รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 49 ปัญหาที่ต้องเผชิญหน้า

รับคำท้าฯ
ตอนที่ 49

สิ้นเสียงปลายทางเขากดวางสายโทรศัพท์ในมือทันที  ปริมาบอกว่ามาถึงที่นัดหมายแล้ว  หนุ่มผมยาวสปีดฝีเท้าอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  ราวกับว่าถ้าเหาะได้  บินได้  หายตัวได้  จะทำทันที  เขาอยากจะไปถึงให้เร็วที่สุดอย่างใจนึกเดี๋ยวนี้เลย   

ปฏิการก้าวลงบันไดทีละสองสามขั้นอย่างรวดเร็ว สามขั้นสุดท้ายเขากระโดดลงบนพื้นชั้นล่างอย่างคล่องแคล่วว่องไว  เลี้ยวมุมตึกข้างหน้านี้คือ สถานที่นัดหมาย  ทันทีที่เท้าเลี้ยวมุมตึกไปนั้น  เขาต้องชะลอฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน!  เท้าที่จะก้าวไปข้างหน้ากลับลังเลไม่แน่ใจ  ถอยกลับมาข้างหลังอย่างช้า ๆ  ทีละก้าว   ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้รู้สึกกลัวและไม่กล้า  

ปริมายืนคุยอยู่กับปกป้องลูกชายคนโตของผู้อำนวยการโรงพยาบาล  

สิ่งที่เพื่อน ๆ เคยพูดกรอกหูเมื่อวันก่อน  ว่าปริมาเป็นแฟนกับหนุ่มรถป้ายแดงคันนั้นขึ้นมารบกวนจิตใจ แม้จะไม่เชื่อ  แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้  เริ่มไม่แน่ใจว่ายัยตัวแสบยังต้องการจะไปกับเขาอยู่รึเปล่า?  หรืออาจจะเปลี่ยนใจไปกับหมอนั่นแล้ว  ถึงจะรับปากกันไว้แล้วก็ตาม  เธอเพียงรอเขาไปพบเพื่อที่จะบอกว่า  จะไปกับคนอื่นเท่านั้นเอง  เขาควรจะเข้าไปไหม  หรือทิ้งเธอเอาไว้กับคนนั้นเลย  จะได้ไม่ต้องได้ยินถ้อยคำบาดใจในอนาคตอันใกล้นี้   จิตใจรู้สึกสับสน  อดนึกเปรียบเทียบตัวเองกับพี่รหัสของเธอ  เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรที่จะสู้กับคน ๆ นั้นได้เลย  ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา  ฐานะ  การเรียน   เขามันไม่เอาไหน  ไม่มีดีอะไรจะเทียบเทียมนายปกป้องได้เลย   และไม่อยากจะไปยื้อแย่งอะไรกับใคร  มันทำให้ต่างฝ่ายต่างเจ็บปวดมากกว่า  ให้เธออยู่กับคนที่หัวใจเธอต้องการ  คงเป็นสิ่งที่เขาควรทำที่สุด

หนุ่มนักดนตรีพยายามหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ  เพื่อผ่อนคลายอารมณ์เครียดและสับสน  พยายามมีสติ   และบอกตัวเองในที่สุดว่า   สิ่งที่เขาคิดสับสนอยู่นี้นั้น  เป็นแค่การคิดไปเองของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว  ไม่ควรยัดเยียดความคิดของตัวเองให้เธอ  ว่าจะคิดอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น  เขาควรกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง  ขอเพียงทำทุกอย่างอย่างเต็มที่  อย่างดีที่สุดก่อน  ได้ให้โอกาสตัวเอง  และให้โอกาสเธอเป็นคนเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง   ที่ผ่านมาปริมาให้ความใกล้ชิด และสนิทใจกับเขามากกว่าพี่รหัสของเธอแน่นอน  เขามั่นใจ  แต่หากวันหนึ่งเธอจะไม่เลือกเขา  เขาก็พร้อมที่จะยอมรับความจริงนั้น!!

ปฏิการตัดสินใจเดินเร็ว ๆ เข้าไปหาปริมาทันที
“ปริม!!”

หญิงสาวหันหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยความเป็นห่วงกังวลมาทางหนุ่มผมยาว

“ให้พี่ไปส่งนะปริม”  ปกป้องขอเป็นสารถีช่วยขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล

“ไปด้วยกันสิ  ปฏิการ”   แล้วหันไปชวนอย่างมีน้ำใจ

ปริมามองเวลาที่ข้อมือ   มองถนนหน้ามหาวิทยาลัย  รถเริ่มติดเป็นแถวยาวตามเคย  สำหรับเวลาช่วงเย็นอย่างนี้
“รถเริ่มติดอีกแล้วพี่ป้อง  ปริมไม่รบกวนพี่ดีกว่า  ขอบคุณมากนะคะ”

ปกป้องจำนนต่อเหตุผลที่เธอไม่รับความช่วยเหลือจากเขาตามเคย
 “พี่เอาใจช่วยนะปริม  ขอให้พี่ปรามปลอดภัยนะ“ 

“ขอบคุณมากค่ะ  ไปก่อนนะคะ”

ปฏิการรู้สึกโล่งอก   ที่เธอไม่เป็นอย่างที่เขาคิดกลัวเอาไว้ก่อนหน้านี้  และดีใจที่ตัดสินใจกล้าเผชิญหน้ากับความจริง   ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดเสมอไป   โดยเฉพาะความคิดในแง่เลวร้าย 
 
***********************
 
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อล่องลอยอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ  เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยสำหรับโรงพยาบาล   คนไข้ที่มารอตรวจรักษาดูบางตา   และทยอยกลับกันไปเกือบหมดแล้ว   พยาบาลในชุดสีขาวสะอาดเดินผ่านไปมา   ลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลเข็นเตียงคนป่วยสายระโยงระยางเข้าไปบ้าง  ออกมาบ้าง 
 
ปรามถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปนานแล้ว  หลังจากได้รับอุบัติเหตุ   เนื่องจากถูกรถเก๋งของเด็กวัยรุ่นที่เมาแล้วขับชนเข้าอย่างแรง  พลิกคว่ำลงข้างทาง   ขณะที่ขับรถกลับจากต่างจังหวัดเมื่อเสร็จงานในกลางดึก   เด็กวัยรุ่นสองคนในรถคันนั้นเสียชีวิตทันที  ถ้าหากตัวเขาเองยังไม่เลิกดื่มเหล้า อาจมีวันหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้  อาจทำให้ตนเองอาจเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ  หากพิการก็ทำให้พ่อลำบากอีก  เลวร้ายกว่านั้นคือ ทำให้คนอื่นต้องบาดเจ็บ  พิการ  และเสียชีวิต  เขาคิดถูกแล้วที่เลิกดื่มเหล้า  และจะไม่ทำงานที่เกี่ยวข้องหรือส่งเสริมให้คนดื่มเหล้าอีกเด็ดขาด

ไฟหน้าห้องฉุกเฉินเปิดสว่างจ้าบอกให้รู้ว่ากำลังปฏิบัติการอยู่  ปริมาเฝ้ามองหน้าห้องฉุกเฉิน     เธอรอคอยประตูสองบานนั้นจะเปิดออกพร้อมกัน  รอคอยหมอที่จะออกมาบอกว่าพี่ชายของเธอปลอดภัย   ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้น  และไม่อยากให้เป็นอย่างอื่นเลย  
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า   เวลาชักช้าเสมอสำหรับการรอคอย   มักจะแกล้งให้คนรอทรมานใจ   เพื่อน ๆ ทยอยกันกลับไปหมดแล้ว   มีเพียงปฏิการที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอเท่านั้น

และแล้วไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง   ประตูห้องฉุกเฉินสองบานนั้นเปิดออก   หมอหนุ่มใหญ่ในชุดสีเขียวเข้ม  มีผ้าปิดจมูกปิดปากเดินออกมา
ปริมารีบวิ่งเข้าไปหาหมออย่างรวดเร็ว   โดยมีปฏิการเดินตามไปติด ๆ

“หมอคะ  เป็นอย่างไรบ้างคะ”  

มือของหมออีกข้างหนึ่งเอื้อมมากุมมือของเด็กสาวเอาไว้   แล้วบีบไว้แน่น  พลางตบมือของเธอเบา ๆ   
“ปริม..”  เสียงหมอเรียกชื่อของเธอดังผ่านผ้าปิดปากปิดจมูกฟังอู้อี้ไม่ชัดเจนนัก

หมอหนุ่มใหญ่ถอดผ้าปิดปากปิดจมูกออก
“ปริม…ปรามปลอดภัยแล้ว”

ปริมามองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงงันด้วยความตกใจ  สมองประมวลผลหน้าตาของบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าขณะนี้ทันที
“พ่อ…!!”   

