คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
อีกไม่กี่ 10 วันจะครบปีนึงแล้วที่ตั้งกระทู้นี้มา ตอนแรกก็ทบทวนว่าความคิดเราผิดมั้ย ลองไปค้นดูในเน็ตว่าคนอื่นคิดเห็นยังไงบ้าง สรุปก็คือมีคนที่คิดเหมือนกันกับเรา แต่ว่าแต่ละคนที่มาคอมเม้นท์ในกระทู้นี้ก็คือ ไม่ได้เข้าใจถึงเนื้อสารที่จะสื่อจริงๆเลย จับแต่น้ำแล้วเอามาดีเฟ้นท์ให้ชายแท้กันทั้งนั้น เคยคิดว่าหรือว่าความคิดของเราผิดจริงๆ แต่พอมาคิดดู ก็รู้สึกว่าทำไมนะ ทำไมเราถึงไม่ยอมคนที่มาตอบเราสักที ทำไมยังเชื่อว่าสิ่งที่เราคิดมันถูก พอคิดลึกกว่าเดิมก็ได้คำตอบ ว่าใช่ โลกมันเป็นอย่างนี้แหละ โลกที่ยัดเยียดทัศนคติมากมายให้ผู้หญิง (ก็พอดีเป็นประเทศที่มีสุภาษิตสอนหญิงอะนะ จะแปลกอะไร) ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่
จะอธิบายเป็นกรณีไป
1.ผญ.แต่งหน้า = ไม่ธรรมชาติ
ผญ.ไม่แต่งหน้า = ธรรมชาติ
ผู้หญิงสวยธรรมชาติคืออะไร ถ้าหากว่าฉันไม่แต่งหน้า ฉันก็คือผู้หญิงสวยธรรมชาติงั้นเหรอ? แล้วการที่ผญ.ชอบแต่งหน้า มันคือความไม่ธรรมชาติเหรอ ใช้อะไรเป็นตัวตัดสิน มันคือรสนิยมของพวกเธอ
Mark! : ไม่ได้อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคล แต่มันอยู่ที่ทัศนคติต่อผู้หญิงของคุณต่างหากที่จขกท.รับไม่ได้ คุณสามารถชอบผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้าได้ มันคือสิทธิ์ของคุณ (เราไม่ได้บอกว่าผิดเลย) แต่คุณไม่มีสิทธิ์มานิยามผู้หญิงประเภทอื่นว่าไม่ธรรมชาติ
2.กรณีถ่ายรูปเวลาทานอาหาร อันนี้ขึ้นอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
แต่ที่เราพูดถึง คือ กรณีชอบถ่ายรูปเวลาทานอาหาร “มักจะ” ถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมของผู้หญิงซะส่วนมาก ผู้ชาย “บางคน” มักมีทัศนคติต่อผู้หญิงเหล่านั้นว่าเป็น “คนเรื่องมาก “
การตัดสินพฤติกรรมผู้หญิงแบบรวมๆ แบบนี้โดยไม่ได้นึกถึงกรณีรายบุคคล ไม่ใช่ความคิดที่สมควรยอมรับหรือเปล่า? คิด
3.กรณีซื้อของแบรนด์เนม
ประโยคคลาสสิค ประโยคเด็ด “มีตังค์อย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องโง่ด้วย” ที่แม้แต่พ่อของเราก็เคยพูด ญาติผู้ชายก็เคยพูด และใครอีกหลายคนต้องเคยได้ยิน (คห.ที่ 4 ถ้าคุณไม่เคยได้ยิน อย่าทำเป็นรู้ดีแล้วดีเฟ้นท์ให้ชายแท้ค่ะ)
กรณีนี้ มันอยู่ที่รสนิยม ผช.บางคนเคารพคนอื่นไม่เป็นเลยพูดประโยคนี้ ทั้งที่ตังค์ก็ตังค์เค้า กรณีชัดเจนแล้ว ขออธิบายแค่นี้พอค่ะ
4.เรื่องกรณีกิจกรรมเด็กผู้หญิงมักจะถูกมองว่าด้อยกว่าชายเสมอ
