รับคำท้าฯ
ตอนที่ 47
หลังเลิกเรียนแล้ว ปฏิการรีบซิ่งมอร์เตอร์ไซค์ไปบ้านไร่ทะเลฝันทันที เขาต้องไปปรับความเข้าใจกับปริมาเรื่องที่ให้ทางโรงพยาบาลโอนรายได้ของเขาเข้าบัญชีของเธอ แม้จะรู้สึกหนักใจไม่น้อย กลัวว่ายัยตัวแสบจะไม่ยอมรับฟังเหตุผล แต่นั่นคือสิ่งที่เขาคิดไปเองทั้งนั้น เพราะความกลัวคือ ความทุกข์ที่เราจินตนาการ เขายังจำคำพูดของปรามได้ดี และใช้มันเป็นคติของตัวเองมาตลอด ทำให้เขากล้าเผชิญหน้ากับความจริงเสมอ
มีคนบอกว่า หากเราจะคบกับใคร ต้องลองทะเลาะกันดูเพื่อเรียนรู้ว่า เราจะยอมรับกันและกันได้มากน้อยแค่ไหน วันนี้เขากำลังจะพิสูจน์ทฤษฎีข้อนี้กับตัวเองแล้ว
หนุ่มนักดนตรีเล่าเรื่องที่พ่อไม่พอใจเรื่องนี้ให้เพื่อนรักฟัง ปรามบอกว่าให้ลองมองในมุมของความเป็นพ่อดูบ้าง ถ้าลูกชายอยู่ดี ๆ ก็โอนเงินแสนให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ พ่ออย่างเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ สิ่งที่ปรามพูดทำให้เขาคิดได้ว่า เป็นเขาก็คงไม่เห็นด้วยเช่นกัน ที่สำคัญพ่อไม่เคยรู้จักปริมา เขายังไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับเธอให้พ่อฟังด้วยซ้ำ หรือเล่าถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอให้พ่อรับรู้เลย ต่อไปเขาจะให้พ่อได้รู้จักเธอมากกว่านี้
ปฏิการมองเห็นปริมากำลังนั่งเลือกถั่วเม็ดเสียอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวยาวที่ใช้ทำขนมอยู่คนเดียว บนโต๊ะมีกะละมังอะลูมิเนียมวางอยู่หลายใบแต่ละใบใส่ธัญพืชคนละชนิดกัน มีถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วขาว ลูกเดือย เป็นต้น มีตาชั่งวางอยู่ใกล้ ๆ เนื่องจากเธอเป็นครอบครัววีแกนจึงต้องทานธัญพืชและถั่วต่าง ๆ ที่ให้โปรตีนต่อร่างกาย ข้อดีของโปรตีนจากพืชคือ ย่อยง่าย ดูซึมง่าย ได้ใยอาหารสูง ช่วยลดอาการท้องผูก ลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลและไขมันอีกด้วย มีแคลอรี่ต่ำ ทำให้อิ่มท้อง และเพิ่มจำนวนแบคทีเรียดีในลำไส้ ปรับสมดุลระบบขับถ่าย โดยที่ยังให้สารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ ธัญพืชอีกชนิดที่ขาดไม่ได้ต้องทานเป็นประจำคือ ลูกเดือย
ลูกเดือย ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ลดอาการท้องผูกได้ เพราะลูกเดือยมีใยอาหารสูงมาก จึงช่วยทำให้ระบบขับถ่ายคล่อง ทำให้นอนหลับสบาย เพราะมีกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งช่วยให้นอนหลับได้ดี บำรุงสายตา วิตามินเอในลูกเดือยช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นในที่แสงสว่างน้อยตอนกลางคืน บำรุงฟันและกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน อีกทั้งยังบำรุงเส้นเอ็นและข้อกระดูกด้วย นอกจากนี้ยังบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ลูกเดือยอุดมไปด้วยวิตามินบี1 บี2 หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยทำให้ผิวสวยสดใส
“เลือกถั่วอยู่เหรอ ให้ฉันช่วยนะ” หนุ่มหน้าหวานมองหน้าหญิงสาว แล้วเข้ามานั่งเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงกันข้ามกับยัยตัวแสบ
“ส่งเลขบัญชีของนายให้ฉันด้วย” ปริมายืนยันอีกครั้งว่า ต้องการโอนเงินคืนเขา สายตามองในกะละมังตรงหน้า หยิบหินที่อยู่ในลูกเดือยออกมาใส่ชามที่วางอยู่ใกล้ ๆ
