สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ลูกคือความรับผิดชอบของคุณค่ะ จะเหนื่อยจะไม่มีเวลาส่วนตัวแต่อย่างไรคุณจะโทษใครไม่ได้ว่าใครไม่ได้
เพราะทุกอย่างคุณต้องรับผิดชอบเอง
แม้จะเป็นพี่น้องหรือครอบครัวก็ใช่ว่าเขาจะต้องช่วยคุณเลี้ยงลูก และพ่อแม่คุณเขาทำงานใช่มั้ย
หน้าที่เขาจบตั้งแต่เลี้ยงคุณและพี่จนโตแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องมาช่วยคุณเลี้ยงลูกค่ะ
และพี่คุณเขามีสิทธิ์ที่จะรักหรือไม่รักหลานก็ได้นะ เขามีสิทธิ์จะคิดและรำคาญด้วยยิ่งถ้าคนไม่เคยมีลูก
เด็กเล่นเจี๊ยวจ๊าวในบ้าน เขารำคาญ
ดังนั้นคุณจะระบายในนี้ก็ได้แต่ คนในครอบครัวไม่ได้ผิดที่เขาไม่ช่วยคุณเลี้ยงลูกค่ะ
เพราะทุกอย่างคุณต้องรับผิดชอบเอง
แม้จะเป็นพี่น้องหรือครอบครัวก็ใช่ว่าเขาจะต้องช่วยคุณเลี้ยงลูก และพ่อแม่คุณเขาทำงานใช่มั้ย
หน้าที่เขาจบตั้งแต่เลี้ยงคุณและพี่จนโตแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องมาช่วยคุณเลี้ยงลูกค่ะ
และพี่คุณเขามีสิทธิ์ที่จะรักหรือไม่รักหลานก็ได้นะ เขามีสิทธิ์จะคิดและรำคาญด้วยยิ่งถ้าคนไม่เคยมีลูก
เด็กเล่นเจี๊ยวจ๊าวในบ้าน เขารำคาญ
ดังนั้นคุณจะระบายในนี้ก็ได้แต่ คนในครอบครัวไม่ได้ผิดที่เขาไม่ช่วยคุณเลี้ยงลูกค่ะ
ความคิดเห็นที่ 10
อะไรทำให้จขกทคิดว่าทุกคนในบ้านต้องช่วยเลี้ยงลูกจขกทคะ
เลือกผชเอง
เลือกมีเซ็กส์เอง
ท้องไม้พร้อม ก็เลือกเก็บเด็กไว้เอง
พอเด็กเกิดมา
เอ้า..ทุกคนในบ้านต้องมาช่วยฉันเลี้ยง
งานการไม่ทำ ขอเงินพ่อแม่ใช้
แล้วมาตัดเพ้อ ไม่เคยได้ซื้อเสื้อใหม่
ไม่มีใครช่วยเลี้ยง
ชีวิตนี้ ทางนี้ คุณเลือกเองนะคะ
คุณจึงต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง
คุณให้ตายายออกไปทำงานนอกบ้าน
คุณเลี้ยงลูกอยู่บ้าน
มันก็เหมือนสามีทำงานนอกบ้าน
ภรรยาต้องทำงานในบ้านทั้งหมด
แล้วคุณยังจะให้ตายายที่ต้องออกไปทำงาน
กลับมาช่วยคุณเลี้ยงอีกหรอคะ
เพราะว่าคุณเหนื่อย
ไปหางานทำค่ะ
แล้วจ้างพี่เลี้ยงเอาเดือนละ 12,000 ค่ะ
จนกว่าจะเข้ารร.อนุบาลจ้างไปก่อน
ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงเองนะคะ
ถ้าคุณเริ่มจากเงินเดือน 15,000 ก็มีเหลือ 3000/เดือน