ยกตัวอย่างที่ชัดเลย คือในภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน ที่เจี๊ยบไปเล่นกับเพื่อนผญแล้วเพื่อนเจี๊ยบมีทัศนคติว่าเจี๊ยบไม่ใช่ลูกผู้ชาย เป็นต้น หรือ การที่เด็กผชดูการ์ตูนผู้หญิง เช่น บาร์บี้หรือเจ้าหญิงดิสนี่ย์มักถูกมองแปลก แม้แต่สีก็จำกัดว่าผญ.=ชมพู ใช้เพศเป็นตัวจำกัดและให้นิยามเด็ก มันไม่น่าหดหู่จริงๆเหรอ นี่คือสิ่งที่สังคมเราควรจะเป็นจริงเหรอ หรือการเอาตลกผช.มาแต่งตัวเป็นผญ.ก็มักจะถูกทำในรายการตลก เหมือนเป็นเรื่องขำขันปกติ และคำว่า “ผญ.จ๋า” ก็มักใช้เชิงแซะด้วย กิจกรรมของผู้ชายมักถูกมองว่าเท่ ผญ.ที่ทำกิจกรรมผช. ใส่กางเกงเท่ๆ ชอบเล่นฟุตบอล (ตัวอย่างนะ) จะถูกมองว่าเท่ แต่ผญ.ที่ยืนหยัดในความเป็นผญ.จ๋า ใส่กระโปรง เล่นกิจกรรมผญ ชอบแต่งหน้า ต่างๆ กลับถูกมองกลับมาต่างกัน แล้วผช.ที่ชอบอะไรแบบผญ. ชอบทำกิจกรรมของผญ.ก็ถูกมองในเชิงลบด้วยเช่นกัน
ถ้าคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วยังคิดว่ากรณีข้อ 4 มันไม่มีอะไรที่กดเพศหญิงจริงๆ คุณควรไปหาหมอให้เช็คสมองหน่อยนะคะ เพราะแค่ตัวอย่างก็เพียบจนขี้เกียจพิมพ์แล้ว
แต่ข้อ 4 นี้เอาจริงๆเราไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่แล้ว เพราะหลายเรื่องมีคนออกมาพูดถึงแล้ว เช่น เรื่องการแต่งกาย มีการรณรงค์เรื่องการใช้เสื้อผ้า unisex กันแล้ว ใครจะใส่ชุดแบบไหนอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าเพศ เราจึงไม่ได้ติดอะไรกับข้อนี้เท่าไหร่แล้ว
- จบ - กระทู้เราพูดกันทั้งหมด 4 ข้อนี้
เสริม
***** สำคัญ : (ตอบคห.1) สิ่งที่เราพูดไม่มีอะไรเกี่ยวอะไรกับเรื่องความแตกต่างชายหญิงเลย ในทุกกรณีที่พูดมาผชก็สามารถทำได้แบบผญ เช่น แต่งหน้า ถ่ายรูปอาหาร หรือซื้อของแบรนด์เนม เป็นต้น
สิ่งที่เราจะสื่อคือ : พฤติกรรมของผญ.ที่เราหยิบยกมา ผู้ชาย “ส่วนหนึ่ง” เอาความเชื่อและทัศนคติตัวเองเป็นบรรทัดฐานตัดสินผู้หญิงเหล่านี้ว่าเป็นอย่างนู่นอย่างนี้ ทั้งๆที่พวกเธอ “ไม่ได้เป็น” ดังนั้นเมื่อเธอไม่ได้เป็น มันจึงไม่ใช่สิ่งที่ “ผู้หญิง” เป็น และมันจึงไม่สามารถเรียกว่าเป็น “ความแตกต่าง” ของหญิงชายได้ เพราะมันไม่ใช่ตัวตนของเธอด้วยซ้ำ มันแค่เป็นมุมมองของผู้ชายเท่านั้น
และผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะเข้มแข็งหรืออ่อนแอ ก็ไม่สมควรถูกใครตัดสินว่าตัวเธอเป็นแบบที่เธอไม่ใช่ทั้งนั้น เหมือนที่ปัจจุบันมีการรณรงค์ทางสังคมกันมากมาย ขอยกตัวอย่างกรณีของการบุลลี่ (ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องที่ตั้งกระทู้ แต่ยกมาเพื่อให้เข้าใจง่ายค่ะ) การบุลลี่ไม่สมควรเกิดขึ้น