"เมื่อตนุบินได้" หนังค่ายตะวันออกกลางสุดดาร์คปนตลกร้าย ที่สะเทือนไปถึงอเมริกา

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิปเพลงประกอบไคล์แม็คของหนัง แค่ฉากนี้ไม่ต้องดูทั้งเรื่อง ไม่ต้องมีการใส่ความทารุณกรรมรุนแรง แต่ทั้งฉาก วิว สีหน้าที่เลื่อนลอยรับบทโดยสาวน้อยชาวอิรักหน้าตาแบ๋ว " อาวาซ ลาตีฟ" และเพลงประกอบก็ทำให้หนังหลอนจนคนดูจิตตก  

Tortoise can fly 
การเปรียบเปลยการปลดแอกของชาวเคิร์ด และอิสระภาพที่มาพร้อมกับความตาย

เป็นภาพยนต์ร่วมสร้างระหว่างประเทศอิรักและอิหร่าน ซึ่งมีจุดประสงค์ในการตีแผ่ความจริงอันโหดร้ายของสงครามในตะวันออกกลางและผู้ลี้ภัย 
หนังได้รับคะแนนเรทสูงมากใน Imdb นอกจากนั้นยังรางวัลหลาย
คะแหนง มีทั้งคนที่ทึ่งกับเนื้อหาภาพยนต์เรื่องนี้และคนที่บอยคอร์ตกับเรื่องราวความรุนแรงของหนังที่ใช้เยาวชนอายุต่ำกว่า15เป็นตัวเดินเรื่อง (ซึ่งแม้แต่หนังชาติอเมริกันก็ยังไม่มีฉากรุนแรงกับเด็กเท่านี้)

 
เรื่องนี้เกิดขึ้นในค่ายผู้ลี้ภัยชาวเคิร์ดที่ชายแดนอิรัก-ตุรกี ก่อนการบุกอิรักของสหรัฐฯ .....โซรัน 1 ตัวละครเอกตัวที่1 เป็นเด็กชายวัย13 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ
" แซทเทลไลท์ " จากการรับจ้างติดตั้งจานและเสาอากาศสำหรับหมู่บ้านต่างๆ ที่ทุกคนจำเป็นต้องตามข่าวเกี่ยวกับซัดดัม ฮุสเซน และประกาศเตือนภัยสงคราม นอกจากนี้เขายังเป็นที่รู้จักในเรื่องความรู้ภาษาอังกฤษนิดๆหน่อยๆอันเนื่องมาจากการใฝ่ฝันที่จะมีชีวิตแบบชาวอเมริกันในทีวี โซรันชอบเข้าไปโต้ตอบพูดคุยกับพวกทหารอเมริกันที่เข้ามาในอิรัก ความชอบอเมริกันของเขามีมากจนบรรดาชาวบ้านในระแวกนั่นรู้ดี จนแม้กระทั่งยามที่เขาเคยพลาดท่าเหยียบกับระเบิดจนบาดเจ็บ พวกผู้ใหญ่ที่มาช่วยออกปากบอกให้เขาภาวนาว่า อเมริกา อเมริกาๆ จะได้ไม่เจ็บ 

หนังมีการสอดแทรกตลกร้ายของชาวบ้านที่ความเป็นอยู่อันโบร่ำโบราณทำให้พวกคนในหมู่บ้านแสดงออกพฤติกรรมและบทสนทนาขำขันที่ดูโง่ปนตลกแต่แฝงไปด้วยแง่คิด

โซรันนั่นเป็นหัวโจกผู้นำบรรดาเด็กทั้งหลายในค่ายผู้ลี้ภัยในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการจัดระเบียบการกวาดล้างทุ่นระเบิดที่อันตราย....เด็กๆเหล่านี้หลายคนได้รับบาดเจ็บไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทำให้ในค่ายนั้นมีเด็กที่พิการอยู่ไม่น้อย .....โซรันนั่นมีเพื่อนสนิทเป็นลูกน้องในกลุ่มได้แก่ "พาสชอว์" เด็กชายที่ขาพิการหนึ่งข้างต้องใช้ไม้เท้าเดินแต่เขาก็วิ่งและกระโดดได้รวดเร็วในยามจำเป็นแม้ขาอีกข้างจะพิการ กับ ชาร์กูห์ เด็กชายผมทองที่อายุน้อยกว่า 

และแล้วเรื่องราวก็เกิดขึ้นเมื่อมีเด็กกำพร้าสามพี่น้องจากเมือง ฮาลาเบีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงแบกแดดได้อพยพเข้ามาอยู่ในค่ายอพยพที่โซรันอยู่ เด็กทั้งสามอันได้แก่ เฮนกอฟ พี่ชายคนโตซึ่งมีแขนขาดทั้งสองข้าง แต่มีนิสัยสุขุมอ่อนโยนและเป็นผู้ใหญ่เกินตัวนอกจากนี้ทุกคนยังล่ำลือกันด้วยว่าเด็กชายแขนขาดคนนี้มีฌาณทิพย์ เขาสามารถเห็นเหตุการณ์สงครามล่วงหน้าได้

เฮนกอฟมีน้องสาวคนรองชื่อ "อัคริณ" สาวน้อยวัย13 หน้าตาใสซื้อไร้เดียงสา นัยตาเศร้าผู้ซึ่งบางครั้งบางคลาเธอดูเหมือนมีสติไม่อยู่กับร่องกับลอยและเหมือนคนอมทุกข์หรือมีอาการทางจิต กับน้องชายวัยเตาะแตะชื่อ "ไรก้า" 

ซึ่งทั้งอัคริณและเฮนกอฟต้องผลัดกันดูแลไรก้าโดยการแบกไว้บนหลังเวลาไปไหนมาไหน 
ในแรกเริ่มโซรันดูจะมีอคติกับ
เฮนกอฟ เพราะหลังจากการมาที่ค่ายของเขา เด็กในสังกัดของ
โซรันที่บูลลี่เฮนกอฟนั่นโดน
เฮนกอฟตอบกลับด้วยการใช้ศีรษะชกจนเด็กอีกคนคว่ำทั้งที่เฮนกอฟนั้นไม่มีแขนทั้งสองข้าง....แต่หลังจากได้มีโอกาสเห็น
อัคริณน้องสาวของเฮนกอฟ โซรันก็เปลี่ยนมาทำดีและตีสนิทจนเป็นเพื่อนกับเฮนกอฟเพราะความที่แอบชอบอัคริณ 

โซรันและเพื่อนพยามทำดีกับ2พี่น้อง แต่เมื่อยิ่งสนิทก็รู้สึกได้ถึงเหตุการณ์
ประหลาดๆที่เขาและเพื่อนเจอบ่อยๆคือ
 ไรก้า น้องชายวัยเด็กเตาะแตะของ
เฮนกอฟและอัคริณมักจะมาปรากฏตัวในที่อันตรายอยู่เสมอจนทั้งเขาและเพื่อนต้อง
พยามหาทางเข้าไปช่วยเหลือเด็กน้อย เช่นเขตรั้วลวดหนามที่มีหมาดุหรือไม่ก็ในเขตกับดักทุ่นระเบิด ฯ 

เพราะความจริงแล้วอัคริณนั่นมีความลับดำมืดที่ปกปิดอยู่ เธอเป็นเด็กหญิงอายุแค่13 ซึ่งเคยถูกทหาร
อัลบาเตียตุของเผด็จการซัดดัม ฮุสเซนรุมโทรม....และไรก้าไม่ใช่น้องชายคนเล็กของเธอหากแต่เป็นลูกของเธอเองที่เกิดจากการโดนรุมโทรมในครั้งนั้นหลังจากที่พวกทหารอัลบาเตียตุได้ฆ่าพ่อแม่และทุกคนในหมู่บ้าน....
ในขณะที่โดนรุมโทรมในน้ำ 

เฮนกอฟพี่ชายของอัคริณได้พยามช่วยเหลือเธอแต่ก็สู้แรงผู้ใหญ่หลายคนไม่ไหว เขาถูกยิงที่แขนทั้ง2ข้างจนเป็นเหตุให้แขนเน่าจนต้องถูกตัดแขนในที่สุด 
อัคริณรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นหน้าไรก้าเธอยังเด็กเกินไปที่จะเป็นแม่คน เธอได้ขอพี่ชายว่าจะทิ้งไรก้าไว้ที่ค่ายผู้อพยพให้คนอื่นเลี้ยงและหนีไปอยู่เมืองอื่นแต่พี่ชายไม่อนุญาตและพยามเกลี่ยกล่อมให้เธอทำใจรับเด็กคนนี้ 

