รับคำท้าฯ
ตอนที่ 49
สิ้นเสียงปลายทางเขากดวางสายโทรศัพท์ในมือทันที ปริมาบอกว่ามาถึงที่นัดหมายแล้ว หนุ่มผมยาวสปีดฝีเท้าอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ราวกับว่าถ้าเหาะได้ บินได้ หายตัวได้ จะทำทันที เขาอยากจะไปถึงให้เร็วที่สุดอย่างใจนึกเดี๋ยวนี้เลย
ปฏิการก้าวลงบันไดทีละสองสามขั้นอย่างรวดเร็ว สามขั้นสุดท้ายเขากระโดดลงบนพื้นชั้นล่างอย่างคล่องแคล่วว่องไว เลี้ยวมุมตึกข้างหน้านี้คือ สถานที่นัดหมาย ทันทีที่เท้าเลี้ยวมุมตึกไปนั้น เขาต้องชะลอฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน! เท้าที่จะก้าวไปข้างหน้ากลับลังเลไม่แน่ใจ ถอยกลับมาข้างหลังอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้รู้สึกกลัวและไม่กล้า
ปริมายืนคุยอยู่กับปกป้องลูกชายคนโตของผู้อำนวยการโรงพยาบาล
สิ่งที่เพื่อน ๆ เคยพูดกรอกหูเมื่อวันก่อน ว่าปริมาเป็นแฟนกับหนุ่มรถป้ายแดงคันนั้นขึ้นมารบกวนจิตใจ แม้จะไม่เชื่อ แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เริ่มไม่แน่ใจว่ายัยตัวแสบยังต้องการจะไปกับเขาอยู่รึเปล่า? หรืออาจจะเปลี่ยนใจไปกับหมอนั่นแล้ว ถึงจะรับปากกันไว้แล้วก็ตาม เธอเพียงรอเขาไปพบเพื่อที่จะบอกว่า จะไปกับคนอื่นเท่านั้นเอง เขาควรจะเข้าไปไหม หรือทิ้งเธอเอาไว้กับคนนั้นเลย จะได้ไม่ต้องได้ยินถ้อยคำบาดใจในอนาคตอันใกล้นี้ จิตใจรู้สึกสับสน อดนึกเปรียบเทียบตัวเองกับพี่รหัสของเธอ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรที่จะสู้กับคน ๆ นั้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะ การเรียน เขามันไม่เอาไหน ไม่มีดีอะไรจะเทียบเทียมนายปกป้องได้เลย และไม่อยากจะไปยื้อแย่งอะไรกับใคร มันทำให้ต่างฝ่ายต่างเจ็บปวดมากกว่า ให้เธออยู่กับคนที่หัวใจเธอต้องการ คงเป็นสิ่งที่เขาควรทำที่สุด
หนุ่มนักดนตรีพยายามหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ เพื่อผ่อนคลายอารมณ์เครียดและสับสน พยายามมีสติ และบอกตัวเองในที่สุดว่า สิ่งที่เขาคิดสับสนอยู่นี้นั้น เป็นแค่การคิดไปเองของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่ควรยัดเยียดความคิดของตัวเองให้เธอ ว่าจะคิดอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น เขาควรกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ขอเพียงทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ อย่างดีที่สุดก่อน ได้ให้โอกาสตัวเอง และให้โอกาสเธอเป็นคนเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาปริมาให้ความใกล้ชิด และสนิทใจกับเขามากกว่าพี่รหัสของเธอแน่นอน เขามั่นใจ แต่หากวันหนึ่งเธอจะไม่เลือกเขา เขาก็พร้อมที่จะยอมรับความจริงนั้น!!
ปฏิการตัดสินใจเดินเร็ว ๆ เข้าไปหาปริมาทันที
“ปริม!!”
หญิงสาวหันหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยความเป็นห่วงกังวลมาทางหนุ่มผมยาว
“ให้พี่ไปส่งนะปริม” ปกป้องขอเป็นสารถีช่วยขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล
“ไปด้วยกันสิ ปฏิการ” แล้วหันไปชวนอย่างมีน้ำใจ
ปริมามองเวลาที่ข้อมือ มองถนนหน้ามหาวิทยาลัย รถเริ่มติดเป็นแถวยาวตามเคย สำหรับเวลาช่วงเย็นอย่างนี้
“รถเริ่มติดอีกแล้วพี่ป้อง ปริมไม่รบกวนพี่ดีกว่า ขอบคุณมากนะคะ”
ปกป้องจำนนต่อเหตุผลที่เธอไม่รับความช่วยเหลือจากเขาตามเคย
“พี่เอาใจช่วยนะปริม ขอให้พี่ปรามปลอดภัยนะ“
“ขอบคุณมากค่ะ ไปก่อนนะคะ”
ปฏิการรู้สึกโล่งอก ที่เธอไม่เป็นอย่างที่เขาคิดกลัวเอาไว้ก่อนหน้านี้ และดีใจที่ตัดสินใจกล้าเผชิญหน้ากับความจริง ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดเสมอไป โดยเฉพาะความคิดในแง่เลวร้าย
***********************
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อล่องลอยอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยสำหรับโรงพยาบาล คนไข้ที่มารอตรวจรักษาดูบางตา และทยอยกลับกันไปเกือบหมดแล้ว พยาบาลในชุดสีขาวสะอาดเดินผ่านไปมา ลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลเข็นเตียงคนป่วยสายระโยงระยางเข้าไปบ้าง ออกมาบ้าง
ปรามถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปนานแล้ว หลังจากได้รับอุบัติเหตุ เนื่องจากถูกรถเก๋งของเด็กวัยรุ่นที่เมาแล้วขับชนเข้าอย่างแรง พลิกคว่ำลงข้างทาง ขณะที่ขับรถกลับจากต่างจังหวัดเมื่อเสร็จงานในกลางดึก เด็กวัยรุ่นสองคนในรถคันนั้นเสียชีวิตทันที ถ้าหากตัวเขาเองยังไม่เลิกดื่มเหล้า อาจมีวันหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ อาจทำให้ตนเองอาจเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ หากพิการก็ทำให้พ่อลำบากอีก เลวร้ายกว่านั้นคือ ทำให้คนอื่นต้องบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต เขาคิดถูกแล้วที่เลิกดื่มเหล้า และจะไม่ทำงานที่เกี่ยวข้องหรือส่งเสริมให้คนดื่มเหล้าอีกเด็ดขาด
ไฟหน้าห้องฉุกเฉินเปิดสว่างจ้าบอกให้รู้ว่ากำลังปฏิบัติการอยู่ ปริมาเฝ้ามองหน้าห้องฉุกเฉิน เธอรอคอยประตูสองบานนั้นจะเปิดออกพร้อมกัน รอคอยหมอที่จะออกมาบอกว่าพี่ชายของเธอปลอดภัย ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้น และไม่อยากให้เป็นอย่างอื่นเลย
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เวลาชักช้าเสมอสำหรับการรอคอย มักจะแกล้งให้คนรอทรมานใจ เพื่อน ๆ ทยอยกันกลับไปหมดแล้ว มีเพียงปฏิการที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอเท่านั้น
และแล้วไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง ประตูห้องฉุกเฉินสองบานนั้นเปิดออก หมอหนุ่มใหญ่ในชุดสีเขียวเข้ม มีผ้าปิดจมูกปิดปากเดินออกมา
ปริมารีบวิ่งเข้าไปหาหมออย่างรวดเร็ว โดยมีปฏิการเดินตามไปติด ๆ
“หมอคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ”
มือของหมออีกข้างหนึ่งเอื้อมมากุมมือของเด็กสาวเอาไว้ แล้วบีบไว้แน่น พลางตบมือของเธอเบา ๆ
“ปริม..” เสียงหมอเรียกชื่อของเธอดังผ่านผ้าปิดปากปิดจมูกฟังอู้อี้ไม่ชัดเจนนัก
หมอหนุ่มใหญ่ถอดผ้าปิดปากปิดจมูกออก
“ปริม…ปรามปลอดภัยแล้ว”
ปริมามองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงงันด้วยความตกใจ สมองประมวลผลหน้าตาของบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าขณะนี้ทันที
“พ่อ…!!”
