ตลาดแทบร้าง! พ่อค้าแม่ค้าติดโควิด-19 แทบหมดตลาด แม่ค้าน้ำตาร่วงวอนช่วยเหลือ
https://news.ch7.com/detail/548042
(4 ก.พ. 65) ที่ตลาดสดตั้งจิตนุสรณ์ และตลาดราชพัสดุ หรือกาดศรีคำ ซึ่งเป็นตลาดสดใหญ่ในเขตเทศบาลเมืองแทบร้าง หลังพ่อค้าและแม่ค้า จำนวนมากถึง 181 ราย ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนต้องหยุดขายของเพื่อไปรักษาตัวและกักตัวเพื่อดูอาการ จึงทำให้บรรยากาศการซื้อขายเงียบเหงา บางโซนแผงขายของปิดเป็นแถวยาวแทบไม่เหลือพ่อค้าแม่ค้าขายของ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน เร่งเข้าทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ และเร่งตรวจหาเชื้อพ่อค้าแม่ค้าในตลาด เพื่อค้นหาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงเชื่อมโยง ขณะที่แม่ค้าที่รอดจากการติดเชื้อร่ำไห้สงสารเพื่อนแม่ค้าด้วยกัน หลายรายมีหนี้สินกู้รายวัน หยุดไปรักษาตัวก็ขาดรายได้ อยากให้เร่งช่วยเหลือ
เจ้าของร้านเจ้ส้มหวาน ที่ตลาดกาดศรีคำ ราชพัสดุ บอกว่า แทบไม่เหลือพ่อค้าแม่ค้า มาขายของแล้ว เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ส่วนตนเองนั้นรอดมาได้น่าจะเพราะใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้นตลอดเวลา และซื้อแอลกอฮอล์ฉีดพ่นที่แผงตลอด โดยขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคมาก ทั้งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการซื้ออุปกรณ์ป้องกันโรคและลูกค้า คนซื้อของก็น้อยลง มีเพียงลูกค้าประจำ ดีที่เจ้าของตลาดช่วยเหลือลดค่าแผงและเลื่อนการเก็บเงินระหว่างสถานการณ์วิกฤต แต่ก็มีเพื่อนแม่ค้า พ่อค้า หลายคนที่มีหนี้สินกู้แบบรายวัน เมื่อติดโรคต้องหยุดไปรักษาตัวก็ไม่มีรายได้ จึงอยากให้หน่วยงานหรือรัฐบาล เร่งช่วยเหลือเยียวยา นอกเหนือจากการป้องกันและรักษาโรคด้วย
ทั้งนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดน่าน พบมีผู้ป่วยเพิ่มในแต่ละวันมากกว่า 100 ราย โดยล่าสุดตัวเลข พบผู้ป่วยรายใหม่ 114 ราย ป่วยสะสม1,956 ราย ยังรักษาอยู่ 456 รายราย ยังรักษาอยู่ 646 ราย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางจังหวัดน่าน โดยทีมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรณีโรคโควิด 19 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่านเร่งทำการสอบสวนโรค พร้อมประชาสัมพันธ์เฝ้าระวัง ป้องกันตัวเองกับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลาปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting และ DMHTTA อย่างเคร่งครัดตรวจ ATK หากสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือไปพื้นที่เสี่ยงมาหรือไม่สบายหรือมีอาการสงสัย
ttb analytics ชี้เงินเฟ้อไตรมาสแรกพุ่งแตะสูงสุด 4% กระทบค่าครองชีพ
https://www.prachachat.net/finance/news-857724
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics เผยไทยเตรียมรับมือเงินเฟ้อเร่งแตะ 4% ไตรมาสแรก ก่อนจะเริ่มแผ่วลงช่วงปลายปีเฉลี่ยอยู่ที่ 2% ชี้ กระทบประชาชนผ่านภาระค่าครองชีพที่แพงขึ้น หลังเจอแรงกดดันราคาน้ำมัน-อาหารสดพุ่ง-ปัญหาต้นทุนขนส่งจากกระระบาดโอมิครอน แนะภาครัฐออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพ-เร่งเข้าไปช่วยจัดการแก้ไขปัญหาด้านปริมาณผลผลิตในประเทศ ช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 นาย
นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินว่า แรงกดดันจากหมวดพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เงินเฟ้อในปี 2565 ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในช่วงปลายปี 2564 และต้นปี 2565 มีสภาพภูมิอากาศที่หนาวมากกว่าปกติ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว ส่งผลให้ทั่วโลกมีปริมาณความต้องการเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่สามารถปรับเพิ่มกำลังการผลิตได้เพียงพอกับความต้องการ จึงสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อราคาน้ำมันโดยเฉพาะในช่วงต้นปีนี้ แม้ไทยจะได้รับผลดีจากการที่รัฐบาลเข้าตรึงราคาเชื้อเพลิงบางประเภท แต่ไม่เพียงพอที่จะช่วยลดแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น
เร็ว ทั้งนี้ ประเมินว่าหลังเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ปี 2565 แรงกดดันด้านราคาพลังงานจะคลี่คลายลงบ้าง แต่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องไปจนกว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถบริหารจัดการทยอยเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามเป้าหมายในช่วงไตรมาส 3 นี้
สำหรับต้นทุนหมวดอาหารสดมีการปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่แพงขึ้น ประกอบกับการเกิดโรคระบาดของสุกรในประเทศไทยในปัจจุบัน ทำให้ต้องใช้มาตรการจำกัดจำนวนการเลี้ยงเพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตสุกรลดลงและราคาเนื้อสุกรในประเทศเพิ่มขึ้นสูง และมีผลกระทบทำให้ราคาเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ๆ เช่น เนื้อไก่ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเวียดนามซึ่งเคยเกิดปัญหาโรคระบาดเดียวกันในสุกร จึงประเมินได้ว่าไทยอาจยังต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนในการเพิ่มปริมาณการเลี้ยงสุกรและทยอยเพิ่มผลผลิตเข้าสู่ท้องตลาด เป็นสาเหตุทำให้แรงกดดันต่อราคาในหมวดอาหารสดจะคงยังลากยาวไปถึงสิ้นปี 2565
อย่างไรก็ดี แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อที่ไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงาน) จะแผ่วลงไปในช่วงต้นปี ตามการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังเร่งตัวทั้งในและต่างประเทศ แต่เนื่องจากเป็นเชื้อที่แพร่กระจายเร็วและไม่ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง จึงประเมินว่าผลกระทบนี้จะอยู่เพียงในไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 เท่านั้น ก่อนที่เศรษฐกิจภายในประเทศและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทยอยกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงสิ้นปี
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกดดันเงินเฟ้อเพิ่มเติมจากปัญหาการตึงตัวในภาคการผลิต (Supply bottleneck) ในบางหมวดอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เชื่อมโยงกับผู้ผลิตในประเทศที่กำลังเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะ ยุโรป สหรัฐฯ หรือปัญหาในการปรับเพิ่มอัตราการจ้างงาน อาทิ สินค้ากลุ่มที่ต้องพี่งพาเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเห็นผลกระทบได้สูงในปัจจุบัน