ไม่ว่าคนๆนั้นจะอ่อนแอกว่าหรือเข้มแข็งกว่าคนบุลลี่ ; การที่คอมเม้นที่ 1 ตอบเราเชิงว่าไม่ต้องสนใจ หรือ อย่าสนใจ เท่ากับให้เรา หันความสนใจมาทางฝั่งผู้หญิง คือไม่ให้ผู้หญิงสนใจคำพูดและทัศคติของผู้ชาย ซึ่งเราเข้าใจทุกอย่าง ***แต่คุณผิดประเด็นไงคะ*** เพราะเรากำลังพูดถึงทางฝั่งผู้ชายให้ปรับทัศนคติตัวเอง มันต้องแก้ 2 ฝั่งก็จริง แต่เรากำลังพูดถึงผช. ! และมันไม่ได้แปลว่าเราไม่เห็นด้วยกับการที่คุณบอกให้ผญ.ไม่ต้องแคร์กับสิ่งเหล่านี้ แต่สิ่งที่คุณต้องจับใจความสำคัญให้ได้คือเรื่อง “ทัศนคติของผู้ชาย” คือเราพูดถึงสิ่งที่ผช.ควรแก้ (เรารู้ว่ามันแก้ไม่ได้ 100% หรอก การที่เรามาตั้งกระทู้นี้ แต่มันก็เรื่องของเราค่ะ เรามีสิทธิ์จะพูดถึงเรื่องนี้ เราไม่ได้สนว่าจะต้องมีใครมาเห็นกระทู้นี้มากมาย แต่มันคือพื้นที่ของเราในการแสดงออกทางความคิด)
****ถึงผู้อ่านทุกคน : กระทู้เรามีคำว่า วะ เลยดูหยาบคายหรือเปล่าขอโทษคนอ่านด้วยค่ะ อาจเป็นเพราะอารมณ์ตอนนั้นหงุดหงิด แต่ถ้าตัดเรื่องคำหยาบออกไป เรายังรู้สึกว่าแก่นที่เราพิมพ์ไปคือสิ่งที่ถูกต้องและไม่ใช่เรื่องน่าละอายที่จะแสดงออกค่ะ***
จะอธิบายเป็นกรณีไป
1.ผญ.แต่งหน้า = ไม่ธรรมชาติ
ผญ.ไม่แต่งหน้า = ธรรมชาติ
ผู้หญิงสวยธรรมชาติคืออะไร ถ้าหากว่าฉันไม่แต่งหน้า ฉันก็คือผู้หญิงสวยธรรมชาติงั้นเหรอ? แล้วการที่ผญ.ชอบแต่งหน้า มันคือความไม่ธรรมชาติเหรอ ใช้อะไรเป็นตัวตัดสิน มันคือรสนิยมของพวกเธอ
Mark! : ไม่ได้อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคล แต่มันอยู่ที่ทัศนคติต่อผู้หญิงของคุณต่างหากที่จขกท.รับไม่ได้ คุณสามารถชอบผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้าได้ มันคือสิทธิ์ของคุณ (เราไม่ได้บอกว่าผิดเลย) แต่คุณไม่มีสิทธิ์มานิยามผู้หญิงประเภทอื่นว่าไม่ธรรมชาติ
2.กรณีถ่ายรูปเวลาทานอาหาร อันนี้ขึ้นอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
แต่ที่เราพูดถึง คือ กรณีชอบถ่ายรูปเวลาทานอาหาร “มักจะ” ถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมของผู้หญิงซะส่วนมาก ผู้ชาย “บางคน” มักมีทัศนคติต่อผู้หญิงเหล่านั้นว่าเป็น “คนเรื่องมาก “
การตัดสินพฤติกรรมผู้หญิงแบบรวมๆ แบบนี้โดยไม่ได้นึกถึงกรณีรายบุคคล ไม่ใช่ความคิดที่สมควรยอมรับหรือเปล่า? คิด
3.กรณีซื้อของแบรนด์เนม
ประโยคคลาสสิค ประโยคเด็ด “มีตังค์อย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องโง่ด้วย” ที่แม้แต่พ่อของเราก็เคยพูด ญาติผู้ชายก็เคยพูด และใครอีกหลายคนต้องเคยได้ยิน (คห.ที่ 4 ถ้าคุณไม่เคยได้ยิน อย่าทำเป็นรู้ดีแล้วดีเฟ้นท์ให้ชายแท้ค่ะ)