“เงินนี้เป็นเงินที่ฉันหามาเอง ฉันอยากช่วยเธอ รับไว้เถอะนะ” เขาเลื่อนกะละมังถั่วเขียวมาเลือกถั่วหินและสิ่งแปลกปลอมออก
“นายให้พ่อของนาย และเก็บไว้เรียนแล้วเหรอ” หญิงสาวพยายามใจเย็นพูดกับเขาดี ๆ ก่อนหน้านี้พี่ชายบอกว่า เขาเพิ่งโดนพ่อด่ามาจากเรื่องนี้ แล้วเธอก็โทรไปโวยวายใส่เขายกใหญ่อีก
“ฉันให้เงินพ่อคนแรกเลย และเก็บไว้เรียนแล้ว อันนี้คือส่วนที่ไม่ได้ใช้ ฉันอยากช่วยเธอจริง ๆ รับไว้เถอะ” เขาต้องขอบคุณหญิงสาวด้วยซ้ำไป เพราะตั้งแต่เริ่มทำตามสัญญา เลิกเที่ยวเตร่กินเหล้าเมายา ชีวิตของเขาดีขึ้นมากมาย นอกจากค่ากินค่าเรียนแล้วแทบไม่ต้องใช้อีกอะไรเลย นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการซ่อมคอม ประกอบคอม ลงโปรแกรมต่าง ๆ แถมยังมีคนมาชวนเขาไปเดินแบบ ถ่ายโฆษณา เล่นละคร แต่เขาปฏิเสธไปเพราะกลัวไม่มีเวลามาอยู่กับคนที่เขาคิดถึง
“คราวหน้านายอย่าทำแบบนี้อีก” สาวชาวสวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ไม่ได้หันมามองหน้าเขาแม้แต่น้อย
“ถ้าฉันเอาเงินมาให้ตรง ๆ ปริมจะรับมั้ยล่ะ ถ้าไม่ทำแบบนี้” หนุ่มหน้าหวานจ้องหน้าคู่สนทนาที่หลบตาเขาก้มตาก้มตาเลือกถั่วอยู่นั่นแหละ นี่ขนาดไม่บอกยังไม่ยอมใช้เงินเลย
ปริมาเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าหนุ่มผมยาว เขาบ้าไปแล้ว เงินตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงเอามายกให้เธอง่าย ๆ แบบนี้
“ปริมรังเกียจเงินของฉันเหรอ ไหนบอกว่า เราเป็นเพื่อนกันแล้วไง เพื่อนก็ช่วยเหลือเพื่อนมันผิดตรงไหน” น้ำเสียงนั้นเจือความน้อยใจ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบคำว่า เพื่อนที่ต้องใช้กับเธอเอาเสียเลย แต่ต้องพยายาม ตอนนี้เขาต้องพยายามเป็นเพื่อนกับเธอให้ได้
“เอาเป็นว่า ตอนนี้ฉันยังไม่เจ๊ง ถ้าฉันจะเจ๊งเมื่อไหร่จะขอยืมเงินนายเป็นคนแรกก็แล้วกัน นายอย่าลืมเก็บเงินไว้ให้ฉันยืมด้วยล่ะ”
หนุ่มหน้าหวานจึงยิ้มออก สิ่งที่กลัว และกังวลก่อนหน้านี้ผิดคาดไปหมดเลย เธอรับฟังและมีเหตุผล
“ขอบใจนายมากนะ ที่อยากช่วย” เธอมองรอยยิ้มของชายหนุ่ม ค่อยรู้สึกสบายใจที่เห็นเขายิ้มแล้ว เพราะรู้สึกแย่ที่กลายเป็นต้นเหตุให้เขาต้องผิดใจกับพ่อ
“งวดนี้...ขอโอนเงินคืนนายก่อนนะ ฉันไม่อยากให้นายผิดใจกับพ่อ แล้วฉันก็บอกกับพ่อนายไว้แล้วว่า จะโอนคืน”
ปฏิการสบตากับหญิงสาว มองเห็นความห่วงใยจากสายตาคู่นั้น ยอมจำนนกับเหตุผลของเธอ
“พ่อว่าอะไรปริมหรือเปล่า” เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนที่ทั้งคู่เจอกันคุยอะไรกันบ้าง
คนถูกถามส่ายหน้า
“ไม่ได้ว่าอะไรหรอก” ปริมามองหน้าอีกฝ่ายที่ดูยังไม่อยากจะเชื่อ
“จริง ๆ พ่อนายไม่ได้ว่าอะไรเลย” ปริมาย้ำอีกครั้ง
“พ่อพูดอะไรกับเธอบ้าง” หนุ่มหน้าหวานลุกขึ้นโน้มตัวข้ามโต๊ะมาถามยัยตัวแสบใกล้ ๆ ดึงกะละมังลูกเดือยในมือของหญิงสาวออกไป
คนถูกถามรีบเบนตัวหนีไปติดพนักของเก้าอี้ไม้ เมื่อชายหนุ่มยื่นหน้ามาจ้องตากับเธอใกล้ ๆ เค้นความจริงจากเธอเหลือเกิน ก่อนจะตอบไปอย่างอ้อมแอ้ม
“เขาแค่ถามว่า ฉันให้นายไปช่วยพูดกับเขาเรื่องโอนเงินหรือเปล่า” เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกสอบสวนยังไงยังงั้น
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” เธอสัมผัสความห่วงใยจากสายตาและคำพูดทุกคำของหนุ่มหน้าหวาน
“ไม่เป็นไรเลย โทรมาโวยวายจนฉันหูแทบชา” หนุ่มผมยาวประชดเบา ๆ ก่อนจะถอยกลับไปนั่งลงอย่างเดิม
“ต่อไปนายจะทำอะไร ต้องบอกฉันก่อนนะ อย่าให้ฉันรู้จากคนอื่นแบบนี้”
“ปริมก็ต้องรับฟังฉันด้วยนะ” สิ่งที่เขากลัวคือการไม่รับฟังแล้วเอาแต่ปฏิเสธของคนหัวดื้ออย่างเธอ
“ต่อไป...ฉันจะรับฟังนายให้มากขึ้น แต่นายก็ต้องเคารพการตัดสินใจของฉันด้วยนะ”
หนุ่มผมยาวอมยิ้มน้อย ๆ อยู่ในสีหน้าอย่างพอใจ สายตาจ้องมองยัยตัวแสบตลอดเวลา เขามั่นใจเธอจะเป็นหวานใจที่แสนดีในอนาคต
“นายกินลูกเดือยต้มมั้ย” ปริมาขยับตัวลุกขึ้นเมื่อรู้สึตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มนานแล้ว
ชายหนุ่มสะดุ้ง! เล็กน้อย
“กินสิ!” เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าเธอจะชวนเขากินอะไรเป็นครั้งแรก
“งั้นนายช่วยเอาลูกเดือยที่เลือกแล้วชั่งให้ครึ่งกิโลนะ” พูดจบจึงเดินไปหยิบตะกร้าสำหรับล้างถั่วออกมาจากชั้น
“ได้ ๆ” หนุ่มจอมกวนรีบกุลีกุจอเอากะละมังว่างไปชั่งน้ำหนักเพื่อดูว่า กะละมังนั้นหนักเท่าไหร่ ก่อนจะยกกะละมังลูกเดือยที่เลือกแล้วมาเทใส่เพื่อชั่งน้ำหนัก สายตาคอยมองหาว่าเจ้าของบ้านเดินไปไหน แล้วเทลูกเดือยที่ช่างแล้วใส่กะละมังเดิม พอหันกลับไปมองกะละมังลูกเดือยอีกครั้ง เขาโพล่งออกมาด้วยความตกใจร้องเสียงหลงอ้าปากค้าง เบิกตาโตเป็นไข่ห่าน เมื่อมองเห็นลูกเดือยที่ชั่งแล้วไปอยู่ในกะละมังถั่วเขียว ให้ตายสิ! อยากร้องไห้จริง ๆ
“เป็นอะไร!” เจ้าของบ้านรีบเดินกลับมาดู พอมองเห็นลูกเดือยดันไปอยู่ในกะละมังถั่วเขียว แล้วระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“ทำอะไรของนายเนี่ย!” มองหน้าชายหนุ่มที่ทำหน้าเหยเก ปากยื่น หน้างออย่างหมดอะไรตายอยาก
“ขอโทษนะ เดี๋ยวฉันจะเลือกออกให้”
“นายว่างงานเหรอ” ปริมาอมยิ้ม พลางถอนหายใจ เธอไม่ได้โกรธเขา เพราะก็เคยใส่ผิดเหมือนกัน คนเรามันผิดพลาดกันได้ ความผิดพลาดนี่เองที่ทำให้เราเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้นมากกว่าคนไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลย
“นายเอาตาชั่งไปเก็บก่อน วางที่ชั้นตรงโน้นนะ”
หนุ่มผมยาวรีบช่วยยกตาช่างขนาดเจ็ดกิโลกรัมไปเก็บตามที่เจ้านายบอก
เสียงดังจากจานของตาชั่งหล่นลงกระแทกพื้น ทำให้ปริมารีบหันไปดูเพื่อนพี่ชาย แทนที่ตาชั่งจะอยู่บนชั้นดันหล่นไปกระแทกฝ่าเท้าของหนุ่มหน้าหวานแทน
“ตายแล้ว!” เจ้าของบ้านรีบเดินมาดูเท้าของหนุ่มหน้าหวาน โชคดีที่มีรองเท้าผ้าใบกันไว้ชั้นหนึ่งแล้ว
“มันหลุดมือ” ปฏิการรีบตามไปเก็บจานของตาชั่งแล้วยกตาชั่งจากพื้นขึ้นมาไว้บนชั้น
“เจ็บมากรึเปล่า นายไปนั่งแล้วรีบถอดรองเท้าออก” เธอมองหน้าเขาที่ดูยังงง ๆ คงยังไม่เจ็บ ตอนนี้คงจะรู้สึกชาอยู่
สาวชาวสวนรีบไปตักน้ำใส่ถังมาวางไว้ใกล้ ๆ มองดูเท้าของชายหนุ่ม ตาชั่งคงกระแทกโดนกลางฝ่าเท้าพอดี เส้นเลือดกลางฝาเท้าเริ่มบวมปูดขึ้นมา
