะไรมากขึ้น
ขอเริ่มเลยละกัน
ผมไปบวชวัดๆนึงในกรุงเทพ ก่อนบวชผมมีความเชื่อและเหลื่อมใสในพระสงฆ์แถบทุกรูป
ถึงจะมีข่าวไม่ดีไม่งามตามสังคม แต่คิดในใจคงเป็นส่วนน้อย แต่ทว่าตอนผมบวชผมจำวัด
ที่กุฏิซึ่งมีลักษณะคล้ายๆหอพัก พระ 1 รูปต่อ 1 ห้อง สิ่งที่ผมเห็นคือ แต่ละรูปมีความแตกต่างกันคือ
ไม่มุ่งปฏิบัติ ก็ไม่เอาอะไรเลย
หลายรูป จะทำวัดเเช้า-เย็น ปฏิบัติกิจสงฆ์อย่างเคร่งครัด ปลงอาบัติตลอดเช้า-เย็น ไม่ว่าจะพรรษาแก่แค่ไหน
สวดปาฏิโมกข์ ได้อย่างคล่อง แต่บางรูปนั้นตรงกันข้าม ไม่บิณฑบาต ไม่ทำวัด วันๆอยู่แต่ในห้อง เก็บของบิณฑบาตไว้
หมดค่อยไปบิณฑบาตใหม่ จะออกแค่ตอนมีกิจนิมนต์ ฉันเพล สวดศพ แค่นั้น ในห้องก็มีคอม ทีวี หรือเครื่องเสียง สิ่งบันเทิงต่างๆ
การเจออะไรแบบนี้ทำให้ผมคิดได้ว่าพระทุกรูปไม่ได้น่าเลื่อมใส จนต้องกลับมาคิดว่าการปฏิบัติน่าจะเป็นสิ่งเอาไว้พิจารณา
มากกว่ารูปลักษณ์การแต่งกายภายนอก
แต่ก็ใช่ว่าจะเจอแค่เรื่องไม่ดี ตอนบวชผมรู้จักกับหลวงพี่รูปนึงบวชมา เกือบพรรษา อายุน้อยกว่า 2 ปี
หลวงพี่เล่าว่าก่อนมาบวช เป็นเด็กสเก็ทติดยา มาก่อน บวชตอนแรกหลวงพี่บอก ไม่เอาอะไรเลย
ไม่ทำวัด ไม่ถือศีล ไม่ปาฏิสังขารก่อนฉัน เรียกได้ว่าแค่บิณฑบาตเสร็จก็กลับมาจำวัด
แต่หลวงพี่บอกว่าอยู่ไปนานๆทำให้คิดอะไรได้ก็เริ่มกลับมาปฏิบัตรทุกอย่าง
และหลวงพี่รูปแหละที่สอนพระใหม่อย่างผมทุกอย่างแม้แต่สอนห่มจีวรก็ตาม
ปัจจุบันผมไม่เชื่ออะไร 100% ทันที อย่างที่พระพุทธเจ้าได้สอนเรื่อง กาลามสูตร
และก็เชื่อว่าทุกคนยังกลับตัวได้