น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ในดวงตาสวยคู่นั้น ภาพแม่แอบร้องไห้ทุกวันทุกคืนอย่างเศร้าโศกเสียใจที่พ่อไปมีผู้หญิงคนอื่นปรากฏอยู่ในห้วงนึกจนจำติดตา ไม่มีวันลืม ปริมาดึงมือของตัวเองออกจากการกุมไว้ของบิดา
“ปริม…”
เขาสัมผัสได้ว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอไม่ยอมรับ และไม่ให้อภัยเขา มือที่เอื้อมไปหวังจะได้โอบกอดลูกสาวสักครั้งถูกดึงกลับมาทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดหวัง
“พ่อขอโทษ สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา” แม้จะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดประโยคนี้ แต่เขาก็อยากจะบอกกับลูกอีกครั้ง
“พ่อขอดูแลปรามนะ ถึงอาการของปรามพ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง แต่ยังไม่รู้ว่าสมองจะได้รับการกระทบกระเทือนขนาดไหน ต้องรอให้รู้สึกตัวก่อน ให้พ่อได้มีโอกาสดูแลปรามนะลูก ขอให้พ่อได้ทำหน้าที่ของพ่อที่ควรจะดูแลลูก ๆ บ้าง” สายตานั้นเต็มไปด้วยคำขอร้อง และเป็นห่วงเป็นใยสุดประมาณ
ปริมานิ่งเงียบไม่ตอบ ราวกับเป็นการตอบปฏิเสธอยู่ในที เธอเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สายตาแสนห่วงใย มองทะลุกระจกสี่เหลี่ยมช่องแคบ ๆ เข้าไปเฝ้ามองพี่ชาย คนที่เธอรักที่สุด
หมอหนุ่มใหญ่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนมองไปทางหนุ่มผมยาว
“ผมชื่อปฏิการครับ เป็นเพื่อนของปรามและปริม” เขาแนะนำตัวเอง มองหน้าบุรุษในชุดสีเขียวเข้ม
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลเธออย่างดีที่สุด”
หมอหนุ่มใหญ่พยักหน้ารับรู้ มองชายหนุ่มตรงหน้านิ่งงัน เขาจำได้ พ่อหนุ่มคนนี้คือลูกชายของภรรยาของเขา ไม่มีถ้อยคำหลุดออกจากปากหมออีกเลย ด้วยความรู้สึกข้างในมันย่ำแย่จนไม่อาจจะพูดคำใดได้อีก
ปฏิการเดินไปตามปริมาที่ยืนเฝ้ามองอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน
“ปริมเรากลับกันเถอะนะ”
คนถูกเรียกนิ่งเงียบราวกับไม่ได้ยิน…
ปฏิการเอื้อมมือดึงมือน้องสาวเพื่อนให้เดินตามมา
หญิงสาวหันมามอง สายตาคู่นั้นดูกังวลและเศร้าสร้อยเหลือเกิน
หนุ่มผมยาวจึงพยักหน้าอีกครั้ง “พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่นะ ตอนนี้ให้ปรามเขาพักผ่อนก่อน”
สาวชาวสวนปล่อยให้เพื่อนพี่ชายจูงมือ และเดินตามเขาไปแต่โดยดี แต่ทว่าสายตายังคงมองเหลียวหลังอยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉิน เขากระชับมือของเธอแน่นขึ้น อยากบอกให้รู้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
******************************
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 49 ปัญหาที่ต้องเผชิญหน้า
ตอนที่ 49