ถ้าได้20,000 ก็มีเหลือ 8000/เดือน
ถ้าได้ 25,000 ก็มีเหลือ 13,000/เดือน
เวลาเห็นข้ออ้างทำงานไม่ได้ต้องเลี้ยงลูก
เราจะเกาหัวมาก
นี่พ่อแม่เป็นหมอไม่ว่างทั้งวันตั้งแต่เกิด
ก็อยู่กับพี่เลี้ยงค่ะ
ไม่เห็นเอาลูกๆไปให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง
ใครจะทิ้งรายได้มาเลี้ยงลูกหรอ
ยิ่งทางเลือกไม่มาก ยิ่งไม่ควรข้อแม้เยอะ
ต้องเลี้ยงลูกเองบลาๆ
จุดนี้ เงินไม่มี มันต้องออกไปหาเงินแล้วไหม
ตายายไม่ได้อยู่คับฟ้านะคะ
เตือนสติ
เลือกผชเอง
เลือกมีเซ็กส์เอง
ท้องไม้พร้อม ก็เลือกเก็บเด็กไว้เอง
พอเด็กเกิดมา
เอ้า..ทุกคนในบ้านต้องมาช่วยฉันเลี้ยง
งานการไม่ทำ ขอเงินพ่อแม่ใช้
แล้วมาตัดเพ้อ ไม่เคยได้ซื้อเสื้อใหม่
ไม่มีใครช่วยเลี้ยง
ชีวิตนี้ ทางนี้ คุณเลือกเองนะคะ
คุณจึงต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง
คุณให้ตายายออกไปทำงานนอกบ้าน
คุณเลี้ยงลูกอยู่บ้าน
มันก็เหมือนสามีทำงานนอกบ้าน
ภรรยาต้องทำงานในบ้านทั้งหมด
แล้วคุณยังจะให้ตายายที่ต้องออกไปทำงาน
กลับมาช่วยคุณเลี้ยงอีกหรอคะ
เพราะว่าคุณเหนื่อย
ไปหางานทำค่ะ
แล้วจ้างพี่เลี้ยงเอาเดือนละ 12,000 ค่ะ
จนกว่าจะเข้ารร.อนุบาลจ้างไปก่อน
ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงเองนะคะ
ถ้าคุณเริ่มจากเงินเดือน 15,000 ก็มีเหลือ 3000/เดือน
ถ้าได้20,000 ก็มีเหลือ 8000/เดือน
ถ้าได้ 25,000 ก็มีเหลือ 13,000/เดือน
เวลาเห็นข้ออ้างทำงานไม่ได้ต้องเลี้ยงลูก
เราจะเกาหัวมาก
นี่พ่อแม่เป็นหมอไม่ว่างทั้งวันตั้งแต่เกิด
ก็อยู่กับพี่เลี้ยงค่ะ
ไม่เห็นเอาลูกๆไปให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง
ใครจะทิ้งรายได้มาเลี้ยงลูกหรอ
ยิ่งทางเลือกไม่มาก ยิ่งไม่ควรข้อแม้เยอะ
ต้องเลี้ยงลูกเองบลาๆ
จุดนี้ เงินไม่มี มันต้องออกไปหาเงินแล้วไหม
ตายายไม่ได้อยู่คับฟ้านะคะ
เตือนสติ
ความคิดเห็นที่ 7
เท่าที่อ่านๆ มา ผมว่า เขาก็รักนะครับ เด็ก 2 ขวบ ก็ไม่ควร ให้กินน้ำอัดลม หรือ น้ำหวาน หรือ ขนม เยอะจนเกินไป
ควรไปเน้น ผัก ผลไม้ ที่มีประโยชน์มากกว่า
อีกอย่างหนึ่ง ผมว่า จขกท. กำลัง จะผลักภาระ ให้คนอื่น โดยให้เขารักลุกตัวเองอยู่นะครับ