อัคริณมีอาการเป็นโรคซึมเศร้าจนเฮนกอฟต้องคอยระแวดระวังไม่ให้ไรก้าละสายตาเขา เพราะอัคริณจะพยามฆ่าลูกของตัวเองและฆ่าตัวตายตามทุกครั้งด้วยวิธีต่างๆ
แต่ทุกครั้งเฮนโกฟหรือเด็กในหมู่บ้านเช่นโซรันและเพื่อนก็บังเอิญมาเจอและช่วยทันทุกครั้ง 

 มีบางครั้งที่อัคริณตัดสินใจจะเผาตัวตายในแม่น้ำเธอหลอกพี่ชายว่าปวดฟันคุด และเพราะไม่มีหมอพี่ชายจึงแนะนำให้อมน้ำมันเบนซินซึ่งเธอก็แอบเอามันมาราดตัวที่แม่น้ำเพื่อจุดไฟเผาฆ่าตัวตาย
แต่ในครั้งนั้น ไรก้าลูกของเธอเดินตามมาเห็นและเรียกเธอ....อัคริณจึงเปลี่ยนใจเพราะใจนึงเธอก็รัก
ไรก้าแต่อีกใจเธอก็เกลียด 

อาการของอัคริณเหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้าที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเวลา....บางครั้งเธอก็ทำร้ายลูกตัวเองด้วยการตบตีที่หน้าจนเลือดไหลออกจมูก
เฺฮนโกฟพี่ชายต้องเข้ามาตักเตือนและเอาไรก้าไปเลี้ยงแทน

ในท้ายที่สุดอัคริณได้แอบพาไรก้าไปผูกไว้ที่ใต้ต้นไม้ไกลๆและเดินหนีไป....เด็กน้อยเดินร่อนเร่ไปจนถึงเขตทุ่นวางกับระเบิด บรรดาเด็กโตในหมู่บ้านมาเห็นจนเรียกโซรันให้มาช่วยเป็นผลให้คราวนั้น
โซรันโดนระเบิดไปด้วยและต้องไปรักษาตัวออกไปไหนไม่ได้ในขณะที่ไรก้ารอดชีวิตและเฮนโกฟเอาไปดูแล เขาได้ฝากคำทำนายไปทางเพื่อนไปบอกโซรันที่นอนรักษาตัวว่า เขามีฌาณห็นว่าพรุ่งนี้สงครามจะจบบริบูรณ์และซัดดัมจะถูกล้ม แต่พอเขาเผลอนอนหลับ

อัคริณก็เอาตัวลูกของเธอไปอีกคราวนี้
เฮนโกฟสะดุ้งตื่นเพราะเห็นภาพการสูญเสียที่กำลังจะเกิดขึ้น อัคริณได้พาไรก้าไปที่แม่น้ำเธอผูกลูกไว้กับหินใหญ่และทุ่มลงน้ำ

หลังจากนั้นก็ไปกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย....เฮนโกฟตามไปช่วยไม่ทัน เขาได้แต่พบโซรันที่นั่งร้องไห้อยู่ริมน้ำที่ช่วยไรก้าไม่สำเร็จ .....

เฮนโกฟเดินไปที่หน้าผาที่อัคริณฆ่าตัวตายและพบเพียงรองเท้าของเธอ เขาร้องไห้และใช้ปากคาบรองเท้าเธอขึ้นมา
แม้จะเป็นวันที่สงครามเลิกแต่มันกลับเป็นวันที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับเฮนกอฟและโซรัน

ทหารอเมริกันประกาศชัยชนะและขับรถผ่านค่ายผู้อพยพ ชาร์กูห์ร้องถามโซรันลูกพี่ผู้ซึ่งคลั่งไคล้อเมริกันนักว่า ไม่อยากหันไปดูรถถังกับคนอเมริกันหรือว่าเป็นยังไง....
แต่โซรันกลับไม่มีคำตอบเขาใจแตกสลายและกลายเป็นคนซึมเศร้า

ผู้กำกับภาพยนต์ชาวเคิร์ดที่ทำหนังเรื่องนี้กล่าวว่าต้องการจะตีแผ่สิ่งที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในสงครามทางตะวันออกกลาง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่