“เอาเท้าแช่น้ำไว้ก่อน เดี๋ยวจะไปหาน้ำแข็งมาประคบให้” น้ำจะช่วยชะลออาการเจ็บปวดและลดการอักเสบ เพราะช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ช่วยลดสารที่ทำให้เกิดอาการอักเสบ จึงทำให้อาการปวดบวมจากการอักเสบของกล้ามเนื้อลดลงได้ ในระหว่างที่รอเธอไปหาน้ำแข็ง หายเข้าไปในบ้านแล้วกลับมาพร้อมกับขี้ผึ้งฤทธิ์เย็น และน้ำแข็งขวดน้ำดื่มครึ่งลิตร ซึ่งจะต้องแช่ขวดน้ำแข็งไว้สองสามขวดเสมอ หากเกิดอุบัติเหตุจะได้นำมาประคบได้ทันที น้ำแข็งขวดครึ่งลิตรประคบได้นานเป็นชั่วโมงเลย
เธอเอาถังน้ำไปเทแล้ววางขวดน้ำแข็งที่ฝ่าเท้าของเขาที่วางอยู่ในถังอย่างเดิม
“ปวดมั้ย กินฟ้าทะลายโจรกันไว้ก่อนเลย” นอกจากฟ้าทะลายโจรจะลดไข้ได้แล้วยังลดอาการอักเสบได้อีกด้วย
“ให้ฉันค้างกับปรามได้รึเปล่า ฉันคงขับรถกลับบ้านไม่ได้แล้ว และเดินไปนอนที่รีสอร์ชไม่ไหว” เพื่อนพี่ชายขออนุญาตเธอก่อน มองหญิงสาวที่ดูเป็นห่วงเขาไม่น้อย ในความเฉยชาเหมือนไม่สนใจใยดี มีความห่วงใยซ่อนอยู่
เจ้าของบ้านพยักหน้ารับ เขาเจ็บขนาดนี้ควรจะพักเท้าไม่ควรเคลื่อนไหวอะไรมาก
“นายต้องคอยเอาขวดน้ำแข็งออกด้วยนะ แล้วค่อยประคบใหม่ หลังจากประคบเย็นแล้ว ให้ทาขี้ผึ้งฤทธิ์เย็นไว้หนา ๆ เลยนะ”
“ฉันไปทำกับข้าวก่อนนะ นายอยากกินอะไร”
หนุ่มหน้าหวานอึ้งไปชั่วขณะ แบบนี้เธอกำลังชวนเขาทานข้าวด้วยใช่ไหม แถมถามว่าอยากกินอะไรอีกต่างหาก แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย
“อะ...อะไร...ก็ได้ กิน...กินได้หมด” เขาตอบอย่างตะกุกตะกักยังแทบไม่เชื่อว่า มันคือความจริง
ปฏิการหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง นั่งมองอย่างชั่งใจ เขาควรจะโทรไปบอกพ่อว่าคืนนี้จะไม่ได้กลับบ้าน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันไปเลือกลูกเดือยออกจากถั่วเขียว
เจ้าของบ้านถือแก้วน้ำเย็นออกมาให้หนุ่มหน้าหวาน เธอมองชายหนุ่มกำลังนั่งเลือกลูกเดือยออกจากถั่วเขียวด้วยใจจดจ่อ มองเขาค่อย ๆ หยิบออกมาทีละเม็ดสองเม็ดอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่ละความพยายาม เธอไม่คิดว่า หนุ่มหน้าหวานจะมีสมาธิและอยู่นิ่ง ๆ ได้นานขนาดนี้เลย เวลาเขากำลังตั้งใจทำอะไรเป็นภาพที่น่ามองเหลือเกิน
เมื่อหนุ่มผมยาวเลือกลูกเดือยออกมาจากถั่วเขียวได้หมดแล้ว เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์ไปหาพ่อ ปรามพูดถูก พ่อของเขาไม่เคยรู้จักปริมามาก่อนเลย ต่อไปนี้เขาจะทำให้พ่อได้รู้จักเธอมากขึ้น เขากดไอคอนไลน์ที่เป็นรูปของบิดาขึ้นมา แล้วกดคีย์บอร์ด กดเปิดไมล์เพื่อเตรียมพูดลงไปให้มันพิมพ์เป็นตัวอักษรให้
“พ่อครับ...คืนนี้ ผมไม่ได้กลับบ้านนะครับ ผมเกิดอุบัติเหตุยกตาชั่งแล้วมันหลุดมือหล่นใส่เท้า เลยกลับไม่ไหว พรุ่งนี้ถึงจะกลับครับ จะค้างที่บ้านเพื่อน วันนี้ผมมาหาปริมา เธอยืนยันว่า ต้องการโอนเงินคืน ผมพยายามอยากให้เธอรับไว้ แต่เธอก็ไม่ยอมรับ บอกว่า ยังพอมีใช้อยู่ ปริมาพึ่งตัวเอง หาเงินใช้เองได้ตั้งแต่เด็กแล้ว เธอไม่ใช่คนที่จะรับความช่วยเหลือจากใครง่าย ๆ เธอชอบหาเงินด้วยตัวเองมากกว่าที่จะอยากได้รับจากคนอื่น” เขาหยุดพูดเพื่อให้ไมล์หยุดพิมพ์และเว้นวรรค แล้วตรวจดูว่ามันพิมพ์ถูกต้องหรือไม่ ข้อความนั้นพิมพ์ถูกเกือบทั้งหมด พิมพ์ถูกมากกว่าเขาพิมพ์เองเสียอีก มีแก้ไขเล็กน้อยเท่านั้น เขาเปิดไมล์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วพูดต่อไป
