รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 48 เหตุร้าย

รับคำท้าฯ
ตอนที่ 48
 
เสียงสัญญาณไลน์ดังขึ้นหลายครั้ง แสดงว่ามีข้อความเข้า  หนุ่มใหญ่รีบกดโทรศัพท์เปิดดูทันที  เขาอ่านข้อความนั้นด้วยความแปลกใจที่สุด

“ใครไลน์มาหรือคะ”  ปัถยามองหน้าสามีมีปฏิกิริยาเปลี่ยนไป ดูผ่อนคลายมากขึ้น

“การ”  ศัลยแพทย์ใหญ่ตอบสั้น ๆ  เขาแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลย  ประโยคสุดท้ายของข้อความ  ลูกชายขอโทษเขา  ถ้าเป็นแต่ก่อนเวลามีเรื่องทะเลาะกันแบบนี้ ลูกจะไลน์มาบอกเพียงว่า ไม่กลับบ้าน อยู่บ้านเพื่อน  ไม่เคยขอโทษไม่เคยพูดอะไรยาวขนาดนี้เลย

“การ อยู่ไหนคะ”

“บ้านเพื่อน”  เขาส่งโทรศัพท์ในมือให้ปัถยาดูข้อความจากลูกชายตัวแสบ

ภรรยาหันมายิ้มให้คนเป็นพ่อหลังจากอ่านข้อความนั้น แล้วส่งคืนโทรศัพท์ให้เขา  เอื้อมมือมากุมมือหมอหนุ่มใหญ่เอาไว้
“หนูปริมาไม่ทำธรรมดานะคะ  ทำให้ลูกชายของคุณเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ขนาดนี้  การ เหมือนคุณตอนหนุ่ม ๆ มาก  ตอนคุณตามจีบปาริชาติก็เป็นแบบนี้ ทางบ้านไม่เห็นด้วย ตัดคุณออกจากกองมรดก คุณก็ยอมเพื่อให้ได้แต่งงานกับเธอไม่ใช่เหรอคะ”  ปัถยาจำได้ดีว่า สามียอมแตกหักกับทางบ้านเพื่อได้แต่งงานกับคนที่เขารัก

“เลือดพ่อแรงมาก” ปัถยาหัวเราะเบา ๆ ทำให้หนุ่มใหญ่ยิ้มออกมาได้  ตอนเขาเป็นหนุ่มนั้นก็เอาเรื่องน่าดูเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ ไม่เคยยอมใครทั้งนั้น และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้คนรักมาแม้จะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องก็ตาม

“ตั้งแต่ การ รู้จักกับหนูปริม ก็มีแต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเสมอ  คุณยอมลูกเถอะนะคะ ลองเปิดใจเชิญหนูปริมมาทานข้าวที่บ้านเราดีไหม จะได้ทำความรู้จักกัน  จะว่าไปที่คุณหายจากโรคหัวใจก็เพราะหนูปริมคอยให้คำแนะนำเหมือนกันนะคะ”  ปัถยาพยายามอธิบายเหตุผลให้สามีเปลี่ยนใจและยอมรับ ปล่อยให้ลูกชายได้เลือกคนรักด้วยตัวเอง

ปัณณวัตร์นั่งนิ่งเงียบ  แม้จะรู้สึกชื่นชมปริมาที่ทำให้ลูกชายของเขาเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นได้ขนาดนี้  แต่อย่างไรเสียเขามีพันธะสัญญากับผู้อำนวยการโรงพยาบาล  ถ้าปฏิการแต่งงานกับปักษา  อนาคตของลูกชายจะมีแต่ความรุ่งเรือง มีฐานะ มีหน้ามีตา มีอนาคตที่ดีมั่นคงแน่นอน
 
