ไม่รู้สึกผูกพันกับแม่แท้ๆทิ้งตั้งแต่ทารก​ ไม่รู้สึกอยากช่วย​ ไม่อยากรับรู้สารทุกข์สุกดิบจากท่าน​ ผิดไหม?

กระทู้คำถาม
ขอเกริ่นเล่ายาวสักหน่อยนะครับ

ตั้งแต่เล็กจำความได้ผมก็รู้แล้วว่าตัวเองเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆแล้วโดยพ่อแม่บุญธรรม... ผมรู้เรื่องนี้จากพ่อแม่บุญธรรมตั้งแต่เด็กๆ​ แล้ว  จำได้ว่าท่านเคยเล่าว่า​ พ่อแม่แท้ๆผมมีปัญหากัน​ เพราะผมเกิดจากลูกเมียน้อย​ แล้วเมียหลวงไม่ยอม​ให้พ่อเลี้ยงผม​ ทางแม่แท้ๆก็ปัดไม่เลี้ยงผม​ จนสุดท้ายเพื่อไม่ให้มีปัญหา​ พ่อแท้ๆเลยต้องเอาผมไปทิ้งไว้ที่หน้ากองพันที่พ่อผมสังกัดตั้งแต่ผมอายุ14วัน​ ส่วนแม่ผมก็แยกทางกับพ่อตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังจากผมถูกทิ้งได้ไม่นาน​ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งได้ยินเสียงผมร้อง​ แล้วเดินมาเห็นว่าผมถูกทิ้งอยู่หน้ากองพัน​ ท่านก็ไม่รู้ว่าผมเป็นลูกใคร​ ได้แต่อุ้ม​ แล้วเอาผมกลับมาบ้านมาดูแลก่อน​ หลังจากนั้นก็พยายามสืบว่าผมเป็นลูกใคร​ ผู้ชายคนนี้ก็คือพ่อบุญธรรมของผมเอง

ซึ่งณ​ตอนที่ท่านเอาผมมาเลี้ยงที่บ้าน​ ตอนนั้นท่านมีภรรยาด้วยอยู่แล้ว​ แล้วตอนที่ภรรยา(ซึ่งเป็นแม่บุญธรรมผมต่อมท)​กลับมาบ้านหลังทำงาน​ ก็สงสัยว่าพ่อบุญธรรมไปเอาเด็กที่ไหนมาเลี้ยง​ 555​ ตอนแรกก็เหมือนจะไม่โอเค​ แต่พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาด้วยความผูกพัน​ ท่านทั้ง2ก็เต็มใจที่จะรับผมมาเลี้ยงเหมือนลูก​ (ด้วยความที่พ่อแม่ผมอยากมีลูกด้วยอยู่แล้ว​ แต่พ่อบุญธรรม​ผมเป็นหมัน)​
ระหว่างเลี้ยงดู​ พ่อบุญธรรมก็สืบจนรู้ว่าผมเป็นลูกใคร​ แล้วได้ไปคุย​กับพ่อแท้ๆของผม ด้วยความที่พ่อแท้ๆผมมีปัญหากับเมียหลวง​ จึงเต็มใจให้พ่อแม่บุญธรรมรับเลี้ยงผมไว้​ แล้วพ่อแท้ๆก็ช่วยใช้จ่ายเรื่องค่านม​ เงิน​ ช่วงแรกๆ​ แต่นานๆไปก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย​ แต่ด้วยความที่พ่อแม่บุญธรรมผูกพันกับผมไปแล้ว​จึงยินดีที่รับผมเป็นลูกและเลี้ยงผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา​ ​และก็ได้ย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดด้วยกัน​ เลี้ยงผมเติบโตจนถึงทุกวันนี้​ (จำได้ว่าพ่อแม่บุญธรรมเคยพาผมไปเยี่ยมพ่อแท้ๆของผมบ้าง​ จนถึงป.2​ ท่านก็เสียชีวิต​ลง​ ผมก็ไปบวชให้พ่อแท้ๆด้วยเหมือนกัน)​

พ่อแม่บุญธรรมผมเลี้ยงผมด้วยความรัก​ความอบอุ่นจริงๆ​ ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขาดความรักจากพ่อแม่เลยรวมถึงญาติฝ่ายแม่บุญธรรมเลี้ยงผมก็ช่วยซัพพอทผมดีมาก​ๆ​ ซึ่งผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆที่ได้มาโตกับสภาพแวดล้อมที่มีแต่ความอบอุ่น​

จนถึงวันที่มีความจำเป็นต้องติดต่อหาแม่แท้ๆที่ไม่เคยติดต่อมาตั้งแต่ผมเกิดและถูกรับมาเลี้ยง​ เพื่อให้แม่แท้ๆมาเซ็นเอกสาร​ เพื่อให้ผมสมัคร ร.ด.ตอนม.4​ ซึ่งตอนนั้น​ ผมเจอแม่แท้ๆครั้งแรก​ ผมไม่มีความรู้สึกผูกพันเลย​ แต่ท่านก็บอกว่าตอนนั้นท่านไม่รู้ว่าพ่อแท้ๆผมทิ้งผมไว้หน้ากองพันหลังจากแยกทางกับพ่อแท้ๆผม​ ถ้าท่านรู้ท่านบอกท่านจะเอาผมมาเลี้ยง​ ท่านเข้ามากอดผม​ ท่านก็เล่าปัญหาชีวิตที่ผ่านมา​ท่านก็ลำบากเหมือนกัน​ เอาจริงๆตอนนั้นผมรู้สึกว่างเปล่าไม่มีความรู้สึกใดๆกับแม่แท้ๆคนนี้​เลย​ แต่ก็ไม่โกรธ​ และเข้าใจท่าน​ แต่ตอนนั้นผมรู้สึกแคร์ความรู้สึกแม่บุญธรรมผมมากกว่า​ เพราะผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกกังวล​ของแม่บุญธรรม​ ท่านกลัวว่าผมจะทิ้งท่านไปอยู่กับแม่แท้ๆ​ ผมพยายามบอกและกอดแม่บุญธรรมตลอดว่าผมจะไม่ทิ้งท่านไปไหนหรอก​ จะอยู่กับแม่คนนี้ที่เลี้ยงผมมานี่แหละ​