จริงๆแล้วคนเราถ้า เราเห้นคนที่น่ารักก็จะรักโดย ไม่จำเพาะอยู่แล้วว่า เป็น ลูกหลานตัวเองไม๊
ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าลูกเราไม่ทำตัวน่ารัก แล้ว เราเองก็ทำตัวไม่น่ารัก จะมีคนอยากมาเล่นกับลูกเราไม๊
หรือ พ่อแม่ ที่ชอบ ทะเลาะ กับ ญาติๆ เอย แบบนั้น ก็ไม่ค่อยมีใครอยากมารัก เช่นกัน
ถ้าอยากให้คนอื่นรักเราลองทำตัวดีๆดู ครับ ผมว่าช่วยได้เยอะ ครับ
ควรไปเน้น ผัก ผลไม้ ที่มีประโยชน์มากกว่า
อีกอย่างหนึ่ง ผมว่า จขกท. กำลัง จะผลักภาระ ให้คนอื่น โดยให้เขารักลุกตัวเองอยู่นะครับ
จริงๆแล้วคนเราถ้า เราเห้นคนที่น่ารักก็จะรักโดย ไม่จำเพาะอยู่แล้วว่า เป็น ลูกหลานตัวเองไม๊
ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าลูกเราไม่ทำตัวน่ารัก แล้ว เราเองก็ทำตัวไม่น่ารัก จะมีคนอยากมาเล่นกับลูกเราไม๊
หรือ พ่อแม่ ที่ชอบ ทะเลาะ กับ ญาติๆ เอย แบบนั้น ก็ไม่ค่อยมีใครอยากมารัก เช่นกัน
ถ้าอยากให้คนอื่นรักเราลองทำตัวดีๆดู ครับ ผมว่าช่วยได้เยอะ ครับ
ความคิดเห็นที่ 35
คนปลอบใจจขกท.เยอะแล้ว จะขอพูดอีกด้านที่คุณอาจจะไม่อยากฟัง
ทุกวันนี้เลี้ยงลูกอยู่บ้าน ด้วยเงินที่ขอจากพ่อแม่และพี่ชาย(อาจจะทางอ้อม)จุนเจือค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าอยู่ ทั้งของคุณและลูกคุณใช่ไหม?
ถ้าแบบนั้นก็ไม่แปลกที่เขาจะเข้มงวดกับคุณ ไม่ให้ซื้อของกินเล่นหรือของใช้ตามใจชอบ บอกว่าจะซื้ออะไรก็ให้หลานอย่างเดียว เพราะคุณโตแล้ววัยทำงานแล้ว มีลูกแล้ว แต่ยังขอเงินพ่อแม่ไปกินเที่ยวเหมือนเด็กน้อยวัยเรียนหนังสือคงไม่ใช่แล้ว ยิ่งจะตามใจตัวเอง อยากไปเที่ยวอยากซื้อของ ด้วยเงินที่ขอพ่อแม่หรือพี่ชายช่วยเหลือมา มันก็คงดูไม่จืด
เรื่องไม่เอ็นดูหลาน คุณอาจจะมองแบบจับผิด หรือคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเองมากเกินไป พ่อแม่คุณ พี่ชายคุณทำงาน กลับมาเหนื่อยๆ จะต้องโดนโบ้ยให้ช่วยเลี้ยงหลานอีกก็คงไม่ใช่หน้าที่ และไม่ใช่ไม่มีน้ำใจ เพราะเขาก็ส่งเสียคุณและหลานอยู่ทุกวันนี้นี่ไง เหมือนช่วยเหลือเงินแล้ว ยังต้องโยนภาระให้ช่วยเลี้ยงอีกหรือ? ถ้าเขาไม่เอ็นดู ก็คงไม่ช่วยเหลือจุนเจือค่าใช้จ่ายสักบาทหรอกครับ