*********************

สามเดือนที่ปฏิการได้ตั้งใจจะพยายามเป็นเพื่อนกับปริมาอย่างแท้จริง  จะไม่ทวงสัญญากับเธอ  จะไม่เดินตามเธอ  จะไม่ไปหาเธอบ่อย ๆ ถ้าไม่จำเป็น  จะไม่ทำตัวเกินฐานะเพื่อนที่พึงกระทำ   เขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างมาก    ต้องต่อสู้กับความต้องการที่มีอยู่ข้างใน   แต่ทว่าสามเดือนที่ผ่านมานั้นหัวใจของเขาก็ยังไม่อาจเป็นเพื่อนกับเธอได้อย่างสนิทใจอยู่ดี  แม้จะได้พยายามแล้วพยายามอีกก็ตาม

แผนพยายามเป็นเพื่อนกับเธอได้ผลดีเกินคาด  ปริมาให้ความเป็นกันเองกับเขามากขึ้น  ให้ความคุ้นเคยและสนิทสนมกับเขามากกว่าเดิม  และปฏิกิริยาของเธอมีผลต่อความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน  ที่กลับรู้สึกชอบความเป็นเธอมากขึ้น  และมากขึ้นเรื่อย ๆ

หนุ่มหน้าหวานเอื้อมมือหยิบกีต้าร์ตัวโปรดข้างตัวขึ้นมาเกาเบา ๆ  พยายามหาอะไรทำเพื่อให้ความคิดถึงเธอเหลือเกินเลือนหายไปบ้าง  ตอนนี้เขาเข้าชมรมดนตรีทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยมากขึ้น          เวลาที่จะหมกมุ่นคิดถึงยัยตัวแสบจึงมีน้อยลง  แต่ทว่าก็ยังมีเวลาคิดถึงเธอเสมอ

“ไอ้การไปกินเหล้ากันนะคืนนี้”  เพื่อนตะโกนบอกตั้งแต่โผล่หน้าเข้าประตูชมรมมา

ปฏิการยิ้ม  “ไม่ล่ะ  ขอบใจนะ”

“เฮ้ย!  อะไรวะ  แกจะเลิกกินเหล้าเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งจริงหรือวะ  แล้วตกลงเขาสนใจแกรึเปล่า  เห็นได้แต่นั่งแอบคิดถึงเขาข้างเดียวนี่หว่า   ยังต้องทำตามสัญญาอะไรที่ให้ไว้กับเขาอยู่อีกเหรอ  ข้าว่า  แกจะแห้วซะมากกว่าละมั้ง” เพื่อนคนหนึ่งเดินเร็ว ๆ เข้ามานั่งที่เก้าอี้ว่างตรงกันข้ามปากก็พูดไปเรื่อยเปื่อย

“ตอนนี้...ข้าไม่ได้รักษาสัญญาที่ให้กับปริมไว้แล้วล่ะ  เพราะว่า  มันเป็นตัวของข้าเองแล้ว  ไม่รู้ทำไม  มันไม่อยากไปใช้ชีวิตอย่างนั้นอีกแล้ว   ข้าตั้งใจอยากทำอะไรที่ดีมีประโยชน์  อยากตั้งใจเรียนให้ดีเพื่อพ่อบ้างเท่านั้นเอง”

“เป็นได้ถึงเพียงนี้นะ  เพื่อนเรา  ไม่น่าเชื่อเลย”  เพื่อนเขาได้แต่เกาหัวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“เฮ้ย!  การ งั้นแกไปช่วยเล่นดนตรีให้วงเพื่อนข้าหน่อยสิ  ร้องเพลงอยู่ที่ร้านอาหารน่ะ  ได้มั้ย” ปณตเอ่ยขึ้น

“ขอโทษนะ  ไม่ดีกว่า” ปฏิการปฏิเสธ

“เงินนะเว้ย  การ! ไม่เอาเหรอ  ไม่เห็นผิดสัญญากับปริมซะหน่อยนี่นา”  เขารู้สึกงงมาก แต่ก่อนชวนไปเล่นดนตรีร้องเพลงที่ไหนก็ไปด้วยกันตลอด  แต่เดี๋ยวนี้จะเลือกงานถ้าเป็นงานในร้านเหล้า ในผับบาร์คาราโอเกะก็จะไม่ยอมรับงานเลย

“ฉันไม่อยากไปทำงานที่สนับสนุนให้คนต้องดื่มเหล้าเสียเงินเสียทอง  เสียสุขภาพ  และเสียอะไรต่ออะไรอีกมากมายตามมาอีกแล้ว”