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 47 อุบัติเหตุ
ตอนที่ 47
หลังเลิกเรียนแล้ว ปฏิการรีบซิ่งมอร์เตอร์ไซค์ไปบ้านไร่ทะเลฝันทันที เขาต้องไปปรับความเข้าใจกับปริมาเรื่องที่ให้ทางโรงพยาบาลโอนรายได้ของเขาเข้าบัญชีของเธอ แม้จะรู้สึกหนักใจไม่น้อย กลัวว่ายัยตัวแสบจะไม่ยอมรับฟังเหตุผล แต่นั่นคือสิ่งที่เขาคิดไปเองทั้งนั้น เพราะความกลัวคือ ความทุกข์ที่เราจินตนาการ เขายังจำคำพูดของปรามได้ดี และใช้มันเป็นคติของตัวเองมาตลอด ทำให้เขากล้าเผชิญหน้ากับความจริงเสมอ
มีคนบอกว่า หากเราจะคบกับใคร ต้องลองทะเลาะกันดูเพื่อเรียนรู้ว่า เราจะยอมรับกันและกันได้มากน้อยแค่ไหน วันนี้เขากำลังจะพิสูจน์ทฤษฎีข้อนี้กับตัวเองแล้ว
หนุ่มนักดนตรีเล่าเรื่องที่พ่อไม่พอใจเรื่องนี้ให้เพื่อนรักฟัง ปรามบอกว่าให้ลองมองในมุมของความเป็นพ่อดูบ้าง ถ้าลูกชายอยู่ดี ๆ ก็โอนเงินแสนให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ พ่ออย่างเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ สิ่งที่ปรามพูดทำให้เขาคิดได้ว่า เป็นเขาก็คงไม่เห็นด้วยเช่นกัน ที่สำคัญพ่อไม่เคยรู้จักปริมา เขายังไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับเธอให้พ่อฟังด้วยซ้ำ หรือเล่าถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอให้พ่อรับรู้เลย ต่อไปเขาจะให้พ่อได้รู้จักเธอมากกว่านี้
ปฏิการมองเห็นปริมากำลังนั่งเลือกถั่วเม็ดเสียอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวยาวที่ใช้ทำขนมอยู่คนเดียว บนโต๊ะมีกะละมังอะลูมิเนียมวางอยู่หลายใบแต่ละใบใส่ธัญพืชคนละชนิดกัน มีถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วขาว ลูกเดือย เป็นต้น มีตาชั่งวางอยู่ใกล้ ๆ เนื่องจากเธอเป็นครอบครัววีแกนจึงต้องทานธัญพืชและถั่วต่าง ๆ ที่ให้โปรตีนต่อร่างกาย ข้อดีของโปรตีนจากพืชคือ ย่อยง่าย ดูซึมง่าย ได้ใยอาหารสูง ช่วยลดอาการท้องผูก ลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลและไขมันอีกด้วย มีแคลอรี่ต่ำ ทำให้อิ่มท้อง และเพิ่มจำนวนแบคทีเรียดีในลำไส้ ปรับสมดุลระบบขับถ่าย โดยที่ยังให้สารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ ธัญพืชอีกชนิดที่ขาดไม่ได้ต้องทานเป็นประจำคือ ลูกเดือย
ลูกเดือย ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ลดอาการท้องผูกได้ เพราะลูกเดือยมีใยอาหารสูงมาก จึงช่วยทำให้ระบบขับถ่ายคล่อง ทำให้นอนหลับสบาย เพราะมีกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งช่วยให้นอนหลับได้ดี บำรุงสายตา วิตามินเอในลูกเดือยช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นในที่แสงสว่างน้อยตอนกลางคืน บำรุงฟันและกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน อีกทั้งยังบำรุงเส้นเอ็นและข้อกระดูกด้วย นอกจากนี้ยังบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ลูกเดือยอุดมไปด้วยวิตามินบี1 บี2 หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยทำให้ผิวสวยสดใส
“เลือกถั่วอยู่เหรอ ให้ฉันช่วยนะ” หนุ่มหน้าหวานมองหน้าหญิงสาว แล้วเข้ามานั่งเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงกันข้ามกับยัยตัวแสบ
