ก่อนอื่นขออนุญาตทุกท่านเสนอความคิดเห็นอย่างสุภาพ และรบกวนขอเป็นมุมมองความเป็นจริงที่ไม่มีเรื่องบาปบุญด้วยนะคะ
หากไม่ถูกใจท่านใด ขออภัยล่วงหน้า และเลื่อนผ่านกระทู้ได้เลยค่ะ
เราอายุ 27 ค่ะ ส่วนแฟนอายุ 29 เราสองคนได้แต่งงาน จดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้วค่ะ เราทั้งคู่มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจส่วนตัว มีหน้าที่การงานประจำที่มั่นคงกันแล้วทั้งคู่ ถือว่าฐานะไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ แต่ก็ไม่ได้เหลือเฟือจนมีเงินเก็บก้อนใหญ่ เงินเดือนก็เพียงพอสำหรับการจ่ายหนี้ และการใช้ชีวิตแบบไม่ให้ตัวเองลำบาก ได้กิน ได้เที่ยว แบบวัยรุ่นทั่วไป ส่วนเงินจากธุรกิจ ตอนนี้ก็ยังถือว่ายังหมุนได้ด้วยตัวเขาเอง เราขอไม่นับเงินส่วนนั้นเป็นรายได้ค่ะ เนื่องจากธุรกิจยังไม่ได้เติบโตอะไรมาก
และตอนนี้เราพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ค่ะ เมื่อนับจากรอบประจำเดือน น้องน่าจะอายุราวๆ 4-5 สัปดาห์ค่ะ ตอนที่ทราบทั้งเราและแฟนก็ไม่ได้เสียใจ หรือดีใจอะไรกัน เพราะอันที่จริงๆก็ยังไม่ได้แพลนว่าจะมีตอนนี้ แพลนไว้ว่าอาจจะสัก 2-3 ปีถึงจะเริ่มตั้งใจมี ครั้งนี้น้องมาก็ยอมรับว่ามาจากการที่เราทั้งคู่ชะล่าใจเรื่องการป้องกัน น้อมรับความผิดพลาดหากจะเรียกว่าประมาท เนื่องจากปกติทานยาคุมรายเดือน แต่มีช่วงแต่งงานที่ตรงกับช่วงไข่ตกพอดี และเครียดเรื่องการจัดงานจนทานยาไม่สม่ำเสมอ บวกกับหลังแต่งงานเราทั้งคู่ก็ไม่ได้มองว่าการตั้งครรภ์มันจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการใช้ชีวิตใดๆอีกแล้ว จึงเริ่มกลับมาทานยาคุมแผงเดิมต่อเลยโดยที่ไม่ได้รอตามหลักการทานแต่อย่างใด และพอน้องมาแล้วจริงๆ เราก็กลับมาทบทวนค่ะว่าเราพร้อมที่จะสละความคล่องตัวในการทำงาน ความสนุกในการใช้ชีวิตจริงๆแล้วหรือเปล่า ซึ่งคิดอยู่หลายวันก็พบว่าเรายังอยากเต็มที่กับการทำงาน อยากเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ก่อน แต่ในตอนที่ตัดสินใจว่าจะยุติการตั้งครรภ์มันก็เกิดความเสียใจขึ้นมาว่าถูกต้องแล้วหรือไม่ที่จะทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่เราสร้างเขาขึ้นมา ยอมรับตรงๆว่ามันยังไม่ใช่ความรัก ความผูกพันนะคะ มันเป็นแค่การเสียใจกับการเลือกของตัวเองเท่านั้น
เราร้องไห้หนักอยู่ประมาณ 3 วัน เพราะรู้ตัวเองแล้วว่าอยากเต็มที่กับชีวิตที่ยังสนุกกับการทำงาน และจะยุติการตั้งครรภ์ พอแฟนเห็นแบบนั้น เขาก็บอกว่าเก็บไว้ดีกว่าหรือเปล่า ถ้าการตัดสินใจนี้มันทำให้เราเสียใจมากขนาดนั้น ยังไงเราก็เลี้ยงเขาไหว มันอาจจะหาสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ให้เขาไม่ได้ แต่ชีวิตเขาต่อไปจะไม่ลำบากอย่างแน่นอน แต่เราก็กังวลมากกว่าว่าแล้วถ้าต่อไปมันเกิดปัญหา ถ้าอยู่ๆมีเหตุการณ์ใช้เงินก้อนใหญ่ เราจะมีให้ลูกเหรอ และมันมีหลายเหตุการณ์อย่างแน่นอนที่จะใช้เงินกับเด็กหนึ่งคนไปอีกหลายปี เพราะเราอยากเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะไหว ไม่ใช่แค่คำว่าเลี้ยงได้