เรื่องนี้บางทีผมก็ไม่เข้าใจหลายๆคคห.ที่คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าทำไมพ่อแม่พี่ชายไม่มาเอาใจหลาน ไม่ทักไม่ทาย คือเขาก็ช่วยเยอะแล้วนะช่วยเลี้ยงคุณและลูก สองปีเต็มๆมาเนี่ย ภาระไม่ใช่น้อย คุณยังบอกว่าลำบากในการเลี้ยงลูกคนเดียว แต่พ่อแม่คุณต้องเลี้ยงคุณและหลานไปอีกด้วย(ผ่านค่าใช้จ่ายต่างๆ) เวลาเขาช่วยคุณไม่ซาบซึ้ง แต่คุณไปจับผิดว่าทำไมเขาไม่เอาใจหลาน(ซึ่งจริงๆอาจจะทักบ่อย แต่คนเรามักเลือกจำเฉพาะตอนที่ไม่พอใจคือเวลาที่เขาไม่ทัก เขาอาจจะเหนื่อยจากงานในวันนั้นมากก็ได้) ไม่เอาใจช่วยคุณฝากเลี้ยงนิดหน่อยก็ไม่ได้? บางทีคนนอกที่ไม่ได้ช่วยเหลือเงินสักบาทแต่พูดคำพูดหวานหู ก็ทำให้ละเลยคนที่ทำงานหนักเพื่อช่วยเหลือมาสองปีเต็ม แล้วโดนด่าแค่เพราะไม่ทักหลานในบางวัน?
อย่าให้ความเหนื่อยความเครียด มาบดบังข้อเท็จจริง ว่าตลอดสองปีนี้ใครกันที่ช่วยเหลือคุณให้ใช้ชีวิตและเลี้ยงลูกได้ ในขณะที่คนอื่นไม่ช่วยเหลืออะไรเลย?
พูดพอแล้ว จะช่วยแนะนำทางออก
1. กลับไปหางานทำ ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตของคุณและลูกคุณ เป็นหน้าที่ของคุณ อนาคตของลูกอีกยาวไกล ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกเยอะ ต้องรีบหางานเพื่อโอกาสในการพัฒนาตัวเองและรายได้ ยิ่งเว้นช่วงไปยิ่งหางานยาก และโอกาสก้าวหน้าก็ลดลง
2. เรียกร้องค่าเลี้ยงดูจากพ่อของเด็ก ไม่ต้องอ้างว่าคุณทิ้งเขามาเอง เพราะหน้าที่ของเขาคือต้องส่งเสียเลี้ยงดูลูกของเขา ตอนเกิดได้จดทะเบียนรับรองบุตรไหม กลับไปคุยให้เรียบร้อย ทำสัญญาให้ชัดเจนว่าต้องส่งมาเดือนเท่าไร(อย่าใช้คำว่ามีมากส่งมากมีน้อยส่งน้อย) ถ้าไม่ยอมจ่าย ก็ฟ้องศาล เรียกค่าเลี้ยงดู มันคือหน้าที่ขั้นต่ำของคนเป็นพ่อของลูกที่ต้องกระทำ ไม่ต้องอ้างครอบครัวพ่อเด็กอะไรทั้งนั้น
3.เมื่อคุณทำงาน คุณก็จะมีรายได้ ใช้จ่ายได้ตามใจชอบมากขึ้น มีสังคม ลดการฟุ้งซ่านลง เรื่องเลี้ยงลูก อาจจะหาเนิร์สเซอรี่ หรือพี่เลี้ยง อย่าคิดประหยัดเอง เพราะไม่งั้นก็กลับมาเหมือนเดิม คือไปต่อไม่ได้ ไม่ก้าวหน้า คุณจะหยุดทำงานอยู่บ้านเลี้ยงลูกยันเรียนจบมหาลัย โดยที่ไม่ทำงานหาเงินเองไม่ได้ จะพึ่งพาเงินพ่อแม่พี่ชายให้เขาส่งเสียคุณและหลาน อีกนานแค่ไหน?