“ส่งเลขบัญชีของนายให้ฉันด้วย” ปริมายืนยันอีกครั้งว่า ต้องการโอนเงินคืนเขา สายตามองในกะละมังตรงหน้า หยิบหินที่อยู่ในลูกเดือยออกมาใส่ชามที่วางอยู่ใกล้ ๆ
“เงินนี้เป็นเงินที่ฉันหามาเอง ฉันอยากช่วยเธอ รับไว้เถอะนะ” เขาเลื่อนกะละมังถั่วเขียวมาเลือกถั่วหินและสิ่งแปลกปลอมออก
“นายให้พ่อของนาย และเก็บไว้เรียนแล้วเหรอ” หญิงสาวพยายามใจเย็นพูดกับเขาดี ๆ ก่อนหน้านี้พี่ชายบอกว่า เขาเพิ่งโดนพ่อด่ามาจากเรื่องนี้ แล้วเธอก็โทรไปโวยวายใส่เขายกใหญ่อีก
“ฉันให้เงินพ่อคนแรกเลย และเก็บไว้เรียนแล้ว อันนี้คือส่วนที่ไม่ได้ใช้ ฉันอยากช่วยเธอจริง ๆ รับไว้เถอะ” เขาต้องขอบคุณหญิงสาวด้วยซ้ำไป เพราะตั้งแต่เริ่มทำตามสัญญา เลิกเที่ยวเตร่กินเหล้าเมายา ชีวิตของเขาดีขึ้นมากมาย นอกจากค่ากินค่าเรียนแล้วแทบไม่ต้องใช้อีกอะไรเลย นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการซ่อมคอม ประกอบคอม ลงโปรแกรมต่าง ๆ แถมยังมีคนมาชวนเขาไปเดินแบบ ถ่ายโฆษณา เล่นละคร แต่เขาปฏิเสธไปเพราะกลัวไม่มีเวลามาอยู่กับคนที่เขาคิดถึง
“คราวหน้านายอย่าทำแบบนี้อีก” สาวชาวสวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ไม่ได้หันมามองหน้าเขาแม้แต่น้อย
“ถ้าฉันเอาเงินมาให้ตรง ๆ ปริมจะรับมั้ยล่ะ ถ้าไม่ทำแบบนี้” หนุ่มหน้าหวานจ้องหน้าคู่สนทนาที่หลบตาเขาก้มตาก้มตาเลือกถั่วอยู่นั่นแหละ นี่ขนาดไม่บอกยังไม่ยอมใช้เงินเลย
ปริมาเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าหนุ่มผมยาว เขาบ้าไปแล้ว เงินตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงเอามายกให้เธอง่าย ๆ แบบนี้
“ปริมรังเกียจเงินของฉันเหรอ ไหนบอกว่า เราเป็นเพื่อนกันแล้วไง เพื่อนก็ช่วยเหลือเพื่อนมันผิดตรงไหน” น้ำเสียงนั้นเจือความน้อยใจ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบคำว่า เพื่อนที่ต้องใช้กับเธอเอาเสียเลย แต่ต้องพยายาม ตอนนี้เขาต้องพยายามเป็นเพื่อนกับเธอให้ได้
“เอาเป็นว่า ตอนนี้ฉันยังไม่เจ๊ง ถ้าฉันจะเจ๊งเมื่อไหร่จะขอยืมเงินนายเป็นคนแรกก็แล้วกัน นายอย่าลืมเก็บเงินไว้ให้ฉันยืมด้วยล่ะ”
หนุ่มหน้าหวานจึงยิ้มออก สิ่งที่กลัว และกังวลก่อนหน้านี้ผิดคาดไปหมดเลย เธอรับฟังและมีเหตุผล
“ขอบใจนายมากนะ ที่อยากช่วย” เธอมองรอยยิ้มของชายหนุ่ม ค่อยรู้สึกสบายใจที่เห็นเขายิ้มแล้ว เพราะรู้สึกแย่ที่กลายเป็นต้นเหตุให้เขาต้องผิดใจกับพ่อ
“งวดนี้...ขอโอนเงินคืนนายก่อนนะ ฉันไม่อยากให้นายผิดใจกับพ่อ แล้วฉันก็บอกกับพ่อนายไว้แล้วว่า จะโอนคืน”
ปฏิการสบตากับหญิงสาว มองเห็นความห่วงใยจากสายตาคู่นั้น ยอมจำนนกับเหตุผลของเธอ
“พ่อว่าอะไรปริมหรือเปล่า” เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนที่ทั้งคู่เจอกันคุยอะไรกันบ้าง
คนถูกถามส่ายหน้า
“ไม่ได้ว่าอะไรหรอก” ปริมามองหน้าอีกฝ่ายที่ดูยังไม่อยากจะเชื่อ
“จริง ๆ พ่อนายไม่ได้ว่าอะไรเลย” ปริมาย้ำอีกครั้ง
“พ่อพูดอะไรกับเธอบ้าง” หนุ่มหน้าหวานลุกขึ้นโน้มตัวข้ามโต๊ะมาถามยัยตัวแสบใกล้ ๆ ดึงกะละมังลูกเดือยในมือของหญิงสาวออกไป
คนถูกถามรีบเบนตัวหนีไปติดพนักของเก้าอี้ไม้ เมื่อชายหนุ่มยื่นหน้ามาจ้องตากับเธอใกล้ ๆ เค้นความจริงจากเธอเหลือเกิน ก่อนจะตอบไปอย่างอ้อมแอ้ม
“เขาแค่ถามว่า ฉันให้นายไปช่วยพูดกับเขาเรื่องโอนเงินหรือเปล่า” เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกสอบสวนยังไงยังงั้น
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” เธอสัมผัสความห่วงใยจากสายตาและคำพูดทุกคำของหนุ่มหน้าหวาน
“ไม่เป็นไรเลย โทรมาโวยวายจนฉันหูแทบชา” หนุ่มผมยาวประชดเบา ๆ ก่อนจะถอยกลับไปนั่งลงอย่างเดิม
“ต่อไปนายจะทำอะไร ต้องบอกฉันก่อนนะ อย่าให้ฉันรู้จากคนอื่นแบบนี้”
“ปริมก็ต้องรับฟังฉันด้วยนะ” สิ่งที่เขากลัวคือการไม่รับฟังแล้วเอาแต่ปฏิเสธของคนหัวดื้ออย่างเธอ
“ต่อไป...ฉันจะรับฟังนายให้มากขึ้น แต่นายก็ต้องเคารพการตัดสินใจของฉันด้วยนะ”
หนุ่มผมยาวอมยิ้มน้อย ๆ อยู่ในสีหน้าอย่างพอใจ สายตาจ้องมองยัยตัวแสบตลอดเวลา เขามั่นใจเธอจะเป็นหวานใจที่แสนดีในอนาคต
“นายกินลูกเดือยต้มมั้ย” ปริมาขยับตัวลุกขึ้นเมื่อรู้สึตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มนานแล้ว
ชายหนุ่มสะดุ้ง! เล็กน้อย
“กินสิ!” เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าเธอจะชวนเขากินอะไรเป็นครั้งแรก
“งั้นนายช่วยเอาลูกเดือยที่เลือกแล้วชั่งให้ครึ่งกิโลนะ” พูดจบจึงเดินไปหยิบตะกร้าสำหรับล้างถั่วออกมาจากชั้น
“ได้ ๆ” หนุ่มจอมกวนรีบกุลีกุจอเอากะละมังว่างไปชั่งน้ำหนักเพื่อดูว่า กะละมังนั้นหนักเท่าไหร่ ก่อนจะยกกะละมังลูกเดือยที่เลือกแล้วมาเทใส่เพื่อชั่งน้ำหนัก สายตาคอยมองหาว่าเจ้าของบ้านเดินไปไหน แล้วเทลูกเดือยที่ช่างแล้วใส่กะละมังเดิม พอหันกลับไปมองกะละมังลูกเดือยอีกครั้ง เขาโพล่งออกมาด้วยความตกใจร้องเสียงหลงอ้าปากค้าง เบิกตาโตเป็นไข่ห่าน เมื่อมองเห็นลูกเดือยที่ชั่งแล้วไปอยู่ในกะละมังถั่วเขียว ให้ตายสิ! อยากร้องไห้จริง ๆ
“เป็นอะไร!” เจ้าของบ้านรีบเดินกลับมาดู พอมองเห็นลูกเดือยดันไปอยู่ในกะละมังถั่วเขียว แล้วระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“ทำอะไรของนายเนี่ย!” มองหน้าชายหนุ่มที่ทำหน้าเหยเก ปากยื่น หน้างออย่างหมดอะไรตายอยาก
“ขอโทษนะ เดี๋ยวฉันจะเลือกออกให้”
“นายว่างงานเหรอ” ปริมาอมยิ้ม พลางถอนหายใจ เธอไม่ได้โกรธเขา เพราะก็เคยใส่ผิดเหมือนกัน คนเรามันผิดพลาดกันได้ ความผิดพลาดนี่เองที่ทำให้เราเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้นมากกว่าคนไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลย
“นายเอาตาชั่งไปเก็บก่อน วางที่ชั้นตรงโน้นนะ”
หนุ่มผมยาวรีบช่วยยกตาช่างขนาดเจ็ดกิโลกรัมไปเก็บตามที่เจ้านายบอก
เสียงดังจากจานของตาชั่งหล่นลงกระแทกพื้น ทำให้ปริมารีบหันไปดูเพื่อนพี่ชาย แทนที่ตาชั่งจะอยู่บนชั้นดันหล่นไปกระแทกฝ่าเท้าของหนุ่มหน้าหวานแทน
“ตายแล้ว!” เจ้าของบ้านรีบเดินมาดูเท้าของหนุ่มหน้าหวาน โชคดีที่มีรองเท้าผ้าใบกันไว้ชั้นหนึ่งแล้ว
“มันหลุดมือ” ปฏิการรีบตามไปเก็บจานของตาชั่งแล้วยกตาชั่งจากพื้นขึ้นมาไว้บนชั้น
“เจ็บมากรึเปล่า นายไปนั่งแล้วรีบถอดรองเท้าออก” เธอมองหน้าเขาที่ดูยังงง ๆ คงยังไม่เจ็บ ตอนนี้คงจะรู้สึกชาอยู่
สาวชาวสวนรีบไปตักน้ำใส่ถังมาวางไว้ใกล้ ๆ มองดูเท้าของชายหนุ่ม ตาชั่งคงกระแทกโดนกลางฝ่าเท้าพอดี เส้นเลือดกลางฝาเท้าเริ่มบวมปูดขึ้นมา