ประกอบกับต้นทุนค่าขนส่งที่แพงจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างตามท่าเรือ เนื่องจากระดับกิจกรรมท่าเรือและการจ้างงานในหลายประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เพียงพอรองรับการเร่งตัวของกิจกรรมส่งออก จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้านำเข้าและต้นทุนของผู้ผลิตปรับเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยกรณีของไทย ความสัมพันธ์ระหว่างราคาสินค้านำเข้าและราคาผู้ผลิตมีระดับสูงมาก (ค่าความสัมพันธ์อยู่ที่ 0.9)
โดยในเบื้องต้น ประเมินว่าปัญหาตึงตัวด้านกระบวนการผลิตในหลายสินค้าจะยังมีผลชัดเจนถึงช่วงไตรมาส 3 ขณะที่ปัญหาค่าขนส่งทางเรือที่แพงและได้ทยอยปรับลงมาแล้วนับตั้งแต่ปลายปี 2565 แต่คาดว่าจะใช้เวลานานกว่าจะกลับสู่ระดับราคาปกติได้ราวปลายปี 2567 ดังนั้น ปัญหาการตึงตัวในกระบวนการผลิตและต้นทุนขนส่งทางเรือจะสร้างแรงกดดันต่อราคาสินค้าของหมวดที่อยู่ทั้งในและนอกอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอย่างชัดเจนไปจนถึงไตรมาส 3 ก่อนจะเบาลงในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ดี ประเมินว่าระดับการส่งผ่านต้นทุนของผู้ผลิตที่แพงขึ้นไปยังผู้บริโภคในประเทศจะทำได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และเป็นลักษณะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องด้วยกำลังซื้อและการจ้างงานในไทยโดยรวมยังคงเปราะบาง
ปัจจัยกดดันด้านสูงจากฝั่งอุปทาน (cost-push) ทั้งหมดข้างต้น ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าลงจากปี 2564 ทำให้ ttb analytics ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2.7% ไปจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 ในปี 2565 นี้ โดยเร่งตัวสูงสุดในไตรมาสแรกอยู่ที่ 4% และจะทยอยลดลงตลอดไปจนถึงปลายปี หลังปัจจัยต่างๆ ทยอยคลี่คลาย
โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2.0% โดยปัจจัยเสี่ยงต่อเงินเฟ้อด้านสูงยังมีอยู่จากสาเหตุดังนี้ 1) ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ อาทิ ความขัดแย้งรัศเซีย-ยูเครน ที่อาจทำให้ราคาพลังงานเร่งขึ้นกว่าระดับปัจจุบัน 2) ปัจจัยด้านภูมิอากาศและภัยธรรมชาติที่อาจส่งผลต่อการลดลงของปริมาณผลผลิตการเกษตร 3) ความยืดเยื้อของปัญหาคอขวดในกระบวนการผลิต โดยเฉพาะหากเกิดการแพร่ระบาดจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อาจรุนแรงจนทำให้กิจกรรมการผลิตต้องสะดุดลงและกระทบกับภาวะการจ้างงาน
ดังนั้น ท่ามกลางภาวะที่เงินเฟ้อเร่งตัวเร็วโดยเฉพาะในช่วงแรกของปี 2565 นี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องปรับวิธีการใช้จ่ายให้เหมาะสม ในส่วนภาครัฐที่กำกับดูแลเศรษฐกิจ นอกจากการเร่งออกนโยบายลดต้นทุนค่าครองชีพทั้งการตรึงราคาเชื้อเพลิง และการให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ประชาชนแล้ว อาจเข้าไปช่วยจัดการแก้ไขปัญหาด้านปริมาณผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการในส่วนที่สามารถทำได้ภายในประเทศ เพื่อลดแรงกดดันจากเงินเฟ้ออีกทางหนึ่ง