การไปยุติการตั้งครรภ์เรามั่นใจว่าตัวเองจะเสียใจมากแน่ๆค่ะ แต่มันคงเป็นแค่ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นมันคงดีขึ้นตามลำดับ แม้เราจะไม่มีทางลืมเหตุการณ์นี้ก็ตาม แต่การเก็บเขาไว้ เรามองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ มีแต่ความกังวลเต็มไปหมด เพราะสำหรับเรา เงินในปัจจุบันมันสำคัญมากๆจริงๆ ถ้าเราไม่มีมากพอที่จะรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างสบายใจ เราก็ไม่กล้าเอาอีกหนึ่งชีวิตมาเสี่ยงด้วยค่ะ และที่สำคัญ เรามองไม่เห็นว่าตัวเองจะมีแรงผลักดันในหลายๆด้าน แค่เพราะมีอีกชีวิตที่ต้องดูแล
และอีกเหตุผลหลักที่คงฟังไม่เข้าท่าสำหรับหลายคน ขออนุญาตยอมรับตรงๆค่ะว่าเรามีความรู้สึกอายที่ต้องตั้งท้องมาทำงานค่ะ รู้สึกว่าการตั้งท้องมันคือหลุดออกจากวงของวัยสนุก และต้องเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เตรียมความพร้อมรับความรับผิดชอบซึ่ง สังคมที่ทำงานมีแต่เพื่อนร่วมงานที่วัยใกล้เคียงกัน น้อยคนมากที่แต่งงาน ส่วนเรื่องมีลูกคือมีแค่ระดับผู้บริหารเลย มันเป็นสังคมที่ยังต้องการความคล่องตัวในการทำงาน คิดโปรเจค ทำวิจัย ซึ่งเรากำลังสนุกมากๆ และคล่องแคล่วในการทำงานมากๆค่ะ
ขออธิบายในมุมแฟนอีกนิดหน่อยนะคะ เขาให้สิทธิ์การตัดสินใจเด็ดขาดอยู่ที่เราค่ะ เขาพร้อมจะทำดีที่สุดในทุกทางที่เราเลือก แต่ถ้าส่วนตัวเขาเอง เขาก็มองว่าการให้น้องมาเกิดในจังหวะที่เราลังเลและเกิดความเครียดกับอนาคตของลูกแบบนี้ เขาก็สนับสนุนให้ยุติการตั้งครรภ์มากกว่าค่ะ
สอบถามความคิดเห็นในการยุติการตั้งครรภ์ ในวันที่มีความพร้อมในระดับหนึ่งแล้วค่ะ
หากไม่ถูกใจท่านใด ขออภัยล่วงหน้า และเลื่อนผ่านกระทู้ได้เลยค่ะ
เราอายุ 27 ค่ะ ส่วนแฟนอายุ 29 เราสองคนได้แต่งงาน จดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้วค่ะ เราทั้งคู่มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจส่วนตัว มีหน้าที่การงานประจำที่มั่นคงกันแล้วทั้งคู่ ถือว่าฐานะไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ แต่ก็ไม่ได้เหลือเฟือจนมีเงินเก็บก้อนใหญ่ เงินเดือนก็เพียงพอสำหรับการจ่ายหนี้ และการใช้ชีวิตแบบไม่ให้ตัวเองลำบาก ได้กิน ได้เที่ยว แบบวัยรุ่นทั่วไป ส่วนเงินจากธุรกิจ ตอนนี้ก็ยังถือว่ายังหมุนได้ด้วยตัวเขาเอง เราขอไม่นับเงินส่วนนั้นเป็นรายได้ค่ะ เนื่องจากธุรกิจยังไม่ได้เติบโตอะไรมาก
และตอนนี้เราพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ค่ะ เมื่อนับจากรอบประจำเดือน น้องน่าจะอายุราวๆ 4-5 สัปดาห์ค่ะ ตอนที่ทราบทั้งเราและแฟนก็ไม่ได้เสียใจ หรือดีใจอะไรกัน เพราะอันที่จริงๆก็ยังไม่ได้แพลนว่าจะมีตอนนี้ แพลนไว้ว่าอาจจะสัก 2-3 ปีถึงจะเริ่มตั้งใจมี ครั้งนี้น้องมาก็ยอมรับว่ามาจากการที่เราทั้งคู่ชะล่าใจเรื่องการป้องกัน น้อมรับความผิดพลาดหากจะเรียกว่าประมาท เนื่องจากปกติทานยาคุมรายเดือน แต่มีช่วงแต่งงานที่ตรงกับช่วงไข่ตกพอดี และเครียดเรื่องการจัดงานจนทานยาไม่สม่ำเสมอ บวกกับหลังแต่งงานเราทั้งคู่ก็ไม่ได้มองว่าการตั้งครรภ์มันจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการใช้ชีวิตใดๆอีกแล้ว จึงเริ่มกลับมาทานยาคุมแผงเดิมต่อเลยโดยที่ไม่ได้รอตามหลักการทานแต่อย่างใด และพอน้องมาแล้วจริงๆ เราก็กลับมาทบทวนค่ะว่าเราพร้อมที่จะสละความคล่องตัวในการทำงาน ความสนุกในการใช้ชีวิตจริงๆแล้วหรือเปล่า ซึ่งคิดอยู่หลายวันก็พบว่าเรายังอยากเต็มที่กับการทำงาน อยากเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ก่อน แต่ในตอนที่ตัดสินใจว่าจะยุติการตั้งครรภ์มันก็เกิดความเสียใจขึ้นมาว่าถูกต้องแล้วหรือไม่ที่จะทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่เราสร้างเขาขึ้นมา ยอมรับตรงๆว่ามันยังไม่ใช่ความรัก ความผูกพันนะคะ มันเป็นแค่การเสียใจกับการเลือกของตัวเองเท่านั้น
เราร้องไห้หนักอยู่ประมาณ 3 วัน เพราะรู้ตัวเองแล้วว่าอยากเต็มที่กับชีวิตที่ยังสนุกกับการทำงาน และจะยุติการตั้งครรภ์ พอแฟนเห็นแบบนั้น เขาก็บอกว่าเก็บไว้ดีกว่าหรือเปล่า ถ้าการตัดสินใจนี้มันทำให้เราเสียใจมากขนาดนั้น ยังไงเราก็เลี้ยงเขาไหว มันอาจจะหาสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ให้เขาไม่ได้ แต่ชีวิตเขาต่อไปจะไม่ลำบากอย่างแน่นอน แต่เราก็กังวลมากกว่าว่าแล้วถ้าต่อไปมันเกิดปัญหา ถ้าอยู่ๆมีเหตุการณ์ใช้เงินก้อนใหญ่ เราจะมีให้ลูกเหรอ และมันมีหลายเหตุการณ์อย่างแน่นอนที่จะใช้เงินกับเด็กหนึ่งคนไปอีกหลายปี เพราะเราอยากเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะไหว ไม่ใช่แค่คำว่าเลี้ยงได้
การไปยุติการตั้งครรภ์เรามั่นใจว่าตัวเองจะเสียใจมากแน่ๆค่ะ แต่มันคงเป็นแค่ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นมันคงดีขึ้นตามลำดับ แม้เราจะไม่มีทางลืมเหตุการณ์นี้ก็ตาม แต่การเก็บเขาไว้ เรามองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ มีแต่ความกังวลเต็มไปหมด เพราะสำหรับเรา เงินในปัจจุบันมันสำคัญมากๆจริงๆ ถ้าเราไม่มีมากพอที่จะรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างสบายใจ เราก็ไม่กล้าเอาอีกหนึ่งชีวิตมาเสี่ยงด้วยค่ะ และที่สำคัญ เรามองไม่เห็นว่าตัวเองจะมีแรงผลักดันในหลายๆด้าน แค่เพราะมีอีกชีวิตที่ต้องดูแล
และอีกเหตุผลหลักที่คงฟังไม่เข้าท่าสำหรับหลายคน ขออนุญาตยอมรับตรงๆค่ะว่าเรามีความรู้สึกอายที่ต้องตั้งท้องมาทำงานค่ะ รู้สึกว่าการตั้งท้องมันคือหลุดออกจากวงของวัยสนุก และต้องเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เตรียมความพร้อมรับความรับผิดชอบซึ่ง สังคมที่ทำงานมีแต่เพื่อนร่วมงานที่วัยใกล้เคียงกัน น้อยคนมากที่แต่งงาน ส่วนเรื่องมีลูกคือมีแค่ระดับผู้บริหารเลย มันเป็นสังคมที่ยังต้องการความคล่องตัวในการทำงาน คิดโปรเจค ทำวิจัย ซึ่งเรากำลังสนุกมากๆ และคล่องแคล่วในการทำงานมากๆค่ะ
ขออธิบายในมุมแฟนอีกนิดหน่อยนะคะ เขาให้สิทธิ์การตัดสินใจเด็ดขาดอยู่ที่เราค่ะ เขาพร้อมจะทำดีที่สุดในทุกทางที่เราเลือก แต่ถ้าส่วนตัวเขาเอง เขาก็มองว่าการให้น้องมาเกิดในจังหวะที่เราลังเลและเกิดความเครียดกับอนาคตของลูกแบบนี้ เขาก็สนับสนุนให้ยุติการตั้งครรภ์มากกว่าค่ะ