“เอาเท้าแช่น้ำไว้ก่อน เดี๋ยวจะไปหาน้ำแข็งมาประคบให้” น้ำจะช่วยชะลออาการเจ็บปวดและลดการอักเสบ เพราะช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ช่วยลดสารที่ทำให้เกิดอาการอักเสบ จึงทำให้อาการปวดบวมจากการอักเสบของกล้ามเนื้อลดลงได้ ในระหว่างที่รอเธอไปหาน้ำแข็ง หายเข้าไปในบ้านแล้วกลับมาพร้อมกับขี้ผึ้งฤทธิ์เย็น และน้ำแข็งขวดน้ำดื่มครึ่งลิตร ซึ่งจะต้องแช่ขวดน้ำแข็งไว้สองสามขวดเสมอ หากเกิดอุบัติเหตุจะได้นำมาประคบได้ทันที น้ำแข็งขวดครึ่งลิตรประคบได้นานเป็นชั่วโมงเลย
เธอเอาถังน้ำไปเทแล้ววางขวดน้ำแข็งที่ฝ่าเท้าของเขาที่วางอยู่ในถังอย่างเดิม
“ปวดมั้ย กินฟ้าทะลายโจรกันไว้ก่อนเลย” นอกจากฟ้าทะลายโจรจะลดไข้ได้แล้วยังลดอาการอักเสบได้อีกด้วย
“ให้ฉันค้างกับปรามได้รึเปล่า ฉันคงขับรถกลับบ้านไม่ได้แล้ว และเดินไปนอนที่รีสอร์ชไม่ไหว” เพื่อนพี่ชายขออนุญาตเธอก่อน มองหญิงสาวที่ดูเป็นห่วงเขาไม่น้อย ในความเฉยชาเหมือนไม่สนใจใยดี มีความห่วงใยซ่อนอยู่
เจ้าของบ้านพยักหน้ารับ เขาเจ็บขนาดนี้ควรจะพักเท้าไม่ควรเคลื่อนไหวอะไรมาก
“นายต้องคอยเอาขวดน้ำแข็งออกด้วยนะ แล้วค่อยประคบใหม่ หลังจากประคบเย็นแล้ว ให้ทาขี้ผึ้งฤทธิ์เย็นไว้หนา ๆ เลยนะ”
“ฉันไปทำกับข้าวก่อนนะ นายอยากกินอะไร”
หนุ่มหน้าหวานอึ้งไปชั่วขณะ แบบนี้เธอกำลังชวนเขาทานข้าวด้วยใช่ไหม แถมถามว่าอยากกินอะไรอีกต่างหาก แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย
“อะ...อะไร...ก็ได้ กิน...กินได้หมด” เขาตอบอย่างตะกุกตะกักยังแทบไม่เชื่อว่า มันคือความจริง
ปฏิการหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง นั่งมองอย่างชั่งใจ เขาควรจะโทรไปบอกพ่อว่าคืนนี้จะไม่ได้กลับบ้าน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันไปเลือกลูกเดือยออกจากถั่วเขียว
เจ้าของบ้านถือแก้วน้ำเย็นออกมาให้หนุ่มหน้าหวาน เธอมองชายหนุ่มกำลังนั่งเลือกลูกเดือยออกจากถั่วเขียวด้วยใจจดจ่อ มองเขาค่อย ๆ หยิบออกมาทีละเม็ดสองเม็ดอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่ละความพยายาม เธอไม่คิดว่า หนุ่มหน้าหวานจะมีสมาธิและอยู่นิ่ง ๆ ได้นานขนาดนี้เลย เวลาเขากำลังตั้งใจทำอะไรเป็นภาพที่น่ามองเหลือเกิน
เมื่อหนุ่มผมยาวเลือกลูกเดือยออกมาจากถั่วเขียวได้หมดแล้ว เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์ไปหาพ่อ ปรามพูดถูก พ่อของเขาไม่เคยรู้จักปริมามาก่อนเลย ต่อไปนี้เขาจะทำให้พ่อได้รู้จักเธอมากขึ้น เขากดไอคอนไลน์ที่เป็นรูปของบิดาขึ้นมา แล้วกดคีย์บอร์ด กดเปิดไมล์เพื่อเตรียมพูดลงไปให้มันพิมพ์เป็นตัวอักษรให้
“พ่อครับ...คืนนี้ ผมไม่ได้กลับบ้านนะครับ ผมเกิดอุบัติเหตุยกตาชั่งแล้วมันหลุดมือหล่นใส่เท้า เลยกลับไม่ไหว พรุ่งนี้ถึงจะกลับครับ จะค้างที่บ้านเพื่อน วันนี้ผมมาหาปริมา เธอยืนยันว่า ต้องการโอนเงินคืน ผมพยายามอยากให้เธอรับไว้ แต่เธอก็ไม่ยอมรับ บอกว่า ยังพอมีใช้อยู่ ปริมาพึ่งตัวเอง หาเงินใช้เองได้ตั้งแต่เด็กแล้ว เธอไม่ใช่คนที่จะรับความช่วยเหลือจากใครง่าย ๆ เธอชอบหาเงินด้วยตัวเองมากกว่าที่จะอยากได้รับจากคนอื่น” เขาหยุดพูดเพื่อให้ไมล์หยุดพิมพ์และเว้นวรรค แล้วตรวจดูว่ามันพิมพ์ถูกต้องหรือไม่ ข้อความนั้นพิมพ์ถูกเกือบทั้งหมด พิมพ์ถูกมากกว่าเขาพิมพ์เองเสียอีก มีแก้ไขเล็กน้อยเท่านั้น เขาเปิดไมล์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วพูดต่อไป