4.การหยุดอยู่บ้านเลี้ยงลูกตลอดเวลา เป็นอุดมคติที่ดีสำหรับพัฒนาการของลูก แต่ทำได้สำหรับบ้านที่มีรายได้สูงมากพอ ที่จะไม่ต้องไปทำงานหลายๆปี หรือมีสามีที่ทำงานจนcoverค่าใช้จ่ายได้ แต่ในกรณีของคุณไม่ใช่ ก็อย่าฝืน มองโลกตามความเป็นจริง ภาระของแต่ละคนก็ต้องรับผิดชอบเอาเอง
ทุกวันนี้เลี้ยงลูกอยู่บ้าน ด้วยเงินที่ขอจากพ่อแม่และพี่ชาย(อาจจะทางอ้อม)จุนเจือค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าอยู่ ทั้งของคุณและลูกคุณใช่ไหม?
ถ้าแบบนั้นก็ไม่แปลกที่เขาจะเข้มงวดกับคุณ ไม่ให้ซื้อของกินเล่นหรือของใช้ตามใจชอบ บอกว่าจะซื้ออะไรก็ให้หลานอย่างเดียว เพราะคุณโตแล้ววัยทำงานแล้ว มีลูกแล้ว แต่ยังขอเงินพ่อแม่ไปกินเที่ยวเหมือนเด็กน้อยวัยเรียนหนังสือคงไม่ใช่แล้ว ยิ่งจะตามใจตัวเอง อยากไปเที่ยวอยากซื้อของ ด้วยเงินที่ขอพ่อแม่หรือพี่ชายช่วยเหลือมา มันก็คงดูไม่จืด
เรื่องไม่เอ็นดูหลาน คุณอาจจะมองแบบจับผิด หรือคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเองมากเกินไป พ่อแม่คุณ พี่ชายคุณทำงาน กลับมาเหนื่อยๆ จะต้องโดนโบ้ยให้ช่วยเลี้ยงหลานอีกก็คงไม่ใช่หน้าที่ และไม่ใช่ไม่มีน้ำใจ เพราะเขาก็ส่งเสียคุณและหลานอยู่ทุกวันนี้นี่ไง เหมือนช่วยเหลือเงินแล้ว ยังต้องโยนภาระให้ช่วยเลี้ยงอีกหรือ? ถ้าเขาไม่เอ็นดู ก็คงไม่ช่วยเหลือจุนเจือค่าใช้จ่ายสักบาทหรอกครับ
เรื่องนี้บางทีผมก็ไม่เข้าใจหลายๆคคห.ที่คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าทำไมพ่อแม่พี่ชายไม่มาเอาใจหลาน ไม่ทักไม่ทาย คือเขาก็ช่วยเยอะแล้วนะช่วยเลี้ยงคุณและลูก สองปีเต็มๆมาเนี่ย ภาระไม่ใช่น้อย คุณยังบอกว่าลำบากในการเลี้ยงลูกคนเดียว แต่พ่อแม่คุณต้องเลี้ยงคุณและหลานไปอีกด้วย(ผ่านค่าใช้จ่ายต่างๆ) เวลาเขาช่วยคุณไม่ซาบซึ้ง แต่คุณไปจับผิดว่าทำไมเขาไม่เอาใจหลาน(ซึ่งจริงๆอาจจะทักบ่อย แต่คนเรามักเลือกจำเฉพาะตอนที่ไม่พอใจคือเวลาที่เขาไม่ทัก เขาอาจจะเหนื่อยจากงานในวันนั้นมากก็ได้) ไม่เอาใจช่วยคุณฝากเลี้ยงนิดหน่อยก็ไม่ได้? บางทีคนนอกที่ไม่ได้ช่วยเหลือเงินสักบาทแต่พูดคำพูดหวานหู ก็ทำให้ละเลยคนที่ทำงานหนักเพื่อช่วยเหลือมาสองปีเต็ม แล้วโดนด่าแค่เพราะไม่ทักหลานในบางวัน?