กรณีนี้ มันอยู่ที่รสนิยม ผช.บางคนเคารพคนอื่นไม่เป็นเลยพูดประโยคนี้ ทั้งที่ตังค์ก็ตังค์เค้า กรณีชัดเจนแล้ว ขออธิบายแค่นี้พอค่ะ
4.เรื่องกรณีกิจกรรมเด็กผู้หญิงมักจะถูกมองว่าด้อยกว่าชายเสมอ
ยกตัวอย่างที่ชัดเลย คือในภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน ที่เจี๊ยบไปเล่นกับเพื่อนผญแล้วเพื่อนเจี๊ยบมีทัศนคติว่าเจี๊ยบไม่ใช่ลูกผู้ชาย เป็นต้น หรือ การที่เด็กผชดูการ์ตูนผู้หญิง เช่น บาร์บี้หรือเจ้าหญิงดิสนี่ย์มักถูกมองแปลก แม้แต่สีก็จำกัดว่าผญ.=ชมพู ใช้เพศเป็นตัวจำกัดและให้นิยามเด็ก มันไม่น่าหดหู่จริงๆเหรอ นี่คือสิ่งที่สังคมเราควรจะเป็นจริงเหรอ หรือการเอาตลกผช.มาแต่งตัวเป็นผญ.ก็มักจะถูกทำในรายการตลก เหมือนเป็นเรื่องขำขันปกติ และคำว่า “ผญ.จ๋า” ก็มักใช้เชิงแซะด้วย กิจกรรมของผู้ชายมักถูกมองว่าเท่ ผญ.ที่ทำกิจกรรมผช. ใส่กางเกงเท่ๆ ชอบเล่นฟุตบอล (ตัวอย่างนะ) จะถูกมองว่าเท่ แต่ผญ.ที่ยืนหยัดในความเป็นผญ.จ๋า ใส่กระโปรง เล่นกิจกรรมผญ ชอบแต่งหน้า ต่างๆ กลับถูกมองกลับมาต่างกัน แล้วผช.ที่ชอบอะไรแบบผญ. ชอบทำกิจกรรมของผญ.ก็ถูกมองในเชิงลบด้วยเช่นกัน
ถ้าคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วยังคิดว่ากรณีข้อ 4 มันไม่มีอะไรที่กดเพศหญิงจริงๆ คุณควรไปหาหมอให้เช็คสมองหน่อยนะคะ เพราะแค่ตัวอย่างก็เพียบจนขี้เกียจพิมพ์แล้ว
แต่ข้อ 4 นี้เอาจริงๆเราไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่แล้ว เพราะหลายเรื่องมีคนออกมาพูดถึงแล้ว เช่น เรื่องการแต่งกาย มีการรณรงค์เรื่องการใช้เสื้อผ้า unisex กันแล้ว ใครจะใส่ชุดแบบไหนอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าเพศ เราจึงไม่ได้ติดอะไรกับข้อนี้เท่าไหร่แล้ว
- จบ - กระทู้เราพูดกันทั้งหมด 4 ข้อนี้
เสริม
***** สำคัญ : (ตอบคห.1) สิ่งที่เราพูดไม่มีอะไรเกี่ยวอะไรกับเรื่องความแตกต่างชายหญิงเลย ในทุกกรณีที่พูดมาผชก็สามารถทำได้แบบผญ เช่น แต่งหน้า ถ่ายรูปอาหาร หรือซื้อของแบรนด์เนม เป็นต้น
สิ่งที่เราจะสื่อคือ : พฤติกรรมของผญ.ที่เราหยิบยกมา ผู้ชาย “ส่วนหนึ่ง” เอาความเชื่อและทัศนคติตัวเองเป็นบรรทัดฐานตัดสินผู้หญิงเหล่านี้ว่าเป็นอย่างนู่นอย่างนี้ ทั้งๆที่พวกเธอ “ไม่ได้เป็น” ดังนั้นเมื่อเธอไม่ได้เป็น มันจึงไม่ใช่สิ่งที่ “ผู้หญิง” เป็น และมันจึงไม่สามารถเรียกว่าเป็น “ความแตกต่าง” ของหญิงชายได้ เพราะมันไม่ใช่ตัวตนของเธอด้วยซ้ำ มันแค่เป็นมุมมองของผู้ชายเท่านั้น
และผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะเข้มแข็งหรืออ่อนแอ ก็ไม่สมควรถูกใครตัดสินว่าตัวเธอเป็นแบบที่เธอไม่ใช่ทั้งนั้น เหมือนที่ปัจจุบันมีการรณรงค์ทางสังคมกันมากมาย ขอยกตัวอย่างกรณีของการบุลลี่ (ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องที่ตั้งกระทู้ แต่ยกมาเพื่อให้เข้าใจง่ายค่ะ) การบุลลี่ไม่สมควรเกิดขึ้น ไม่ว่าคนๆนั้นจะอ่อนแอกว่าหรือเข้มแข็งกว่าคนบุลลี่ ; การที่คอมเม้นที่ 1 ตอบเราเชิงว่าไม่ต้องสนใจ หรือ อย่าสนใจ เท่ากับให้เรา หันความสนใจมาทางฝั่งผู้หญิง คือไม่ให้ผู้หญิงสนใจคำพูดและทัศคติของผู้ชาย ซึ่งเราเข้าใจทุกอย่าง ***แต่คุณผิดประเด็นไงคะ*** เพราะเรากำลังพูดถึงทางฝั่งผู้ชายให้ปรับทัศนคติตัวเอง มันต้องแก้ 2 ฝั่งก็จริง แต่เรากำลังพูดถึงผช. ! และมันไม่ได้แปลว่าเราไม่เห็นด้วยกับการที่คุณบอกให้ผญ.ไม่ต้องแคร์กับสิ่งเหล่านี้ แต่สิ่งที่คุณต้องจับใจความสำคัญให้ได้คือเรื่อง “ทัศนคติของผู้ชาย” คือเราพูดถึงสิ่งที่ผช.ควรแก้ (เรารู้ว่ามันแก้ไม่ได้ 100% หรอก การที่เรามาตั้งกระทู้นี้ แต่มันก็เรื่องของเราค่ะ เรามีสิทธิ์จะพูดถึงเรื่องนี้ เราไม่ได้สนว่าจะต้องมีใครมาเห็นกระทู้นี้มากมาย แต่มันคือพื้นที่ของเราในการแสดงออกทางความคิด)
****ถึงผู้อ่านทุกคน : กระทู้เรามีคำว่า วะ เลยดูหยาบคายหรือเปล่าขอโทษคนอ่านด้วยค่ะ อาจเป็นเพราะอารมณ์ตอนนั้นหงุดหงิด แต่ถ้าตัดเรื่องคำหยาบออกไป เรายังรู้สึกว่าแก่นที่เราพิมพ์ไปคือสิ่งที่ถูกต้องและไม่ใช่เรื่องน่าละอายที่จะแสดงออกค่ะ***
แสดงความคิดเห็น
คิดเห็นยังไงกับคนที่ยัดเยียดมุมมองของตัวเองที่ดีพร้อมไปให้เพศหญิง
หรืออย่างการถ่ายรูปอาหารบนโต๊ะ เคยมีกรณีกับตัวเองที่ถ่ายไปแค่ 2 รูป!! ย้ำค่ะ 2 รูป แล้วถ่ายแบบรีบๆด้วย เพราะแค่จะถ่ายไว้เพื่อจะเอาไปบันทึกใส่ไดอารี่ ไม่ใช่ถ่ายเพื่อให้สวยหรือเอาไปลง แต่ผู้ชายมองเราแล้วถอนหายใจ ทำทีว่ารำคาน คิดว่าเราจะถ่ายไปลง คืองง เป็นอะไร เค้าคิดว่าผู้หญิงที่น่ารำคาณหรือผู้หญิงที่แอ๊บ หรือไม่เป็นธรรมชาติจะต้องถ่ายรูปตอนทานข้าวลงเอาไปลงโซเซี่ยล…ซึ่ง…อะไรอะ ตรรกะมันแปลกอะ ใครๆก็ถ่ายได้ทั้งนั้นอะ มันก็คือความทรงจำดีๆอะ ถ่ายแล้วฉันดูเป็นผู้หญิงจอมปลอมงี้ เป็นผู้หญิงเรื่องมาก?? งง แค่ทำอะไรนิดหน่อยก็ตีโพยตีพายไปไกล เค้าชอบอคติกับเรื่องแบบนี้
แล้วอย่างเวลาเห็นผู้หญิงซื้อของแบรนด์เนมในอินเตอร์เน็ต ชอบพูดว่า “มีตังค์อย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องโง่ด้วย” อะ ประโยคนี้ประโยคคลาสสิค ซึ่งเราแบบ เราไม่โอเคมากๆ เขาจะซื้ออะไรก็เป็นเรื่องของเขาปะ ที่ผู้ชายชอบไปออกันอยู่ศูนย์รถ ออกรถแพงๆ ไม่มีใครว่าแปลกเลย เค้าก็ชื่นชม เราก็มองว่าเท่ห์ดี แต่ทำไมพอมาเป็นเรื่องความชอบของผู้หญิง ถึงมีอคติตลอด