น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ในดวงตาสวยคู่นั้น    ภาพแม่แอบร้องไห้ทุกวันทุกคืนอย่างเศร้าโศกเสียใจที่พ่อไปมีผู้หญิงคนอื่นปรากฏอยู่ในห้วงนึกจนจำติดตา  ไม่มีวันลืม   ปริมาดึงมือของตัวเองออกจากการกุมไว้ของบิดา

“ปริม…”  
เขาสัมผัสได้ว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอไม่ยอมรับ และไม่ให้อภัยเขา   มือที่เอื้อมไปหวังจะได้โอบกอดลูกสาวสักครั้งถูกดึงกลับมาทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดหวัง

“พ่อขอโทษ  สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา”  แม้จะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดประโยคนี้   แต่เขาก็อยากจะบอกกับลูกอีกครั้ง

“พ่อขอดูแลปรามนะ  ถึงอาการของปรามพ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง  แต่ยังไม่รู้ว่าสมองจะได้รับการกระทบกระเทือนขนาดไหน  ต้องรอให้รู้สึกตัวก่อน   ให้พ่อได้มีโอกาสดูแลปรามนะลูก  ขอให้พ่อได้ทำหน้าที่ของพ่อที่ควรจะดูแลลูก ๆ บ้าง”  สายตานั้นเต็มไปด้วยคำขอร้อง  และเป็นห่วงเป็นใยสุดประมาณ  
ปริมานิ่งเงียบไม่ตอบ  ราวกับเป็นการตอบปฏิเสธอยู่ในที  เธอเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน  สายตาแสนห่วงใย  มองทะลุกระจกสี่เหลี่ยมช่องแคบ ๆ เข้าไปเฝ้ามองพี่ชาย  คนที่เธอรักที่สุด

หมอหนุ่มใหญ่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง  ก่อนมองไปทางหนุ่มผมยาว 

“ผมชื่อปฏิการครับ  เป็นเพื่อนของปรามและปริม”  เขาแนะนำตัวเอง มองหน้าบุรุษในชุดสีเขียวเข้ม

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ   ผมจะดูแลเธออย่างดีที่สุด”

หมอหนุ่มใหญ่พยักหน้ารับรู้  มองชายหนุ่มตรงหน้านิ่งงัน เขาจำได้ พ่อหนุ่มคนนี้คือลูกชายของภรรยาของเขา ไม่มีถ้อยคำหลุดออกจากปากหมออีกเลย  ด้วยความรู้สึกข้างในมันย่ำแย่จนไม่อาจจะพูดคำใดได้อีก 

ปฏิการเดินไปตามปริมาที่ยืนเฝ้ามองอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน 
“ปริมเรากลับกันเถอะนะ”  

คนถูกเรียกนิ่งเงียบราวกับไม่ได้ยิน…

ปฏิการเอื้อมมือดึงมือน้องสาวเพื่อนให้เดินตามมา  

หญิงสาวหันมามอง  สายตาคู่นั้นดูกังวลและเศร้าสร้อยเหลือเกิน

หนุ่มผมยาวจึงพยักหน้าอีกครั้ง  “พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่นะ  ตอนนี้ให้ปรามเขาพักผ่อนก่อน”

สาวชาวสวนปล่อยให้เพื่อนพี่ชายจูงมือ  และเดินตามเขาไปแต่โดยดี   แต่ทว่าสายตายังคงมองเหลียวหลังอยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉิน  เขากระชับมือของเธอแน่นขึ้น  อยากบอกให้รู้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม 
 
******************************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่