“ไอ้การ  แกมัวแต่รักษาสัญญาบ้าบออยู่อีก  ปริมมีแฟนใหม่ไปแล้ว  ข้าเห็นปริมนั่งรถไปกับหนุ่มหล่อรถป้ายแดงนะเว้ย”  เพื่อนอีกคนหมั่นไส้พูดความจริงปนเรื่องโกหกไปบ้าง

ปฏิการชะงักเล็กน้อย ไม่อยากเชื่อคำพูดของเพื่อน    เพราะคิดว่ารู้จักนิสัยของปริมาดี  เธอไม่ใช่คนที่จะคบใครเป็นแฟนง่าย ๆ  หรือแม้แต่ยอมรับของใคร  ความช่วยเหลือจากใครง่าย ๆ  ด้วยซ้ำไป  เขาเชื่อว่าเธอต้องมีเหตุผลเสมอ   แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกหวั่นไหวในใจได้เลย
ที่สำคัญเขาเคยเห็นหนุ่มคนนั้นยืนคุยกับสาวชาวสวนด้วยตาตัวเอง  มีแต่คำถามเกิดขึ้นในใจมากมาย  แต่เขาไม่กล้าถาม  ไม่กล้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา   และไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะถามรึเปล่า  ในเมื่อเขายังไม่ได้รับการยอมรับจากเธอในฐานะคนพิเศษเลย  อย่างไรก็ตามเขายังไม่อยากจะเชื่อความคิดของตัวเองทั้งหมด  เพราะเป็นเพียงการเอาแต่คิดไปเองเท่านั้น 

“การ  น้องปารินฝากบอกว่าให้รอเขาด้วย  จะแวะมาหาที่ชมรมเย็นนี้นะ”  เพื่อนหนุ่มมือกีต้าร์รีบบอกอย่างนึกได้กลัวว่าจะลืมซะก่อน

“ แหม…เนื้อหอมจริง ๆ  มีสาวมาหาได้ไม่เว้นแต่ละวัน  แต่ละคน  สุดจะน่ารัก”  มือกลองค่อนแคะเพื่อนด้วยความอิจฉา

“ไม่สนใจบ้างเหรอ  สาว ๆ ออกจะหน้าตาสดใส จิ้มลิ้มทั้งนั้นเลยที่มาชอบแก  สวยน่ารัก    อ่อนหวานกว่ายัยปริมตั้งเยอะแยะ ช่างเอาใจอีกต่างหาก”  เพื่อนมือคีย์บอร์ดถามขึ้นบ้าง

“เขายังเด็กกันอยู่เลย  ฉันไม่ได้อยากมีเด็กไว้ต้องคอยดูแลนี่หว่า  ข้าอยากมีคนที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปด้วยกันมากกว่า   อีกอย่างมันไม่ยุติธรรมกับน้องเขา   เพราะหัวใจข้ามีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว  จะให้รับใครได้อีก”  สิ่งเขาไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ รู้สึกรำคาญสาว ๆ ที่ชอบมาเกาะแกะเขามากกว่า

“ผู้ชายเจ้าชู้นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า…”  มือเบสพูดขึ้นมาบ้าง  หนุ่ม ๆ ต่างพากันหัวเราะครึกครื้นขึ้นมาอย่างเฮฮา

“อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้ไปทำไรเขานี่  แค่เย้าหยอกเล่นตามประสาหนุ่ม ๆ เฉย ๆ  ไม่เป็นไรหรอก” มือกีต้าร์อีกคนรีบสนับสนุน

“ข้าไม่ชอบการพูดอะไรที่ไม่ตรงกับใจ  มันอาจจะทำให้น้องเขาเข้าใจผิด  น้องจะได้ไม่เสียใจภายหลัง”

เพื่อน ๆ ต่างพากันโห่ฮาตามหลังมาเสียงดัง

 “ไอ้การ น้องปารินมาแล้วว่ะ”  มือกลองที่นั่งอยู่ใกล้ประตูที่สุดตะโกนบอก

ปฏิการรีบลุกขึ้นยืน  “งั้นฉันไปก่อนนะ”  ยังไม่ทันพูดจบรีบเผ่นกระโดดออกไปทางหน้าต่าง