สิ้นเสียงปลายทางเขากดวางสายโทรศัพท์ในมือทันที ปริมาบอกว่ามาถึงที่นัดหมายแล้ว หนุ่มผมยาวสปีดฝีเท้าอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ราวกับว่าถ้าเหาะได้ บินได้ หายตัวได้ จะทำทันที เขาอยากจะไปถึงให้เร็วที่สุดอย่างใจนึกเดี๋ยวนี้เลย
ปฏิการก้าวลงบันไดทีละสองสามขั้นอย่างรวดเร็ว สามขั้นสุดท้ายเขากระโดดลงบนพื้นชั้นล่างอย่างคล่องแคล่วว่องไว เลี้ยวมุมตึกข้างหน้านี้คือ สถานที่นัดหมาย ทันทีที่เท้าเลี้ยวมุมตึกไปนั้น เขาต้องชะลอฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน! เท้าที่จะก้าวไปข้างหน้ากลับลังเลไม่แน่ใจ ถอยกลับมาข้างหลังอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้รู้สึกกลัวและไม่กล้า
ปริมายืนคุยอยู่กับปกป้องลูกชายคนโตของผู้อำนวยการโรงพยาบาล
สิ่งที่เพื่อน ๆ เคยพูดกรอกหูเมื่อวันก่อน ว่าปริมาเป็นแฟนกับหนุ่มรถป้ายแดงคันนั้นขึ้นมารบกวนจิตใจ แม้จะไม่เชื่อ แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เริ่มไม่แน่ใจว่ายัยตัวแสบยังต้องการจะไปกับเขาอยู่รึเปล่า? หรืออาจจะเปลี่ยนใจไปกับหมอนั่นแล้ว ถึงจะรับปากกันไว้แล้วก็ตาม เธอเพียงรอเขาไปพบเพื่อที่จะบอกว่า จะไปกับคนอื่นเท่านั้นเอง เขาควรจะเข้าไปไหม หรือทิ้งเธอเอาไว้กับคนนั้นเลย จะได้ไม่ต้องได้ยินถ้อยคำบาดใจในอนาคตอันใกล้นี้ จิตใจรู้สึกสับสน อดนึกเปรียบเทียบตัวเองกับพี่รหัสของเธอ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรที่จะสู้กับคน ๆ นั้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะ การเรียน เขามันไม่เอาไหน ไม่มีดีอะไรจะเทียบเทียมนายปกป้องได้เลย และไม่อยากจะไปยื้อแย่งอะไรกับใคร มันทำให้ต่างฝ่ายต่างเจ็บปวดมากกว่า ให้เธออยู่กับคนที่หัวใจเธอต้องการ คงเป็นสิ่งที่เขาควรทำที่สุด
หนุ่มนักดนตรีพยายามหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ เพื่อผ่อนคลายอารมณ์เครียดและสับสน พยายามมีสติ และบอกตัวเองในที่สุดว่า สิ่งที่เขาคิดสับสนอยู่นี้นั้น เป็นแค่การคิดไปเองของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่ควรยัดเยียดความคิดของตัวเองให้เธอ ว่าจะคิดอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น เขาควรกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ขอเพียงทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ อย่างดีที่สุดก่อน ได้ให้โอกาสตัวเอง และให้โอกาสเธอเป็นคนเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาปริมาให้ความใกล้ชิด และสนิทใจกับเขามากกว่าพี่รหัสของเธอแน่นอน เขามั่นใจ แต่หากวันหนึ่งเธอจะไม่เลือกเขา เขาก็พร้อมที่จะยอมรับความจริงนั้น!!
ปฏิการตัดสินใจเดินเร็ว ๆ เข้าไปหาปริมาทันที
“ปริม!!”
หญิงสาวหันหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยความเป็นห่วงกังวลมาทางหนุ่มผมยาว
“ให้พี่ไปส่งนะปริม” ปกป้องขอเป็นสารถีช่วยขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล
“ไปด้วยกันสิ ปฏิการ” แล้วหันไปชวนอย่างมีน้ำใจ
ปริมามองเวลาที่ข้อมือ มองถนนหน้ามหาวิทยาลัย รถเริ่มติดเป็นแถวยาวตามเคย สำหรับเวลาช่วงเย็นอย่างนี้
“รถเริ่มติดอีกแล้วพี่ป้อง ปริมไม่รบกวนพี่ดีกว่า ขอบคุณมากนะคะ”
ปกป้องจำนนต่อเหตุผลที่เธอไม่รับความช่วยเหลือจากเขาตามเคย
“พี่เอาใจช่วยนะปริม ขอให้พี่ปรามปลอดภัยนะ“
“ขอบคุณมากค่ะ ไปก่อนนะคะ”
ปฏิการรู้สึกโล่งอก ที่เธอไม่เป็นอย่างที่เขาคิดกลัวเอาไว้ก่อนหน้านี้ และดีใจที่ตัดสินใจกล้าเผชิญหน้ากับความจริง ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดเสมอไป โดยเฉพาะความคิดในแง่เลวร้าย
***********************
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อล่องลอยอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยสำหรับโรงพยาบาล คนไข้ที่มารอตรวจรักษาดูบางตา และทยอยกลับกันไปเกือบหมดแล้ว พยาบาลในชุดสีขาวสะอาดเดินผ่านไปมา ลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลเข็นเตียงคนป่วยสายระโยงระยางเข้าไปบ้าง ออกมาบ้าง
ปรามถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปนานแล้ว หลังจากได้รับอุบัติเหตุ เนื่องจากถูกรถเก๋งของเด็กวัยรุ่นที่เมาแล้วขับชนเข้าอย่างแรง พลิกคว่ำลงข้างทาง ขณะที่ขับรถกลับจากต่างจังหวัดเมื่อเสร็จงานในกลางดึก เด็กวัยรุ่นสองคนในรถคันนั้นเสียชีวิตทันที ถ้าหากตัวเขาเองยังไม่เลิกดื่มเหล้า อาจมีวันหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ อาจทำให้ตนเองอาจเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ หากพิการก็ทำให้พ่อลำบากอีก เลวร้ายกว่านั้นคือ ทำให้คนอื่นต้องบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต เขาคิดถูกแล้วที่เลิกดื่มเหล้า และจะไม่ทำงานที่เกี่ยวข้องหรือส่งเสริมให้คนดื่มเหล้าอีกเด็ดขาด
ไฟหน้าห้องฉุกเฉินเปิดสว่างจ้าบอกให้รู้ว่ากำลังปฏิบัติการอยู่ ปริมาเฝ้ามองหน้าห้องฉุกเฉิน เธอรอคอยประตูสองบานนั้นจะเปิดออกพร้อมกัน รอคอยหมอที่จะออกมาบอกว่าพี่ชายของเธอปลอดภัย ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้น และไม่อยากให้เป็นอย่างอื่นเลย
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เวลาชักช้าเสมอสำหรับการรอคอย มักจะแกล้งให้คนรอทรมานใจ เพื่อน ๆ ทยอยกันกลับไปหมดแล้ว มีเพียงปฏิการที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอเท่านั้น
และแล้วไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง ประตูห้องฉุกเฉินสองบานนั้นเปิดออก หมอหนุ่มใหญ่ในชุดสีเขียวเข้ม มีผ้าปิดจมูกปิดปากเดินออกมา
ปริมารีบวิ่งเข้าไปหาหมออย่างรวดเร็ว โดยมีปฏิการเดินตามไปติด ๆ
“หมอคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ”
มือของหมออีกข้างหนึ่งเอื้อมมากุมมือของเด็กสาวเอาไว้ แล้วบีบไว้แน่น พลางตบมือของเธอเบา ๆ
“ปริม..” เสียงหมอเรียกชื่อของเธอดังผ่านผ้าปิดปากปิดจมูกฟังอู้อี้ไม่ชัดเจนนัก
หมอหนุ่มใหญ่ถอดผ้าปิดปากปิดจมูกออก
“ปริม…ปรามปลอดภัยแล้ว”
ปริมามองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงงันด้วยความตกใจ สมองประมวลผลหน้าตาของบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าขณะนี้ทันที
“พ่อ…!!”
