บ่นกันทั้งแผ่นดิน น้ำมันเเพงกระทบค่าครองชีพ วินมอเตอร์ไซค์พ้อได้แต่ทำใจ
https://ch3plus.com/news/category/277267
วันนี้ประชาชนเริ่มส่งเสียงสะท้อนถึงปัญหาน้ำมันแพงกันแรงขึ้น ซึ่งกำลังส่งผลกระทบไปทุกสาขาอาชีพ
มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ใช้คำว่าต้องทำใจ เพราะวันนี้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์แตะ 34.55 บาทต่อลิตรแล้ว ถ้าแวะเข้าปั้มเอกชน ก็ทะลุ 35 บาทไปแล้ว ตั้งแต่ต้นปี ขึ้นมา 3 บาทกว่า เคยเติมเต็มถัง แค่ 100 กว่าบาท แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นถึง 200 บาท สวนทางกับลูกค้าที่น้อยลง ทำให้รายได้ที่เหลือต่อวัน จาก 4 ถึง 500 บาท เหลือเพียง 100 กว่าบาทต่อวันเท่านั้น
ขณะที่พ่อค้าเสื้อผ้ามือสอง ที่ต้องตระเวนขายไปตามตลาดนัดรายนี้ ต้องลดวันขายของเหลือเพียง 3 ถึง 4 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากวันนี้สตาร์ชรถออกจากบ้านแต่ละครั้ง ต้องมีต้นทุนน้ำมันไม่ต่ำกว่า 500 บาท และเมื่อบวกกับค่าเช่าแผง และค่าใช้จ่ายอื่น อย่างน้อยต้องควักจ่ายแล้ว 1,500-2,000 บาทต่อวัน
ขณะที่ในโลกโซเชียล ก็มีเสียงบ่นกันระงม เหนื่อยใจกับราคาน้ำมัน ที่ปัจจุบันลิตรละ 35 บาท กับระยะทางที่ต้องขับรถไปทำงาน ไป-กลับ วันละเกือบ 100 กิโล บางคน บอก เติมสัปดาห์ละครั้ง เดือนหนึ่งก็ตก 5 ถึง 6 พันบาท เป็นภาระที่หนัก หรือ เมื่อก่อนเติมเต็มถัง 1 พัน แต่ตอนนี้ เต็มถัง 1,500 บาทแล้ว
ขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ที่ประชุมกันในวันนี้ ห่วงความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ อันดับที่สองของโลก จะส่งผลราคาน้ำมันตรึงตัวมากขึ้น ทำสินค้าพาเหรดขึ้นราคา และกระทบเงินเฟ้อในปีนี้ ซึ่งล่าสุด กกร.ได้รับกรอบเงินเฟ้อปีนี้ เป็น 1.5 - 2.5% จากเดิม 1.2 - 2% และครึ่งปีแรกอาจแตะ 3% รับราคาพลังงานขาขึ้น พร้อมวอนภาครัฐตรึงราคาพลังงาน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน
อย่างไรก็ดี ตลาดกำลังจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส ในวันนี้ ซึ่งคาดกันว่าอาจปรับเพิ่มกำลังผลิตมากกว่าแผนเดิม ที่วางไว้ที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน ตามข้อเรียกร้องของสหรัฐ
ชมผ่านยูทูบ :
https://youtu.be/73ciERyl1Ho
กองทุนน้ำมันวิกฤตติดลบ 1.4 หมื่นล้าน ลุ้น 3 แบงก์ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง
https://www.prachachat.net/economy/news-856120
ผวาราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งเกิน 90 เหรียญสหรัฐสะเทือนโลก “พาณิชย์” จ่อปรับประมาณการเงินเฟ้อปี’65 ภาคขนส่งกระทบหนักสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ชี้อ่วมทั้งทางบก-ทางทะเล-ทางอากาศ ด้านกองทุนน้ำมันฯต่อเวลาเจรจา 3 แบงก์ปล่อยกู้ หวั่นสภาพคล่องเงินเหลือ 2 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่เป็นราคาอ้างอิงของตลาดน้ำมันโลก พุ่งกลับขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้งตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) แกว่งตัวอยู่ใกล้ ๆ 88.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาน้ำมันสูงสุดในรอบ 7 ปีเช่นกัน
สาเหตุของน้ำมันแพงในรอบนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาความขัดแย้ง “รัสเซีย-ยูเครน” ซึ่งจวนเจียนจะปะทุเป็นสงครามย่อย ๆ และกรณีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธข้ามพรมแดน หวังโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เป็นหนึ่งในแนวร่วมสำคัญของกองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของซาอุดีอาระเบีย ยิ่งซ้ำเติมปัญหาราคาน้ำมันดิบโลก
พาณิชย์จ่อปรับเงินเฟ้อ
นาย
วิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัญหาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ สนค.เตรียมประมาณการเงินเฟ้อใหม่ จากเดิมที่คาดไว้ว่าเงินเฟ้อปี 2565 จะขยายตัวในช่วง 0.7-2.4% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 1.5%
