แฟนไม่ทำงาน ควรไปต่อ หรือพอแค่นี้

ลังเลอยู่นานว่าจะมาตั้งกระทู้ดีมั้ย อยากมาขอความเห็นค่ะ
เริ่มเรื่องเลยนะคะ แฟนอายุ 42 ปีค่ะ มีลูกติด 1 คน กำลังอยู่ในวัยอนุบาล
แฟนเคยมีธุรกิจส่วนตัวแต่ธุรกิจปิดไปหมดแล้ว  ตอนนี้เขาก็หาเงินได้จากวงการ Game NFT วันละประมาณ 300-1000 บาท โดยประมาณ
ส่วน A อายุ 34 ปีค่ะ เป็นเจ้าของธุรกิจ คือตอนนี้เราคบกันมา 4 ปีได้ ด้วยอายุที่เริ่มมากขึ้น A ก็อยากแต่งงานมีลูกค่ะ ในมุมแฟนคือเขาก็มีลูกแล้วและด้วยรายได้ที่ไม่ค่อยมีในตอนนี้ของเขา เขาก็จะตอบทุกครั้งว่ายังไม่พร้อม ส่วนถ้าพูดถึงเรื่องเก็บเงินแต่งงานก็คือหมดสิทธิ์เลย เพราะลำพังแค่ค่าเทอมลูกเข้ายังเก็บแทบไม่พอเลย เราทะเลาะกันบ่อยมาก ทุกครั้งที่ถามเรื่องแต่งงาน เพราะท้ายที่สุดก็จะจบที่คำว่า ก็ไม่มีจะให้ทำยังไง เขาบอก ถ้ามีก็แต่งได้ เขาไม่ติดขัด แต่เขาไม่มี เรื่องไม่มีตรงนี้เราเข้าใจ แต่เรื่องการใช้ชีวิต การดิ้นรนหาเงินก็คือไม่มีเช่นกัน เขาบอกว่าสภาพการล้มของตัวเองไม่ได้ และไม่มีเงินทุนจะไปเริ่มทำธุรกิจอะไรใหม่ เขาไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว ไม่สูบบุหรี่ อยู่บ้าน ดูหนัง เล่นกีต้าร์ คือถ้าในมุมพ่อบ้านก็เป็นพ่อบ้านที่ดีคนนึง แต่ส่วนนึงที่ไม่ออกไปไหนเพราะไม่มีเงินด้วยส่วนนึง ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านก็เลยเป็นเราที่จ่ายทุกอย่าง ค่าบ้านค่าน้ำค่าไฟค่ามือถือ คือแฟนก็ไม่ได้มีส่วนจ่ายค่าอะไรเลย เพราะเขาไม่มีเงิน เงินที่เขาหาได้จาก NFT ก็คือเงินที่เขาจะเก็บให้ลูกได้จริงๆ ซึ่งแน่นอน มันไม่มีเรื่องของการแต่งงานอยู่ในส่วนที่เขาจะเก็บ ในฝั่งเราก็อ่านหลายๆกระทู้
ว่าถ้าแฟนไม่มีเงินเก็บเลย งั้นเราเก็บเงินเองเลยดีมั้ย เรื่องจัดงานไม่เท่าไร เรื่องสินสอดเขาก็ไม่มี เราจะพูดกับพ่อแม่เรายังไงดี มันก็พูดยากนะ เราก็ไม่รู้จะเอ่ยกับพ่อแม่ยังไงดี 
ส่วนเรื่องทำงาน ด้วยความว่าเขาอายุ 42 ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานอื่นเลย ทำงานออฟฟิศไม่เป็น ทำเอกสารไม่เป็น เพราะที่ผ่านมาจ้างลูกน้องทำหมด แต่บริหารเป็นอย่างเดียว แต่ถามว่าได้ไปสมัครงานที่ไหนรึยัง ก็ไปแค่ที่เดียวเอง พอไม่ได้เขาก็ไม่ไปสมัครแล้ว เพราะเขาไม่อยากทำงานใกล้บ้าน กลัวเพื่อนรู้แล้วนินทาว่าจน เขาจะห่วงหน้าตาทางสังคมมาก ในเฟสจะลงว่าชีวิตดี กินดีอยู่ดี ซึ่งของทุกอย่าง และทุกที่ เป็นเงินเราหมดเลย เขาสร้างเปลือกไว้หนามาก แต่ข้างในคือไม่มีอะไรแล้ว เงินเก็บก็ไม่มี เพราะเปลือกที่เขาสร้าง ทำให้เขาไม่หางานอะไรทำเลย หวังเงินจาก nft ซึ่งมันก็ได้แหละ แต่เบ็ดเสร็จเดือนนึงก็จะได้ประมาณ 20,000 บาทได้ แต่มันก็ไม่มั่นคงเลย 

ส่วนปัญหาอื่นๆ นอกจากอนาคตที่ไม่แน่นอนแล้วก็คือ อารมณ์ที่ร้อนมากของเขา ในฝั่งเราที่ทั้งทำงาน หาเงิน ใช้สมองกับงานก็หนักแล้ว ยังต้องมาทะเลาะกับการคุยกันไม่รู้เรื่อง เหมือนคุยกันคนละภาษา ฝั่งเราจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี ฝั่งเขาจะเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ถ้าคุยเรื่องอะไรกันเป็นได้ทะเลาะกัน และมักจะทะเลาะกันเรื่องเล็กๆน้อยๆ คือเขาจะเป็นคนจุกจิกกับเรื่องเล็กน้อยและทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ทุกเรื่อง ทะเลาะจะเลิกกันหลายครั้งและจบด้วยการขอโทษ มีช่วงนึง เราเครียดมากถึงขนาดว่า จะพูดจะทำอะไรก็กลัวว่า จะทำให้เขาหงุดหงิดอาละวาดขึ้นมาอีก ทำให้ไม่อยากพูด และเวลาเขาเดินผ่านก็จะตกใจเหมือนแบบกลัวเขาจะมาหาเรื่องด่าอะไรอีก อยู่แบบหวาดระแวงมาก แต่ในช่วงที่เขาอารมณ์ดี เขาก็จะเป็นคนตลก ทำให้หัวเราะ แต่มันก็บางช่วง คือในหนึ่งวัน เขาก็จะอารมณ์ดี ผสมกับด่าเรา เราก็อยู่แบบเป็นไบโพลาร์มาก เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวปวดหัว 