‘เสรีพิศุทธ์’ แย้มปมสอบ ‘พี่เอ้’ ยันเรื่องร้องนานแล้ว ปัดเตะตัดขา-เสรีรวมไทยไม่ส่งผู้ว่าฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3166527
‘เสรีพิศุทธ์’ แย้มปมสอบ ‘พี่เอ้’ ยันเรื่องร้องนานแล้ว ปัดเตะตัดขา-เสรีรวมไทยไม่ส่งผู้ว่าฯ
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “
เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกรณีการตรวจสอบ นาย
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่และร่ำรวยผิดปกติว่า เรียนตรงๆ ตนไม่อยากให้ข่าวเลย เพราะข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนกับเรื่องอื่นๆในกมธ.ที่ไม่พยายามให้ข่าว โดยเรื่องนี้มีผู้มาร้อง ซึ่งขอปกปิดชื่อมายื่นกับตน ไม่รู้ว่าจะเป็นคนภายในมหาวิทยาลัยหรือไม่ เพราะหากเปิดเผยชื่อก็อาจจะอยู่ไม่สุข โดยเป็นคำร้องเรียนเรื่องทุจริตในตำแหน่งอธิการบดีเป็นหลัก ร่ำรวยเป็นรายละเอียดประกอบคำร้องเฉยๆ เป็นเรื่องในทำนองการจัดซื้อจัดจ้าง
“เรื่องนี้จริงๆเขาร้องมานานแล้ว ผมในฐานะประธานป.ป.ช.ก็ต้องดูคนมีความรู้ในแต่ละเรื่องว่า กมธ.คนใดเหมาะสมจะรับไปดำเนินการโดยเฉพาะ แต่การทำงานก็ทำในรูปของกมธ. จึงมอบให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไปดำเนินการ ที่เอ่ยชื่อตรงนี้มา เพราะเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ มีการเชิญรักษาการอธิการบดีสจล. และกรมสรรพากรมาแถลงข้อเท็จจริง ซึ่งในระหว่านั้น นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกมธ.นั่งฟังอยู่ด้วย จึงโต้แย้งข้อความเป็นธรรมให้นายสุชัชวีร์ ผมจึงยืนยันว่า ให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว เรื่องนี้ที่ผ่านมา ไม่เคยออกข่าวอะไรเลย และเหตุที่ให้นายธีรัชชัย ทำ เพราะเขาเป็นคนมีความรู้ความสามารถยืนยันเรื่องนี้ร้องมานานแล้ว กว่าจะขอมติเพื่อพิจารณาก็ใช้เวลา พอมีมติแล้วก็ใช่ว่าจะบรรจุเรื่องได้เลย เพราะเรื่องอื่นๆมีค้าง ต้องเชิญบุคคลต่างๆไว้ก่อน” พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ ระบุ
พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนขอขอเรียนไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า ตอนเรื่องนี้เข้ามายังไม่รู้เลยว่า พรรคก้าวไกลจะส่งใครลงผู้ว่าฯหรือไม่ แต่พรรคเสรีรวมไทย ไม่ส่งอยู่แล้ว บางทีมาคิดกันว่าเป็นเรื่องการเมือง เตะตัดขากัน บอกไปถึงนาย
สุชัชวีร์ด้วยว่า ไม่ต้องเกรงใจตน ตนยืนยันว่า ให้ความเป็นธรรมเต็มที่ ที่ผ่านมา ตนเคยเชิญนาย
สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ลูกชายกำนันเป๊าะ มาในกมธ. กลับไปกลัวตนจะชี้มูลความผิดต่างๆ แต่พอสอบๆไปนาย
สนธยาไม่ผิดก็มีมติยุติเรื่อง เพราะผู้ถูกร้องไม่ได้กระทำผิด ก็ถึงจะมาเข้าใจว่า ตนไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ที่เพิ่งเป็นข่าว เพราะเรื่องนี้เพิ่งเชิญผู้เกี่ยวข้องมา เรื่องเพิ่งบรรจุ ยังไม่มีข้อเท็จจริงอะไรต่างๆมากมายเท่าไหร่เลย
เมื่อถามว่า จะเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบหรือไม่ เพราะพรรคก้าวไกลส่งผู้สมัครผู้ว่าฯด้วย เกรงว่าจะเป็นครหา พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า อยู่ดีๆจะเปลี่ยน เพราะไม่ไว้วางใจนาย
ธีรัชชัยหรือ ดังนั้นเรื่องนี้มันต้องมีต้นเรื่องก่อน หากนาย
