สารานุกรมปืนตอนที่ 1235 อำนาจการยิงที่น่ากลัวของกองกำลังเวียดกงและทหารเวียดนามเหนือ

"ขอขอบคุณเพจ Nguyen Military History อย่างสูงครับ"

https://www.facebook.com/NguyenMilitaryHistory/

หากจะกล่าวถึงอำนาจการยิง(Fire Power)ในช่วงสงครามเวียดนาม นั้น ต้องยกให้แก่ กองทัพสหรัฐ ,เวียดนามใต้ และชาติพันธมิตร ด้วยอาวุธสนับสนุน ต่างๆ เช่น ปืนใหญ่ ,การโจมตีทางอากาศ,ปืนใหญ่เรือ , รถถัง ที่มีความรุนแรงเป็นอันมาก.
แต่หากพิจารณาอำนาจการยิงต่อบุคคล(Personal Firepower)แล้ว อาวุธของ กองกำลังเวียดกงและทหารเวียดนามเหนือก็มีอำนาจการยิงที่น่ากลัว โดยเฉพาะช่วงต้นสงคราม ในช่วงต้นสงครามก่อนที่ทหารสหรัฐและชาติพันธมิตรจะเข้ามามีบทบาทเต็มตัว อาวุธที่ใช้กันทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายกองกำลังเวียดกงและทหารเวียดนามใต้ส่วนใหญ่ยังใช้อาวุธยุคเก่า แต่ รูปแบบของการรบเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อ เดือนธันวาคมปี 1964 ได้มีการยึดปืนไรเฟิลจู่โจมแบบ TYPE-56 (AK-47 ผลิตโดยจีน) ตัวปืนมีการตีปีผลิตไว้ที่ ปี 1962 ซึ่งใหม่มาก และหลังจากนั้น อาวุธแบบนี้ได้เริ่มเพิ่มขึ้นในกองกำลังเวียดกง พร้อมๆกับ ปืนแบบ SKS TYPE-56 Carbine และ ปืนกลRPD/Type-56 LMG และ อาวุธอีกชนิดที่ น่ากลัวมาก พร้อมพลังทำลายที่สูง คือ เครื่องยิงแบบ RPG-2 และ RPG-7 ที่สามารถยิงทำยานยนต์ บังเกอร์ได้ พร้อมน้ำหนักที่เบากว่า ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังแบบเก่าที่เคยใช้ และ ด้วยการเข้าแทรกแซงการรบของทหารเวียดนามเหนือ ทหารเวียดนามเหนือได้นำมาอาวุธใหม่ๆเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้การรบของทหารเวียดนามใต้เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะ ทหารส่วนมากยังใช้ปืนรุ่นเก่าเช่น M-1/M-2 carbine , M-1 Garand ,M-3 SMG ,thomson SMG .ปืน BAR. ทางนายทหารเวียดนามใต้ได้พยายามร้องขอความช่วยเหลือเพื่อ ตอบโต้อาวุธใหม่ๆของฝ่ายเวียดกงและทหารเวียดนามเหนือ ความช่วยเหลือแรกจากสหรัฐคือ การให้ ระเบิดแบบ M-18 claymore มาใช้ และ เครื่องยิงลูกระเบิดแบบ M-79 เพื่อเสริมอำนาจการยิง 



ทหารเวียดนามใต้กำลังตรวจสอบอาวุธที่ยึดมาได้
 
แต่สิ่งที่ทางกองทัพเวียดนามใต้อยากได้ คือปืนชนิดใหม่เพื่อประจำการแทน ที่มีความ "ยิงแรง ทันสมัย" ให้ทัดเทียมปืนตระกูล AK-47 ของฝ่ายเวียดกงและทหารเวียดนามเหนือ นั้นก็คือปืนแบบ M-16 เบื้องต้นมีการร้องขอไปจำนวน 170,000 กระบอก แต่ตอนหลังลดลงเหลือ 100,000 กระบอก ในปี 1965 ปืน M-16 มาถึงเวียดนามใต้ แต่ ไม่ได้นำให้ทหารเวียดนามใต้ใช้งาน แต่นำไปให้ทหารอเมริกันใช้งานเป็นหลัก จาก บทบาทการรบที่ ทหารสหรัฐจะทำการรบเชิงรุกเป็นหลัก กับ กำลังหลักของข้าศึก(Main force) 