อย่าให้ความเหนื่อยความเครียด มาบดบังข้อเท็จจริง ว่าตลอดสองปีนี้ใครกันที่ช่วยเหลือคุณให้ใช้ชีวิตและเลี้ยงลูกได้ ในขณะที่คนอื่นไม่ช่วยเหลืออะไรเลย?
พูดพอแล้ว จะช่วยแนะนำทางออก
1. กลับไปหางานทำ ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตของคุณและลูกคุณ เป็นหน้าที่ของคุณ อนาคตของลูกอีกยาวไกล ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกเยอะ ต้องรีบหางานเพื่อโอกาสในการพัฒนาตัวเองและรายได้ ยิ่งเว้นช่วงไปยิ่งหางานยาก และโอกาสก้าวหน้าก็ลดลง
2. เรียกร้องค่าเลี้ยงดูจากพ่อของเด็ก ไม่ต้องอ้างว่าคุณทิ้งเขามาเอง เพราะหน้าที่ของเขาคือต้องส่งเสียเลี้ยงดูลูกของเขา ตอนเกิดได้จดทะเบียนรับรองบุตรไหม กลับไปคุยให้เรียบร้อย ทำสัญญาให้ชัดเจนว่าต้องส่งมาเดือนเท่าไร(อย่าใช้คำว่ามีมากส่งมากมีน้อยส่งน้อย) ถ้าไม่ยอมจ่าย ก็ฟ้องศาล เรียกค่าเลี้ยงดู มันคือหน้าที่ขั้นต่ำของคนเป็นพ่อของลูกที่ต้องกระทำ ไม่ต้องอ้างครอบครัวพ่อเด็กอะไรทั้งนั้น
3.เมื่อคุณทำงาน คุณก็จะมีรายได้ ใช้จ่ายได้ตามใจชอบมากขึ้น มีสังคม ลดการฟุ้งซ่านลง เรื่องเลี้ยงลูก อาจจะหาเนิร์สเซอรี่ หรือพี่เลี้ยง อย่าคิดประหยัดเอง เพราะไม่งั้นก็กลับมาเหมือนเดิม คือไปต่อไม่ได้ ไม่ก้าวหน้า คุณจะหยุดทำงานอยู่บ้านเลี้ยงลูกยันเรียนจบมหาลัย โดยที่ไม่ทำงานหาเงินเองไม่ได้ จะพึ่งพาเงินพ่อแม่พี่ชายให้เขาส่งเสียคุณและหลาน อีกนานแค่ไหน?
4.การหยุดอยู่บ้านเลี้ยงลูกตลอดเวลา เป็นอุดมคติที่ดีสำหรับพัฒนาการของลูก แต่ทำได้สำหรับบ้านที่มีรายได้สูงมากพอ ที่จะไม่ต้องไปทำงานหลายๆปี หรือมีสามีที่ทำงานจนcoverค่าใช้จ่ายได้ แต่ในกรณีของคุณไม่ใช่ ก็อย่าฝืน มองโลกตามความเป็นจริง ภาระของแต่ละคนก็ต้องรับผิดชอบเอาเอง
แสดงความคิดเห็น
คนในบ้านไม่ค่อยรักหลาน จนลูกเราไม่เอาใครเลย ติดเราแค่คนเดียว
ปั้มนมข้างนึง หรือไกว่เปลมือนึง จับที่ปั้มนมมือนึง ตอนกลางคืนเวลาจะเอานมฟรีสมาอุ่นให้ลูกกินทุกๆ3ชม. ก็อุ้มลูกมาชั้นล่างด้วยแทบทั้งคืน เรารู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้ กว่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้โคตรแทบบ้าตาย