สุชัชวีร์ ต้องการคัดค้านก็แจ้ง ตนพร้อมมาเปลี่
JJNY : ตลาดแทบร้าง!พ่อค้าแม่ค้าติดโควิด│ชี้เงินเฟ้อQแรกกระทบค่าครองชีพ│‘เสรีพิศุทธ์’แย้มปมสอบพี่เอ้│กมธ.แรงงานดันค่าแรง
https://news.ch7.com/detail/548042
(4 ก.พ. 65) ที่ตลาดสดตั้งจิตนุสรณ์ และตลาดราชพัสดุ หรือกาดศรีคำ ซึ่งเป็นตลาดสดใหญ่ในเขตเทศบาลเมืองแทบร้าง หลังพ่อค้าและแม่ค้า จำนวนมากถึง 181 ราย ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนต้องหยุดขายของเพื่อไปรักษาตัวและกักตัวเพื่อดูอาการ จึงทำให้บรรยากาศการซื้อขายเงียบเหงา บางโซนแผงขายของปิดเป็นแถวยาวแทบไม่เหลือพ่อค้าแม่ค้าขายของ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน เร่งเข้าทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ และเร่งตรวจหาเชื้อพ่อค้าแม่ค้าในตลาด เพื่อค้นหาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงเชื่อมโยง ขณะที่แม่ค้าที่รอดจากการติดเชื้อร่ำไห้สงสารเพื่อนแม่ค้าด้วยกัน หลายรายมีหนี้สินกู้รายวัน หยุดไปรักษาตัวก็ขาดรายได้ อยากให้เร่งช่วยเหลือ
เจ้าของร้านเจ้ส้มหวาน ที่ตลาดกาดศรีคำ ราชพัสดุ บอกว่า แทบไม่เหลือพ่อค้าแม่ค้า มาขายของแล้ว เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ส่วนตนเองนั้นรอดมาได้น่าจะเพราะใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้นตลอดเวลา และซื้อแอลกอฮอล์ฉีดพ่นที่แผงตลอด โดยขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคมาก ทั้งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการซื้ออุปกรณ์ป้องกันโรคและลูกค้า คนซื้อของก็น้อยลง มีเพียงลูกค้าประจำ ดีที่เจ้าของตลาดช่วยเหลือลดค่าแผงและเลื่อนการเก็บเงินระหว่างสถานการณ์วิกฤต แต่ก็มีเพื่อนแม่ค้า พ่อค้า หลายคนที่มีหนี้สินกู้แบบรายวัน เมื่อติดโรคต้องหยุดไปรักษาตัวก็ไม่มีรายได้ จึงอยากให้หน่วยงานหรือรัฐบาล เร่งช่วยเหลือเยียวยา นอกเหนือจากการป้องกันและรักษาโรคด้วย
ทั้งนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดน่าน พบมีผู้ป่วยเพิ่มในแต่ละวันมากกว่า 100 ราย โดยล่าสุดตัวเลข พบผู้ป่วยรายใหม่ 114 ราย ป่วยสะสม1,956 ราย ยังรักษาอยู่ 456 รายราย ยังรักษาอยู่ 646 ราย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางจังหวัดน่าน โดยทีมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรณีโรคโควิด 19 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่านเร่งทำการสอบสวนโรค พร้อมประชาสัมพันธ์เฝ้าระวัง ป้องกันตัวเองกับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลาปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting และ DMHTTA อย่างเคร่งครัดตรวจ ATK หากสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือไปพื้นที่เสี่ยงมาหรือไม่สบายหรือมีอาการสงสัย
ttb analytics ชี้เงินเฟ้อไตรมาสแรกพุ่งแตะสูงสุด 4% กระทบค่าครองชีพ
https://www.prachachat.net/finance/news-857724
