ดับโควิดนิวไฮอีกวัน พุ่ง 49 ราย ติดเชื้อใหม่ 23,618 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3212488
ดับโควิดนิวไฮอีกวัน พุ่ง 49 ราย ติดเชื้อใหม่ 23,618 ราย
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวม 23,618 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 23,437 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 181 ราย ผู้ป่วยสะสม 734,727 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 18,939 ราย หายป่วยสะสม 543,184 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 223,414 ราย เสียชีวิต 49 ราย
ผู้ประกอบการไม่ไหว! ส่งสัญญาณขึ้นราคาสินค้าใน 1 เดือน หลังรัสเซีย-ยูเครนทำต้นทุนพุ่ง
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/281259
สมาคมอาหารแช่เยือกแข็ง เตือน เตรียมรับมือสินค้าขึ้นราคา หลังสงครามรัสเซีย-ยุเครน ทำต้นทุนการผลิตพุ่งกระฉูด
นาย
พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกกิตติคุณสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย แสดงความกังวลอย่างหนัก ว่า การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าปรับสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย ข้าวสาลี ถั่วเหลือง เพราะไทยต้องนำเข้า ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาต้นทุนอาหารสัตว์ก็ปรับสูงขึ้นมาแล้ว ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ผู้ประกอบการพยามตรึงราคาสินค้าไว้ ด้วยการบริหารต้นทุน
แต่ผลกระทบจากการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยุเครน ทำให้ตรึงราคาต่อไม่ไหว เพราะต้นทุนจากราคาน้ำมันสูงขึ้นมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนขนส่งด้วย ประกอบกับยังมีต้นทุนค่าระวางเรือก็ปรับขึ้น ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ก็ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่สต็อควัตถุดิบเก่า ผู้ประกอบการจะสต็อคไว้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ดังนั้นหลังจากนี้ 1 เดือน ก็จะเห็นราคาสินค้าปรับขึ้นอย่างแน่นอน
สอดคล้องกับนาย
สุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งประเทศไทย ที่ออกมายอมรับว่า ต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะราคาอาหารสัตว์ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง 30-40% แล้ว และยังไม่เห็นว่าจะสิ้นสุดแค่ไหน ขณะที่การปรับราคาก็ยังทำไม่ได้ ล่าสุด สมาคมฯ ประสานไปยังกับกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้ประสานกับกระทรวงพาณิชย ขอให้ช่วยหาทางลดต้นทุนราคาอาหารสัตว์ให้กับเกษตรกรโดยเร่งด่วน
ชมผ่านยูทูบ :
https://youtu.be/0C7HIH5zEDU
วิโรจน์ จี้ อัศวิน เปิดข้อมูล หวั่นรัฐบาลชิงต่อสัมปทาน BTS ก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
https://www.thairath.co.th/news/politic/2330432
"วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" บุก ศาลาว่าการกทม. เรียกร้อง พล.ต.อ.อัศวิน เปิดรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน หวั่นรัฐบาลชิงต่อสัญญาก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ
วันที่ 2 มีนาคม 2565 นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล เดินทางมายังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้ พลตำรวจเอก
อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบันรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงกังวลว่ารัฐบาลจะชิงต่ออายุสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าให้จบก่อนจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะตอนนี้แคนดิเดตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครทุกคนแสดงจุดยืนตรงกันว่าหากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ จะไม่ยอมให้มีการต่อสัญญาสัมปทานได้โดยง่ายอย่างแน่นอน
นาย
วิโรจน์ แสดงความกังวลต่อความไม่โปรงใสนี้ว่า ข้อมูลเกือบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าถูกปิดไว้เป็นความลับ ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. ทุกคนที่ต้องการออกแบบนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าก็ไม่สามารถเข้าถึงได้เช่นเดียวกัน
“การที่รัฐบาลจะต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าให้สาธารณะรับทราบนั้นไม่ต่างจากการให้ประชาชนเซ็นสัญญาโดยไม่บอกว่ารายละเอียดของสัญญาเป็นอย่างไร การที่รัฐบาลไม่ยอมให้มีการตรวจสอบว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบในสัญญาสัมปทานนี้ จึงไม่ต่างจากการตีเช็คเปล่าให้กับกลุ่มทุน”
พร้อมกล่าวต่อว่า ตอนนี้ไม่มีแคนดิเดตผู้ว่าฯ คนใดมีข้อมูลสำหรับการออกแบบนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้า คนที่พอจะเห็นข้อมูลให้สามารถวางนโยบายได้บ้าง หากไม่นับพลตำรวจเอกอัศวินที่เป็นผู้ว่าฯ อยู่ในขณะนี้ อีกคนหนึ่งที่เคยเห็นข้อมูลความลับนี้ก็คงเป็นนาย
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่อยู่ในบอร์ดเจรจาต่อรองค่าโดยสารชุดปัจจุบันที่ต่อรองค่าโดยสารไว้ที่ 65 บาทตลอดสาย
“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะออกแบบนโยบายโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ข้อมูลจำเป็นอย่างมากต่อการออกแบบข้อเสนอที่เป็นจริงและเป็นไปได้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบันรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะไม่ขัดขวางหรือไม่ยอมเปิดรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้สาธารณะรับทราบ”.