“เฮ้ย!  อะไรของมันวะ”

คำถามของบรรดาเพื่อน ๆ  วกวนอยู่ในสมองของหนุ่มหน้าหวาน   นั่นสินะ!!  ทำไมถึงไม่ชอบน้องปารินที่แสนจะน่ารัก  อ่อนหวาน  สวยใสด้วยวัยสาว   เขานึกถึงเด็กสาวผิวขาว  ผมหน้าม้า  แก้มสีแดง  ดวงตาสดใส  หมั่นมาหาเขาบ่อย ๆ  พูดจาไพเราะเอาใจ  ที่สำคัญเธอยังเป็นนักร้องเสียงดี  เคยไปแข่งขันในรายการวอยซ์ออฟเดอะสตาร์ด้วยกัน แต่คำตอบในใจกลับบอกว่า  เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนี้  คนที่แสนคิดถึงทำไมไม่มาหาบ้างนะ?  แต่รู้ดีว่า  คนอย่างปริมา  ไม่มีวันมาหาเขาก่อนแน่นอน
               
                ************************

 
บนโต๊ะอาหารสำหรับมือเย็น มีอาหารวางอยู่ไม่กี่อย่าง ได้แก่  น้ำพริก  ผักสด  ยำวุ้นเส้น แกงจืด ชะอมชุปแป้งทอด ธัญพืชต้ม  ทุกคนมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะเปื้อนอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา 

หนุ่มหน้าหวานทำตาลุกวาวมองไปที่ชะอมชุบแป้งทอด น่าทานมาก ครั้งแรกที่มาบ้านนี้ได้กินไปแค่สองชิ้นเอง แย่งกับยัยตัวแสบแทบแย่  เขารีบเอาส้อมไปจิ้มทันที  แต่ถูกมือของเพื่อนรักจับไว้

“ไอ้การ เราต้องกินอาหารตามลำดับก่อน” ปรามหันไปบอกเพื่อนด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม จ้องหน้าราวกับจะถามว่า เข้าใจมั้ย?

ปฏิการหันมาขมวดคิ้ว ทำหน้างุนงง  แล้วค่อย ๆ ฉีกยิ้ม  พยักหน้ารับ จึงดึงมือกลับมา  หยิบผักสดบนโต๊ะมาใส่จานตัวเอง  พร้อมกับตักยำวุ้นเส้นมาทานด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยเชียว ทุกคนจะเริ่มทานผักสดผลไม้ก่อน 

ปริมาอมยิ้มน้อย ๆ  ที่หนุ่มหน้าหวานถูกเบรกกะทันหัน

หนุ่มผมยาวยื่นมือไปตักชะอมชุปแป้งทอดอีกครั้งหลังจากที่ทานผักสดหมดแล้ว  แต่ถูกปรามจับมือไว้อีกแล้ว

“นี่ลูกหม่อน ตอนนี้กำลังดกเลย ช่วยกินหน่อย ต้นนี้ปลูกอยู่หลังบ้านนี้เอง”  ปรามส่งผลไม้เป็นพวงมีสีม่วงเข้มใส่มือเพื่อนซี้

หนุ่มหน้าหวานยิ้มหวานรับลูกหม่อนมาใส่ปาก รสหวานอมเปรี้ยวอร่อยมาก

“ที่ทำน้ำลูกหม่อนใช่ไหม”

“ใช่แล้ว”  เจ้าของรีสอร์ตบ้านไร่ทะเลฝันตอบ พลางเอาลูกหม่อนเข้าปาก

“ใบหม่อนก็ทานได้นะ เขาเอามาทำชาเขียวใบหม่อนไง มีประโยชน์มากเลย” ปริมาอธิบายเสริม

ปฏิการหันมามองหน้าสาวชาวสวนที่กำลังทานลูกหม่อน  แล้วขำยกใหญ่  หัวเราะเงยหน้าไปข้างหลัง  พลางชี้มือไปที่เธอ มองริมฝีปากของหญิงสาวกลายเป็นสีม่วงออกชมพูเข้ม