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics เผยไทยเตรียมรับมือเงินเฟ้อเร่งแตะ 4% ไตรมาสแรก ก่อนจะเริ่มแผ่วลงช่วงปลายปีเฉลี่ยอยู่ที่ 2% ชี้ กระทบประชาชนผ่านภาระค่าครองชีพที่แพงขึ้น หลังเจอแรงกดดันราคาน้ำมัน-อาหารสดพุ่ง-ปัญหาต้นทุนขนส่งจากกระระบาดโอมิครอน แนะภาครัฐออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพ-เร่งเข้าไปช่วยจัดการแก้ไขปัญหาด้านปริมาณผลผลิตในประเทศ ช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินว่า แรงกดดันจากหมวดพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เงินเฟ้อในปี 2565 ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในช่วงปลายปี 2564 และต้นปี 2565 มีสภาพภูมิอากาศที่หนาวมากกว่าปกติ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว ส่งผลให้ทั่วโลกมีปริมาณความต้องการเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่สามารถปรับเพิ่มกำลังการผลิตได้เพียงพอกับความต้องการ จึงสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อราคาน้ำมันโดยเฉพาะในช่วงต้นปีนี้ แม้ไทยจะได้รับผลดีจากการที่รัฐบาลเข้าตรึงราคาเชื้อเพลิงบางประเภท แต่ไม่เพียงพอที่จะช่วยลดแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น
เร็ว ทั้งนี้ ประเมินว่าหลังเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ปี 2565 แรงกดดันด้านราคาพลังงานจะคลี่คลายลงบ้าง แต่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องไปจนกว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถบริหารจัดการทยอยเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามเป้าหมายในช่วงไตรมาส 3 นี้
สำหรับต้นทุนหมวดอาหารสดมีการปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่แพงขึ้น ประกอบกับการเกิดโรคระบาดของสุกรในประเทศไทยในปัจจุบัน ทำให้ต้องใช้มาตรการจำกัดจำนวนการเลี้ยงเพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตสุกรลดลงและราคาเนื้อสุกรในประเทศเพิ่มขึ้นสูง และมีผลกระทบทำให้ราคาเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ๆ เช่น เนื้อไก่ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเวียดนามซึ่งเคยเกิดปัญหาโรคระบาดเดียวกันในสุกร จึงประเมินได้ว่าไทยอาจยังต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนในการเพิ่มปริมาณการเลี้ยงสุกรและทยอยเพิ่มผลผลิตเข้าสู่ท้องตลาด เป็นสาเหตุทำให้แรงกดดันต่อราคาในหมวดอาหารสดจะคงยังลากยาวไปถึงสิ้นปี 2565
อย่างไรก็ดี แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อที่ไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงาน) จะแผ่วลงไปในช่วงต้นปี ตามการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังเร่งตัวทั้งในและต่างประเทศ แต่เนื่องจากเป็นเชื้อที่แพร่กระจายเร็วและไม่ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง จึงประเมินว่าผลกระทบนี้จะอยู่เพียงในไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 เท่านั้น ก่อนที่เศรษฐกิจภายในประเทศและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทยอยกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงสิ้นปี
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกดดันเงินเฟ้อเพิ่มเติมจากปัญหาการตึงตัวในภาคการผลิต (Supply bottleneck) ในบางหมวดอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เชื่อมโยงกับผู้ผลิตในประเทศที่กำลังเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะ ยุโรป สหรัฐฯ หรือปัญหาในการปรับเพิ่มอัตราการจ้างงาน อาทิ สินค้ากลุ่มที่ต้องพี่งพาเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเห็นผลกระทบได้สูงในปัจจุบัน