น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ในดวงตาสวยคู่นั้น ภาพแม่แอบร้องไห้ทุกวันทุกคืนอย่างเศร้าโศกเสียใจที่พ่อไปมีผู้หญิงคนอื่นปรากฏอยู่ในห้วงนึกจนจำติดตา ไม่มีวันลืม ปริมาดึงมือของตัวเองออกจากการกุมไว้ของบิดา
“ปริม…”
เขาสัมผัสได้ว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอไม่ยอมรับ และไม่ให้อภัยเขา มือที่เอื้อมไปหวังจะได้โอบกอดลูกสาวสักครั้งถูกดึงกลับมาทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดหวัง
“พ่อขอโทษ สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา” แม้จะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดประโยคนี้ แต่เขาก็อยากจะบอกกับลูกอีกครั้ง
“พ่อขอดูแลปรามนะ ถึงอาการของปรามพ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง แต่ยังไม่รู้ว่าสมองจะได้รับการกระทบกระเทือนขนาดไหน ต้องรอให้รู้สึกตัวก่อน ให้พ่อได้มีโอกาสดูแลปรามนะลูก ขอให้พ่อได้ทำหน้าที่ของพ่อที่ควรจะดูแลลูก ๆ บ้าง” สายตานั้นเต็มไปด้วยคำขอร้อง และเป็นห่วงเป็นใยสุดประมาณ
ปริมานิ่งเงียบไม่ตอบ ราวกับเป็นการตอบปฏิเสธอยู่ในที เธอเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สายตาแสนห่วงใย มองทะลุกระจกสี่เหลี่ยมช่องแคบ ๆ เข้าไปเฝ้ามองพี่ชาย คนที่เธอรักที่สุด
หมอหนุ่มใหญ่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนมองไปทางหนุ่มผมยาว
“ผมชื่อปฏิการครับ เป็นเพื่อนของปรามและปริม” เขาแนะนำตัวเอง มองหน้าบุรุษในชุดสีเขียวเข้ม
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลเธออย่างดีที่สุด”
หมอหนุ่มใหญ่พยักหน้ารับรู้ มองชายหนุ่มตรงหน้านิ่งงัน เขาจำได้ พ่อหนุ่มคนนี้คือลูกชายของภรรยาของเขา ไม่มีถ้อยคำหลุดออกจากปากหมออีกเลย ด้วยความรู้สึกข้างในมันย่ำแย่จนไม่อาจจะพูดคำใดได้อีก
ปฏิการเดินไปตามปริมาที่ยืนเฝ้ามองอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน
“ปริมเรากลับกันเถอะนะ”
คนถูกเรียกนิ่งเงียบราวกับไม่ได้ยิน…
ปฏิการเอื้อมมือดึงมือน้องสาวเพื่อนให้เดินตามมา
หญิงสาวหันมามอง สายตาคู่นั้นดูกังวลและเศร้าสร้อยเหลือเกิน
หนุ่มผมยาวจึงพยักหน้าอีกครั้ง “พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่นะ ตอนนี้ให้ปรามเขาพักผ่อนก่อน”
สาวชาวสวนปล่อยให้เพื่อนพี่ชายจูงมือ และเดินตามเขาไปแต่โดยดี แต่ทว่าสายตายังคงมองเหลียวหลังอยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉิน เขากระชับมือของเธอแน่นขึ้น อยากบอกให้รู้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
******************************