เราไม่เคยได้นั่งพักนิ่งๆเกิน5นาทีเลย แม่เรากลับจากทำงานก็ขึ้นห้องไปนอนพักเลย ซึ่งเราเข้าใจว่าท่านเหนื่อยงาน บางวันแม่อาจนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่าง แต่ก็นั่งเล่นมือถือ เวลาลูกเราเดินไปหาแม่ก็นั่งเล่นมือถือไม่เคยชวยพูดหรือชวนเล่นเลยสักครั้ง ส่วนพ่อเราไปทำงานต่างจ. ส่วนพี่ชายเราไม่เอาหลานเลย พี่ชายจะกลับบ้านเดือนละครั้ง ครั้งละประมาณ2วัน พี่ชายเราห้ามเราทุกอย่าง เช่น ไม่ให้ซื้อน้ำแก้ว20บ.กิน ไม่ให้ซื้อขนมกิน เวลาเราขอแม่ออกไปเซเว่นตอนพี่เราอยู่ นางจะถามว่า ทำไมไม่กินข้าวอ่ะ อยู่บ้านวันๆไม่ทำอะไร ลองไปหาเงินเองดูสิ
เห้อออ เราเคยทำงานแล้วนะคะช่วงที่พ่อเรากลับมาอยู่บ้านหลายเดือน แต่เราทำได้แค่3เดือน เพราะพ่อเราเลี้ยงคนเดียวไม่ไหวจริงๆ ลูกเราจะอยู่นิ่งๆแค่ตอนหลับ ยิ่งตอนนี้ลูกเราซนมากๆ เวลาลูกโยนของเล่น แต่ลูกก็เก็บเอง แต่พี่ชายชอบว่าหลานและว่าเราว่าทำไมไม่สอนลูก ซึ่งเราเข้าใจลูกในวัยนี้ว่าเขากำลังซน เขาโยนเขาก็เก็บเอง เขาห้ามทุกอย่างแต่ไม่เคยช่วยเล่นช่วยเลี้ยง เราเลี้ยงเอง ชวนลูกเล่นตลอด เราเหนื่อยคนเดียว พอลูกหลับเรารีบทำข้าวกิน รีบอาบน้ำ ลูกก็ตื่นพอดี พอตื่นปุ้บก็ชวนเราออกไปเดินข้างนอกรอบหมู่บ้าน กลับมาบ้านก็ชวนเราเล่นต่อ พอกลางคืนเราก็นอนหลับเกิน2ชม. เพราะต้องตื่นดูลูกว่านอนอยู่ท่าไหน วนลูปแบบนี้มา2ปี เราไม่ได้ซื้อเสื้อผ้า ซื้อแค่ครีมซองใช้ เสื้อเหม็นกลิ่ยรักแร้แทบทุกตัวเราก็ทนใส่ แต่ทุกคนในบ้านว่าเรา ไม่ช่วยประหยัด ทุกคนนึกออกมั้ยว่าแม่เราอพี่ชายเราเวลานั่งหน้าทีวี ละมีลูกเราเล่น เชาก็ไม่สนไม่ชวนเล่น ไม่เคยอุ้มพาเดินหน้าบ้านเหมือนคนแถวบ้าน ที่ตายายน้องชาย เห่อหลานกัน แย่งกันเลี้ยง ยิ่งยายของเด็กแย่งเอาไปนอนด้วยแทบทุกคืน แต่ของบ้านเรา เราขอฝากลูกไว้กับยาย5นาทีก็ไม่ได้ เราขยับตัวแทบตลอดเวลา ทอดไข่เจียวกินแทบทุกมื้อ เพราะทำเมนูอื่นนานๆไม่ได้ ลูกร้องกวน วันไหนที่แม่เราหยุดงาน เราก็จะเอาลูกใส่เป้ขับมอไซพาลูกเที่ยวในสวนสาธารณะ2คนลูก เพื่อนเรามาบ้านแค่วันเดียวยังเข้าใจเราเลย เห็นตลอดว่าเราไม่ได้นั่งคุยด้วย555
แต่คนในบ้านเขาไม่เข้าใจ ว่าเราอยู่บ้านสบายๆ