ประกอบกับต้นทุนค่าขนส่งที่แพงจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างตามท่าเรือ เนื่องจากระดับกิจกรรมท่าเรือและการจ้างงานในหลายประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เพียงพอรองรับการเร่งตัวของกิจกรรมส่งออก จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้านำเข้าและต้นทุนของผู้ผลิตปรับเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยกรณีของไทย ความสัมพันธ์ระหว่างราคาสินค้านำเข้าและราคาผู้ผลิตมีระดับสูงมาก (ค่าความสัมพันธ์อยู่ที่ 0.9)
โดยในเบื้องต้น ประเมินว่าปัญหาตึงตัวด้านกระบวนการผลิตในหลายสินค้าจะยังมีผลชัดเจนถึงช่วงไตรมาส 3 ขณะที่ปัญหาค่าขนส่งทางเรือที่แพงและได้ทยอยปรับลงมาแล้วนับตั้งแต่ปลายปี 2565 แต่คาดว่าจะใช้เวลานานกว่าจะกลับสู่ระดับราคาปกติได้ราวปลายปี 2567 ดังนั้น ปัญหาการตึงตัวในกระบวนการผลิตและต้นทุนขนส่งทางเรือจะสร้างแรงกดดันต่อราคาสินค้าของหมวดที่อยู่ทั้งในและนอกอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอย่างชัดเจนไปจนถึงไตรมาส 3 ก่อนจะเบาลงในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ดี ประเมินว่าระดับการส่งผ่านต้นทุนของผู้ผลิตที่แพงขึ้นไปยังผู้บริโภคในประเทศจะทำได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และเป็นลักษณะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องด้วยกำลังซื้อและการจ้างงานในไทยโดยรวมยังคงเปราะบาง
ปัจจัยกดดันด้านสูงจากฝั่งอุปทาน (cost-push) ทั้งหมดข้างต้น ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าลงจากปี 2564 ทำให้ ttb analytics ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2.7% ไปจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 ในปี 2565 นี้ โดยเร่งตัวสูงสุดในไตรมาสแรกอยู่ที่ 4% และจะทยอยลดลงตลอดไปจนถึงปลายปี หลังปัจจัยต่างๆ ทยอยคลี่คลาย
โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2.0% โดยปัจจัยเสี่ยงต่อเงินเฟ้อด้านสูงยังมีอยู่จากสาเหตุดังนี้ 1) ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ อาทิ ความขัดแย้งรัศเซีย-ยูเครน ที่อาจทำให้ราคาพลังงานเร่งขึ้นกว่าระดับปัจจุบัน 2) ปัจจัยด้านภูมิอากาศและภัยธรรมชาติที่อาจส่งผลต่อการลดลงของปริมาณผลผลิตการเกษตร 3) ความยืดเยื้อของปัญหาคอขวดในกระบวนการผลิต โดยเฉพาะหากเกิดการแพร่ระบาดจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อาจรุนแรงจนทำให้กิจกรรมการผลิตต้องสะดุดลงและกระทบกับภาวะการจ้างงาน
ดังนั้น ท่ามกลางภาวะที่เงินเฟ้อเร่งตัวเร็วโดยเฉพาะในช่วงแรกของปี 2565 นี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องปรับวิธีการใช้จ่ายให้เหมาะสม ในส่วนภาครัฐที่กำกับดูแลเศรษฐกิจ นอกจากการเร่งออกนโยบายลดต้นทุนค่าครองชีพทั้งการตรึงราคาเชื้อเพลิง และการให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ประชาชนแล้ว อาจเข้าไปช่วยจัดการแก้ไขปัญหาด้านปริมาณผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการในส่วนที่สามารถทำได้ภายในประเทศ เพื่อลดแรงกดดันจากเงินเฟ้ออีกทางหนึ่ง