กองกำลังเวียดกงพร้อมอาวุธครบมือ
 
 ส่วนทหารเวียดนามใต้ทำการป้องกันและทำการรบกับกองกำลังประจำถิ่น(Loacal Force) มีนายพลเวียดนามใต้บางท่านให้ความเห็นว่า ทางพวกเวียดกงประจำถิ่นนั้น ก็เริ่มมีอาวุธตระกูล AK-47 และ อาวุธใหม่ๆ ใช้งานแล้ว แต่ ทหารเวียดนามใต้ยังต้องใช้อาวุธเก่าๆอยู่เลย. จนกระทั้ง ปี 1967 ถึงมีการส่งปืน M-16 ให้แก่ทหารเวียดนามใต้ประจำการโดย ให้หน่วยที่สำคัญๆใช่ก่อนเช่น นาวิกโยธิน , หน่วยรบพิเศษ ,หน่วยเรนเจอร์ ,หน่วยพลร่ม ,กองพลทหารราบที่ 1 เป็นต้น.



กองกำลังเวียดกงพร้อปืนไรเฟิลจู่โจม Type-56 และเครื่องยิง RPG-2 .



ทหารเวียดนามใต้ส่วนหนึ่งยังประจำการด้วยด้วยอาวุธยุคเก่า เช่น ปืน M-1 carbine ปืนกลมือทอมสัน
 
 จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้ต้องมีการเร่งประจำการ ปืน M-16 ให้แก่ทหารเวียดนามใต้คือ ช่วง การรุกใหญ่ในวันตรุษ ปี 1968 (tet offensive) เวียดกงและทหารเวียดนามเหนือทำการโจมตีเมืองใหญ่ต่างๆในเวียดนามใต้พร้อมด้วยอาวุธครบมือ เช่น ปืนตระกูล AK-47 ปืนกล RPD เครื่องยิง RPG ด้วยอำนาจการยิงที่รุนแรง ทำให้ทหารเวียดนามใต้ที่ยังใช้อาวุธ ยุคเก่าต้องประสบความลำบากในการต่อสู้เป็นอย่างมาก ทำให้มีการ ขอปืน M-16 อย่างเร่งด่วนเพื่อส่งมอบให้ ทหารเวียดนามใต้ โดย กระสุนนั้นต้องขอจากคลังกระสุนของอเมริกันในเวียดนามใต้มาใช้งานก่อน และ ปืนบางกระบอกนำเข้าสู่การรบโดยที่ยิงไม่ได้ปรับศูนย์เล็งด้วยซ้ำ(รีบจัด) การประจำการ M-16 และอาวุธใหม่อื่นๆของกองทัพเวียดนามใต้ ทำให้ขวัญกำลังใจทหารดีขึ้นมาก(มีอาวุธ ยิงแรง+ทันสมัย) .ประกอบกับ นโยบาย vietnamization ที่พยายามสร้างกองทัพเวียดนามใต้ให้ยืนด้วยตัวเองได้ จึงมีการส่งมอบปืน ตระกูล M-16 ให้แก่กองทัพเวียดนามใต้จำนวนกว่า 895,308 กระบอก (ข้อมูลวันที่ 15 ธันวาคม ปี 1972).



อาวุธจำนวนมากที่ยึดได้จากเวียดกง



หน่วยตำรวจสนามพร้อมปืน M-2 carbine และ BAR.
 
 

หน่วย Ranger บางหน่วยใน ช่วง TET OFFENSIVE 1968 ยังประจำการด้วยปืน M-2 Carbine.

-ขอบคุณทุกๆท่านที่รับชม หากมีข้อแนะนำประการใดบอกได้เลยนะครับ
แอดมิน Nguyen
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- PERSONAL FIREPOWER VIETNAM WAR.
-THE RVNAF by Lt Gen. Dong Van Jhuyen.






สวัสดีครับ 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่