ในมุมที่ดีของเขาก็คงเป็นเรื่องพ่อบ้านที่ดี  ส่วนเรื่องไม่ดีก็คือ ดูไม่มีอนาคตและอารมณ์ร้อนมาก ไม่พอใจอะไรก็ด่า ด่าเราเสียงดังกลางห้างก็เคย
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ คือเราอยู่ที่บ้านของเขาค่ะ เราเช่าบ้านของเขาทำธุรกิจ โดยเราจ่ายค่าเช่าให้เขาทุกเดือน ซึ่งค่าเช่าที่เราจ่ายให้เขาก็เหมือนเงินช่วยผ่อนบ้านให้เขา เพราะเขาผ่อนบ้านไม่ไหว  ในส่วนตรงนี้ตอนแรกเราจะไปเช่าที่อื่น แต่ในความรักและความดีที่เขาดูแล เว้นในเรื่องอารมณ์ร้อน เราก็เลยมาเช่าที่นี่และหวังว่าสักวันเขาคงจะตั้งใจทำงานและสร้างอนาคต แต่ยิ่งคบกันไปก็ยิ่งทะเลาะกันบ่อย ช่วงนึงบ่อยจนเรานอนร้องไห้ทุกคืน เราเคยบอกเลิกในหลายครั้ง เคยหนีออกมา แต่ทุกครั้งก็จะมีเหตุการณ์รุนแรงค่ะ เช่นทำร้ายสิ่งของของเราที่เรารัก และหนักสุดคือฉุดลากเรา ดึงผมลากเราเข้าห้อง เพราะตอนนั้นเราร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็บอกว่าจะเบาลง จะไม่อาละวาดใส่เราอีก และจบด้วยคำขอโทษ ส่วนของที่เสียหายก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไร เพราะไม่มีเงินซื้อคืนเรา มันเลยเป็นสาเหตุนึงที่เราออกไปจากตรงนี้ไม่ได้สักที เราเคยบอกกับครอบครัวฝั่งแฟน เขาก็จะบอกว่าใจเย็นๆ เวลาแฟนโมโหก็อย่าไปเถียงให้เงียบๆไป เราก็เลยทนต่อไปจนถึงวันนี้ เวลาเขาโมโหเราก็อดทนมานอนร้องไห้คนเดียว เพราะก็ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังแล้ว เคยเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็จะบอกให้ออกมา แต่เราเคยออกแล้วมันออกไปไม่ได้ เค้าล๊อครั้วเราก็เอารถออกไปไม่ได้ เอาของสำคัญเราไปใส่ตู้เซฟ ร้ายแรงสุดของการเลิกกันคือการแจ้งความ  แต่เราก็ยังอยากให้มันจบเรื่องนี้ดีๆ คือเขาก็บอกว่า ถ้าเราหนีไปชีวิตเขาก็พัง เขาก็จะทำชีวิตเราและสิ่งที่เราสร้างมาพังให้หมด ซึ่งทุกครั้งที่เราบอกเลิก เขาก็พังมันจริงๆ  เราก็้เฝ้ารอว่า วันนึงเราจะมีทางออกที่ดี คือเราก็กลัวเขามาอ่านด้วย ขอความเห็นใจคนใกล้ตัวหรือใครที่อ่านอยู่ที่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องราวของเรา ขอความเห็นใจอย่าแคปเรื่องนี้ให้กระจายออกไปถึงเขาและครอบครัว ขอแค่ให้มันอยู่ตรงนี้ เราอยากขอแค่ความคิดเห็นที่ตอนนี้เราก็มืดแปดด้าน ว่าจะมีทางออกไหนที่จะดีขึ้นกว่านี้มั้ย เราก็นั่งถามตัวเองทุกวัน ว่าจะทนต่อไปหรือจะยังไงดี แต่อยู่ด้วยกันมามันก็ต้องรักอยู่แล้ว รวมถึงลูกเขาเราก็รักเพราะเราก็เลี้ยงลูกเขามาตั้งแต่ยังเล็กๆ และลูกเขาก็ติดเรามากๆ  มันก็คือผูกพันธ์ไปแล้ว ฝั่งบ้านเราเราก็ไม่กล้าเล่าให้ฟังทั้งหมด เพราะพ่อแม่เราก็เลี้ยงเรามาอย่างดี เราเคยเล่าแค่เรื่องอารมณ์ร้อนว่าเขาด่าเรา พ่อแม่เราก็บอกว่าออกมาเถอะ ข้าวของที่เราซื้อก็อย่าไปเสียดาย ออกมาตั้งตัวใหม่ คือข้าวของก็หลายแสนที่เราซื้อเอง เราก็เสียดายว่าถ้าเราไปเราก็เอาไปด้วยไม่ได้  มันคือน้ำพักน้ำแรงเราด้วย เราก็เลยอดทนต่อไปเผื่อจะมีทางออกอะไรที่ดีกว่านี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่