ภายใต้สมมติฐานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) 3.5-4.5%, อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 31.5-33.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบดูไบ 63-73 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งล่าสุดระดับราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นไปเหนือสมมุติฐาน ขณะที่ปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังคงระดับเดิม
“ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ เพราะนอกจากปัจจัยราคาน้ำมันดิบแล้วก็ยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จากฐานเงินเฟ้อของปีที่แล้วต่ำด้วย อาจจะทำให้มองว่าเงินเฟ้อขยับขึ้น แต่ตามความเห็นน่าจะปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งทั้งปี 2565 เงินเฟ้อไม่น่าจะปรับตัวขึ้นถึง 2% แน่นอน โดย สนค.จะแถลงเงินเฟ้อในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 น่าจะสามารถประเมินผลกระทบเบื้องต้นได้”
นาย
วิชานันกล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นส่งผลกระทบทันทีต่อภาคการขนส่งที่ใช้น้ำมัน ส่วนจะกระทบมากน้อยเพียงใดยังต้องรอวิเคราะห์สถานการณ์ก่อน รวมถึงต้องพิจารณามาตรการภาครัฐว่าจะมีอะไรเข้ามาช่วยเหลือบ้าง เนื่องจากมีเรื่องของงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง หากจะใช้มาตรการค่าน้ำ ค่าไฟ การตรึงราคาน้ำมัน แต่สิ่งที่ประเมินและช่วยได้คงเป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนมีเงินใช้จ่ายในช่วงนี้
ลุ้นน้ำมันไม่ถึง 100 เหรียญ
นาย
ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ปัญหาราคาน้ำมันส่งผลกระทบต่อกลุ่มขนส่งทั้งทางบก ทางอากาศ และทางเรือ ส่วนจะปรับขึ้นค่าขนส่งเท่าไรต้องติดตามอีกครั้ง อาจจะต้องรอการเจรจาค่าขนส่งในไตรมาส 2 เพราะการส่งมอบสินค้าในช่วงไตรมาส 1 มีการเจรจาไว้แล้ว ซึ่งสัญญาณของค่าขนส่งยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้ภาคการขนส่งยังไม่ได้กลับมาเต็มรูปแบบ 100% ยังมีข้อจำกัดของการเดินทาง การขนส่ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายในการผลักดันยอดส่งออกปี 2565 ให้ถึงเป้าหมาย 5-8%
อย่างไรก็ตาม สรท.ยังมั่นใจว่าจากปัญหาระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งไปถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ อาทิ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐ อิหร่าน อิรัก หรือแม้แต่รัสเซีย จะยังผลิตน้ำมันดิบออกสู่ตลาด ไม่ได้มีสัญญาณว่าจะชะลอตัวแต่อย่างไร อีกทั้งสหรัฐคงไม่ปล่อยให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เพราะอาจกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจรวมถึงเกิดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ คาดว่าสหรัฐน่าจะปล่อยเชลออยล์ (shale oil) ออกมาสู่ตลาดเพื่อลดแรงกดดันราคาน้ำมันดิบในตลาด
และขณะนี้ยังเป็นช่วงที่มีความต้องการพลังงานในกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งความต้องการใช้พลังงานสูงอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าหลังจากเดือนมีนาคม 2565 เป็นต้นไป ความต้องการด้านพลังงานก็จะลดลง แนวโน้มราคาพลังงาน น้ำมันก็น่าจะปรับตัวลดลงด้วย
ลุ้นแบงก์ปล่อยกู้กองทุน
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยถึงความคืบหน้าการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงวิกฤตน้ำมันแพง สำหรับใช้อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกินลิตรละ 30 บาท รวมทั้งตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ราคา 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 ว่า
หลังจากที่สิ้นสุดระยะเวลาเปิดให้สถาบันการเงินยื่นเงื่อนไขปล่อยกู้กองทุนเมื่อ 31 มกราคม 2565 พบว่าจากที่มีผู้สอบถามเข้ามากว่า 10 รายสรุปว่าสถาบันการเงิน 3 แห่งยื่นเงื่อนไขให้กู้เงิน 20,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไว้ให้ 30,000 ล้านบาท