พูดถึงเรื่องผู้ใหญ่ไปแล้ว พูดถึงเด็กบ้าง เพราะมีเหมือนกัน ตรรกะแบบนี้ของผู้ชายมันถูกปลูกฝังมาแต่เด็กหรือไร
อย่างเด็กผู้หญิงเวลาดูบาร์บี้ หรือการ์ตูนผู้หญิงจะโดนล้อ เด็กหลายคนที่เป็นผู้หญิงยังดูบาร์บี้แบบหลบๆซ่อนๆเลย ถามว่าทำไมไม่ดูกับเพื่อนนคนอื่น นางบอกอาย กลัวเพื่อนล้อว่าดูการ์ตูนผู้หญิง แต่ถ้าเป็นกรณีผู้ชาย…ไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย ซูเป้อมงเป้อแมน อะไรต่างๆนานา อีกทั้งเรื่องการแต่งกายก็เหมือนกัน เจอเด็กหญิงที่ชอบแต่งตัวเหมือนผู้ชาย แต่ไม่ได้ชอบที่จะแต่ง นางแต่งเพราะอยากได้รับการยอมรับ คิดดูนะคุณ ผู้หญิงคนนึงชอบสีชมพูมาก ชอบใส่กระโปรงมาก และเธอก็ชอบไว้ผมยาวเพราะสวย แต่เธอกับทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกันหมดเลยคุณ เธอไม่เคยใส่ชุดสีชมพูเลยสักครั้ง เธอใส่แต่กางเกงไปเที่ยวตลอด และเธอก็ตัดผมสั้น ทั้งหมดไม่ใช่ว่าเธอชอบ แต่เป็นเพราะเธอบอกกับเรามาว่า เธอรู้สึกไม่สบายใจที่จะแต่งตัวแบบผู้หญิงจ๋าแบบนั้น เพราะกลัวเพื่อนล้อ กลัวว่าจะดูเป็นผู้หญิงจ๋าเกินไป แล้วเราก็เลยตั้งคำถามว่า…ละทำไม “ผู้หญิง” จะต้องมาอายที่ตัวเองจะ “เป็นผู้หญิง” ด้วย จริงๆมันไม่มีใครบังคับหรอกว่าจะให้พวกเค้าแต่งตัวแบบผู้ชาย …แต่สายตาที่มองเค้าแบบประหลาดใจ, มองว่าแปลกและไม่ยอมรับต่างหาก ที่ทำให้เขาต้องปิดบังตัวตนความเป็นผู้หญิงของตัวเอง “ใส่กางเกงแล้วเท่ห์” “ชอบเตะบอลเหมือนผู้ชายว่าเท่ห์” “แต่ทำไมพอเป็นอะไรเกี่ยวกับผู้หญิง…มันไม่เท่ห์ล่ะ ทำไมหรอ ใส่กระโปรงแล้วจะเท่ห์ในแบบของผู้หญิงเองไม่ได้หรอ หรือแต่งหน้า ผู้หญิงก็สามารถเท่ห์ได้ไม่ใช่หรอ ทำไมต้องพยายามกดให้พวกเค้าคิดแบบผิดๆว่า “ความเป็นผู้หญิงจ๋า” มันไร้ค่าได้ขนาดนี้วะ
และนี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น ยังมีอีกหลายกรณีเหลือเกินที่ผู้ชายกดขี่เพศหญิงด้วยรสนิยมของตัวเอง โดยที่พวกเขาจะตระหนักบ้างมั้ยว่ามีผู้หญิงหลายคนต้องทุกข์ใจ ต้องปิดบังตัวตน ปิดบังในสิ่งที่เขารัก เพียงเพราะอยากเป็นที่ยอมรับ อยากให้ใครต่อใครเห็นว่าเค้าเป็นผู้หญิงที่ไม่เรื่องมากนะ , น่ารัก , เป็นธรรมชาติ …ทั้งๆที่สิ่งรอบตัวเค้าที่เขาชื่นชอบและรัก ไม่ว่าจะแต่งหน้า ทำผม แต่งตัว หรืออะไรก็แล้วแต่ มันไม่ได้เป็นตัวกำหนดตัวตนและคุณค่าจริงๆของเค้าเลย แต่ผู้ชายหลายคนกลับใช่เปลือกนอกเหล่านี้มาทำร้ายเค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า