“เหมือน...”  ชายหนุ่มยังหัวเราะไม่ยอมหยุด ไม่รู้ทำไมรู้สึกขำมาก 

“ผีสาวดูดเลือด”  เขายังหัวเราะต่อไป พยายามจะหยุดหัวเราะ แต่ยังหยุดไม่ได้

สองพี่น้องอดหัวเราะตามหนุ่มหน้าหวานไม่ได้  เวลาเขาหัวเราะนั้นน่ารักมากจริง ๆ

“นี่หยุดหัวเราะได้แล้ว เดี๋ยวก็ติดคอหรอก”  หญิงสาวอดค้อนเขาไม่ได้ที่หัวเราะเยาะเธอนานแล้ว มองเพื่อนพี่ชายพยายามหุบยิ้ม แต่ซักพักก็หัวเราะต่อ  ไม่รู้จะหัวเราะไปถึงไหน  ดูเขาเอามือกุมท้องขำไม่หยุด แก้มของเขาน่าหยิกมาก

พอหยุดหัวเราะได้แล้ว หนุ่มผมยาวยื่นส้อมไปจิ้มชะอมชุปแป้งทอดอีกครั้ง  แต่ถูกปรามจับมือไว้อีก

“กินน้ำพริกอ่องก่อน  อร่อยมากเลย ฝีมือน้องข้าไม่ธรรมดานะ”  ปรามพูดพลางตักน้ำพริกมาใส่ในจาน

ปฏิการหันไปมองหน้าเพื่อนตรง ๆ  พลางยิ้มกว้างนี่มันจะแกล้งกันใช่ไหม เมื่อไหร่เขาจะได้กินชะอมชุปแป้งทอดเสียทีเนี่ย! ได้! ดูซิจะแกล้งกันไปถึงไหน  หันไปมองยัยตัวแสบ ใบหน้านั้นยิ้มขำเชียวที่เห็นเขาโดนแกล้ง  ได้เห็นเธอยิ้มแย้มอย่างมีความสุขก็ยอมได้  เขาก็มีความสุขไปด้วย  แล้วตักน้ำพริกอ่อง  มาคลุกกับข้าวร้อน ๆ เติมธัญพืชต่าง ๆ เพิ่ม

“ในมะเขือเทศมีไลโคปีนสูงมาก ป้องกันมะเร็งได้นะ”

ยัยตัวแสบมองหนุ่มหน้าหวานยอมตักน้ำพริกเข้าปาก  เธอรู้มาว่าในมะเขือเทศมีสาร ไลโคปีน (lycopene) เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบมากในผักผลไม้ที่มีสีส้มหรือสีแดง เช่น แครอท แตงโม มะละกอ ฟักข้าว เกรปฟรุต และแน่นอน...ในมะเขือเทศด้วย  ซึ่งไลโคปีนนี้เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนต์ สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม ในมะเขือเทศสด 100 กรัม จะมีปริมาณไลโคปีนอยู่ประมาณ 0.9 - 9.30 มิลลิกรัม มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งตับอ่อน  ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เมื่อกินเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมจึงสามารถชะลอความแก่ได้ ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย บำรุงผิวพรรณให้สดใส ชุ่มชื้น อีกทั้งมีวิตามินเอ วิตามินเค และวิตามินซีสูง จึงช่วยบำรุงสายตา รักษาโรคเลือดออกตามไรฟันไรฟัน ช่วยกำจัดคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น

มีคนนำมะเขือเทศมาแปรรูปได้หลากหลาย  ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศแช่อิ่ม  น้ำมะเขือเทศ  ซึ่งหาซื้อได้ง่ายมาก  การดื่มน้ำมะเขือเทศ คือ ควรดื่มก่อนทานอาหารในช่วงท้องว่าง หรือดื่มหลังอาหารทันที เพราะไขมันในอาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดีมากขึ้น (ยกเว้นผู้ป่วยโรคไต และผู้ที่มีโพแทสเซียมในเลือดสูง ไม่ควรกินมะเขือเทศ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่