JJNY : ดับนิวไฮ49 ติดเชื้อ23,618│ส่งสัญญาณขึ้นราคาสินค้าใน1ด.│วิโรจน์จี้อัศวินเปิดข้อมูล │ตร.รัสเซียจับเด็กขังข้ามคืน
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3212488
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวม 23,618 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 23,437 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 181 ราย ผู้ป่วยสะสม 734,727 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 18,939 ราย หายป่วยสะสม 543,184 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 223,414 ราย เสียชีวิต 49 ราย
ผู้ประกอบการไม่ไหว! ส่งสัญญาณขึ้นราคาสินค้าใน 1 เดือน หลังรัสเซีย-ยูเครนทำต้นทุนพุ่ง
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/281259
สมาคมอาหารแช่เยือกแข็ง เตือน เตรียมรับมือสินค้าขึ้นราคา หลังสงครามรัสเซีย-ยุเครน ทำต้นทุนการผลิตพุ่งกระฉูด
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกกิตติคุณสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย แสดงความกังวลอย่างหนัก ว่า การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าปรับสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย ข้าวสาลี ถั่วเหลือง เพราะไทยต้องนำเข้า ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาต้นทุนอาหารสัตว์ก็ปรับสูงขึ้นมาแล้ว ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ผู้ประกอบการพยามตรึงราคาสินค้าไว้ ด้วยการบริหารต้นทุน
แต่ผลกระทบจากการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยุเครน ทำให้ตรึงราคาต่อไม่ไหว เพราะต้นทุนจากราคาน้ำมันสูงขึ้นมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนขนส่งด้วย ประกอบกับยังมีต้นทุนค่าระวางเรือก็ปรับขึ้น ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ก็ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่สต็อควัตถุดิบเก่า ผู้ประกอบการจะสต็อคไว้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ดังนั้นหลังจากนี้ 1 เดือน ก็จะเห็นราคาสินค้าปรับขึ้นอย่างแน่นอน
สอดคล้องกับนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งประเทศไทย ที่ออกมายอมรับว่า ต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะราคาอาหารสัตว์ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง 30-40% แล้ว และยังไม่เห็นว่าจะสิ้นสุดแค่ไหน ขณะที่การปรับราคาก็ยังทำไม่ได้ ล่าสุด สมาคมฯ ประสานไปยังกับกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้ประสานกับกระทรวงพาณิชย ขอให้ช่วยหาทางลดต้นทุนราคาอาหารสัตว์ให้กับเกษตรกรโดยเร่งด่วน
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/0C7HIH5zEDU
วิโรจน์ จี้ อัศวิน เปิดข้อมูล หวั่นรัฐบาลชิงต่อสัมปทาน BTS ก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
https://www.thairath.co.th/news/politic/2330432
"วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" บุก ศาลาว่าการกทม. เรียกร้อง พล.ต.อ.อัศวิน เปิดรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน หวั่นรัฐบาลชิงต่อสัญญาก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ
วันที่ 2 มีนาคม 2565 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล เดินทางมายังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้ พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบันรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงกังวลว่ารัฐบาลจะชิงต่ออายุสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าให้จบก่อนจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะตอนนี้แคนดิเดตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครทุกคนแสดงจุดยืนตรงกันว่าหากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ จะไม่ยอมให้มีการต่อสัญญาสัมปทานได้โดยง่ายอย่างแน่นอน
นายวิโรจน์ แสดงความกังวลต่อความไม่โปรงใสนี้ว่า ข้อมูลเกือบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าถูกปิดไว้เป็นความลับ ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. ทุกคนที่ต้องการออกแบบนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าก็ไม่สามารถเข้าถึงได้เช่นเดียวกัน
“การที่รัฐบาลจะต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าให้สาธารณะรับทราบนั้นไม่ต่างจากการให้ประชาชนเซ็นสัญญาโดยไม่บอกว่ารายละเอียดของสัญญาเป็นอย่างไร การที่รัฐบาลไม่ยอมให้มีการตรวจสอบว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบในสัญญาสัมปทานนี้ จึงไม่ต่างจากการตีเช็คเปล่าให้กับกลุ่มทุน”
พร้อมกล่าวต่อว่า ตอนนี้ไม่มีแคนดิเดตผู้ว่าฯ คนใดมีข้อมูลสำหรับการออกแบบนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้า คนที่พอจะเห็นข้อมูลให้สามารถวางนโยบายได้บ้าง หากไม่นับพลตำรวจเอกอัศวินที่เป็นผู้ว่าฯ อยู่ในขณะนี้ อีกคนหนึ่งที่เคยเห็นข้อมูลความลับนี้ก็คงเป็นนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่อยู่ในบอร์ดเจรจาต่อรองค่าโดยสารชุดปัจจุบันที่ต่อรองค่าโดยสารไว้ที่ 65 บาทตลอดสาย
“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะออกแบบนโยบายโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ข้อมูลจำเป็นอย่างมากต่อการออกแบบข้อเสนอที่เป็นจริงและเป็นไปได้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบันรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะไม่ขัดขวางหรือไม่ยอมเปิดรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้สาธารณะรับทราบ”.