‘เสรีพิศุทธ์’ แย้มปมสอบ ‘พี่เอ้’ ยันเรื่องร้องนานแล้ว ปัดเตะตัดขา-เสรีรวมไทยไม่ส่งผู้ว่าฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3166527
‘เสรีพิศุทธ์’ แย้มปมสอบ ‘พี่เอ้’ ยันเรื่องร้องนานแล้ว ปัดเตะตัดขา-เสรีรวมไทยไม่ส่งผู้ว่าฯ
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกรณีการตรวจสอบ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่และร่ำรวยผิดปกติว่า เรียนตรงๆ ตนไม่อยากให้ข่าวเลย เพราะข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนกับเรื่องอื่นๆในกมธ.ที่ไม่พยายามให้ข่าว โดยเรื่องนี้มีผู้มาร้อง ซึ่งขอปกปิดชื่อมายื่นกับตน ไม่รู้ว่าจะเป็นคนภายในมหาวิทยาลัยหรือไม่ เพราะหากเปิดเผยชื่อก็อาจจะอยู่ไม่สุข โดยเป็นคำร้องเรียนเรื่องทุจริตในตำแหน่งอธิการบดีเป็นหลัก ร่ำรวยเป็นรายละเอียดประกอบคำร้องเฉยๆ เป็นเรื่องในทำนองการจัดซื้อจัดจ้าง
“เรื่องนี้จริงๆเขาร้องมานานแล้ว ผมในฐานะประธานป.ป.ช.ก็ต้องดูคนมีความรู้ในแต่ละเรื่องว่า กมธ.คนใดเหมาะสมจะรับไปดำเนินการโดยเฉพาะ แต่การทำงานก็ทำในรูปของกมธ. จึงมอบให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไปดำเนินการ ที่เอ่ยชื่อตรงนี้มา เพราะเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ มีการเชิญรักษาการอธิการบดีสจล. และกรมสรรพากรมาแถลงข้อเท็จจริง ซึ่งในระหว่านั้น นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกมธ.นั่งฟังอยู่ด้วย จึงโต้แย้งข้อความเป็นธรรมให้นายสุชัชวีร์ ผมจึงยืนยันว่า ให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว เรื่องนี้ที่ผ่านมา ไม่เคยออกข่าวอะไรเลย และเหตุที่ให้นายธีรัชชัย ทำ เพราะเขาเป็นคนมีความรู้ความสามารถยืนยันเรื่องนี้ร้องมานานแล้ว กว่าจะขอมติเพื่อพิจารณาก็ใช้เวลา พอมีมติแล้วก็ใช่ว่าจะบรรจุเรื่องได้เลย เพราะเรื่องอื่นๆมีค้าง ต้องเชิญบุคคลต่างๆไว้ก่อน” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนขอขอเรียนไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า ตอนเรื่องนี้เข้ามายังไม่รู้เลยว่า พรรคก้าวไกลจะส่งใครลงผู้ว่าฯหรือไม่ แต่พรรคเสรีรวมไทย ไม่ส่งอยู่แล้ว บางทีมาคิดกันว่าเป็นเรื่องการเมือง เตะตัดขากัน บอกไปถึงนายสุชัชวีร์ด้วยว่า ไม่ต้องเกรงใจตน ตนยืนยันว่า ให้ความเป็นธรรมเต็มที่ ที่ผ่านมา ตนเคยเชิญนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ลูกชายกำนันเป๊าะ มาในกมธ. กลับไปกลัวตนจะชี้มูลความผิดต่างๆ แต่พอสอบๆไปนายสนธยาไม่ผิดก็มีมติยุติเรื่อง เพราะผู้ถูกร้องไม่ได้กระทำผิด ก็ถึงจะมาเข้าใจว่า ตนไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ที่เพิ่งเป็นข่าว เพราะเรื่องนี้เพิ่งเชิญผู้เกี่ยวข้องมา เรื่องเพิ่งบรรจุ ยังไม่มีข้อเท็จจริงอะไรต่างๆมากมายเท่าไหร่เลย
เมื่อถามว่า จะเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบหรือไม่ เพราะพรรคก้าวไกลส่งผู้สมัครผู้ว่าฯด้วย เกรงว่าจะเป็นครหา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า อยู่ดีๆจะเปลี่ยน เพราะไม่ไว้วางใจนายธีรัชชัยหรือ ดังนั้นเรื่องนี้มันต้องมีต้นเรื่องก่อน หากนายสุชัชวีร์ ต้องการคัดค้านก็แจ้ง ตนพร้อมมาเปลี่