แม่แท้ๆมาใช้ชีวิตอยู่กับผมประมาณ3-4วันท่านก็กลับไป​ โดยค่าเดินทางทั้งหมด​ แม่บุญธรรมผมเป็นคนจ่ายให้

สิ่งที่ผมโกรธคือหลังจากนั้นแม่แท้ๆติดต่อกับแม่บุญธรรมมาตลอด​ มาขอยืมเงิน​ จนตอนนั้นจำได้ว่าแม่บุญธรรมผมลำบากมากเหมือนกันที่ต้องหาเงินมาช่วย​ตามที่เขาร้องขอ​ ซึ่งผมไม่โอเครกับเรื่องนี้จริงๆ​ พอมารู้ทีหลัง​ เลยรู้สึกว่าทำไมแม่ใจร้ายมากที่ผ่านมาไม่เคยมาดูดำดูดี​ผม​ แต่สุดท้ายมาทำให้ครอบครัวที่ผมอยู่ด้วยเดือดร้อนด้วยข้ออ้างว่าตัวเองลำบาก​ ผมโกรธมาก​ เพราะด้วยความที่แม่บุญธรรมผมเป็นคนนิสัยดีมากชอบช่วยเหลือคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองลำบาก​ ขี้สงสาร

หลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับท่านอีกเลย​ นานๆครั้งที่ผมจะเป็นฝ่ายติดต่อไปถามสารทุกข์สุกดิบ​
ยิ่งตอนที่ผมจบมหาลัย ทำงานใหม่ๆ​ เวลาผมโทรไป ท่านก็จะเล่าความลำบาก​ และนานๆจะโทรมาหาขอตังจากผม​ ซึ่งตอนนั้นผมก็ให้ท่านนั้น​ แต่หลังจากนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองมีเงินเดือนน้อย​ และอยากที่จะทุ่มเทเอาเงินเดือนให้พ่อแม่บุญธรรมที่เลี้ยงดูผมมากกว่า
พอคิดได้ยังงี้ผมเลยไม่โทรหาแม่แท้ๆผมอีกเลย​ และท่านก็ไม่โทรหาผมด้วย​ จนผ่านมาเกือบ3ปี​ ปัจจุบันผมเหลือแม่บุญธรรมคนเดียว​ พ่อบุญธรรมเพิ่งเสียได้ไม่นาน​ ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเสาหลักคนเดียวของแม่ผมแล้วอยากจะดูแลท่านให้ดีที่สุด
​ที่ผ่านมาท่านทั้ง2เลี้ยงดูผมไม่เคยให้ผมลำบากและอดเลย​ ส่งผมจนเรียนจบ​ ท่านมีภาระหนี้​แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากขอให้ช่วย​ พอผมรู้ว่าท่านมีหนี้​​ผมเต็มใจที่จะช่วยท่าน​ พอผมจบมามีงานมีเงินเดือนผมคิดแค่อยากจะโฟกัสช่วยให้ท่านสบาย​ แบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่งช่วยใช้หนี้อีกส่วนหนึ่งแบ่งเงินให้ท่านกินอยู่​ ​  ปัจจุบันแม่ผมเริ่มสบายตัวขึ้น​เพราะภาระที่ปลดไปได้ค่อนข้างเยอะ

จนมาวันนี้​ แม่บุญธรรมผมเอ่ยปากถามผมว่าติดต่อกับแม่บ้างโอนเงินให้เขากินใช้บ้างไหม? ผมก็บอกว่าไม่ได้ติดต่อเลย​ และไม่ได้ให้เงินด้วย​ ผมก็ตอบกับแม่บุญธรรมผมไปตรงๆว่าทำไมผมต้องให้​ เพราะท่านไม่เคยเลี้ยงดูผมมาเลย​ ถ้าเราไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่ตอนนั้น​ แม่แท้ๆของผมคนนั้นจะติดต่อหาผมไหม​ มีวันไหนที่โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบแล้วไม่ขอเงินผม​ ไม่มีเลย​ ผมเลยคิดว่าต่างคนต่างอยู่ก็ได้
ผมมีแม่อยู่แล้วทั้งคนแม่ที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กเหมือนลูกในไส้​ ผมอยากทุ่มเทดูแลแม่คนนี้มากกว่า​

แม่บุญธรรมผมได้ยินผมพูดแบบนี้ก็ร้องไห้แล้วบอกผมว่าสงสารแม่แท้ๆของผม​ถ้าท่านมาได้ยินคำพูดแบบนี้เขาคงเสียใจ ท่านบอกให้ส่งเงินไปบ้างก็ได้ให้ท่านบ้าง​ โทรไปหาบ้างสักหน่อย​ อาจจะลดความอกตัญญูลงไปบ้างเพราะท่านเบ่งเรามา9เดือน​ อยากให้ผมก็ตอบแทนท่านไปบ้าง​ก็ยังดี​

ตอนนี้ผมรู้สึกว่า​ ผมไม่อยากโทร​ อยากต่างคนต่างอยู่ไม่รับรู้อะไรจากแม่แท้ๆ​ ไม่อยากช่วย​ ผิดไหมที่ผมรู้สึกแบบนี้?
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่