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังติดขัดเรื่องระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ของทางธนาคารแต่ละแห่ง เพราะเป็นวงเงินกู้ก้อนใหญ่ แต่ละธนาคารจึงต้องนำเข้าวาระการประชุมและขอความเห็นชอบจากบอร์ดก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยง”
โดยล่าสุด สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) จะทำเรื่องเสนอคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อขอขยายเวลาให้สถาบันการเงินนำเรื่องแพ็กเกจเงินกู้ 20,000 ล้านบาท เข้าขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการธนาคารก่อน ขณะนี้จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเงินกู้ได้ว่าเป็นของธนาคารไหน อย่างไรก็ตาม ยังคาดว่าจะสามารถกู้เงินได้ทันในเดือน เม.ย.นี้
“ณ วันที่ 30 ม.ค. 2565 ฐานะกองทุนติดลบ 14,080 ล้านบาท มีกระแสเงินสดประมาณ 24,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีเงินไหลออกเพื่อชดเชยราคาน้ำมันและก๊าซเดือนละ 7,353 ล้านบาท ดังนั้นกองทุนจะมีกระแสเงินสดใช้ได้อีกประมาณ 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย. 2565 ภายใต้สมมติฐานที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
แต่เดือน ม.ค. ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 87-89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งยอมรับว่าเกินกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้มาก ดังนั้น กรณีเลวร้ายสุดราคาน้ำมันขึ้นไปถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กองทุนอาจต้องชดเชยหรือมีเงินไหลออกประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ทำให้เงินที่มีอยู่อาจเหลือใช้ได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีที่นอกเหนือการควบคุมคือ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจุบัน หรือปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จนกองทุนใช้กระแสเงินสดหมด ไม่มีสภาพคล่องเหลือ ระหว่างรอเงินกู้จากสถาบันการเงิน และสุดท้ายเงินกู้อาจเข้ามาพยุงราคาน้ำมันในประเทศไม่ทันเดือน เม.ย.นี้ กองทุนก็ต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุด
“กองทุนอาจมีช่องทางในการหาแหล่งเงินใช้ในการพยุงราคาน้ำมันอื่น เพราะนอกเหนือจากการกู้เงิน โดย พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรา 6 ว่าด้วยเรื่องของกองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ตาม (2) ระบุเงินอุดหนุนที่รัฐบาลอาจจัดสรรให้ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินและจำเป็น ซึ่งหมายถึงกองทุนสามารถรับเงินที่มาจากรัฐบาลได้ แต่รัฐจะหาเงินจากแหล่งใดมาอุดหนุน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่”
JJNY : 4in1 บ่นกันทั้งแผ่นดิน น้ำมันเเพงกระทบค่าครองชีพ│กองทุนน้ำมันวิกฤตติดลบ│เคาะแล้ว 30 ชม.ซักฟอกรบ.│สภาล่มอีกแล้ว
https://ch3plus.com/news/category/277267
วันนี้ประชาชนเริ่มส่งเสียงสะท้อนถึงปัญหาน้ำมันแพงกันแรงขึ้น ซึ่งกำลังส่งผลกระทบไปทุกสาขาอาชีพ
มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ใช้คำว่าต้องทำใจ เพราะวันนี้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์แตะ 34.55 บาทต่อลิตรแล้ว ถ้าแวะเข้าปั้มเอกชน ก็ทะลุ 35 บาทไปแล้ว ตั้งแต่ต้นปี ขึ้นมา 3 บาทกว่า เคยเติมเต็มถัง แค่ 100 กว่าบาท แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นถึง 200 บาท สวนทางกับลูกค้าที่น้อยลง ทำให้รายได้ที่เหลือต่อวัน จาก 4 ถึง 500 บาท เหลือเพียง 100 กว่าบาทต่อวันเท่านั้น
ขณะที่พ่อค้าเสื้อผ้ามือสอง ที่ต้องตระเวนขายไปตามตลาดนัดรายนี้ ต้องลดวันขายของเหลือเพียง 3 ถึง 4 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากวันนี้สตาร์ชรถออกจากบ้านแต่ละครั้ง ต้องมีต้นทุนน้ำมันไม่ต่ำกว่า 500 บาท และเมื่อบวกกับค่าเช่าแผง และค่าใช้จ่ายอื่น อย่างน้อยต้องควักจ่ายแล้ว 1,500-2,000 บาทต่อวัน
ขณะที่ในโลกโซเชียล ก็มีเสียงบ่นกันระงม เหนื่อยใจกับราคาน้ำมัน ที่ปัจจุบันลิตรละ 35 บาท กับระยะทางที่ต้องขับรถไปทำงาน ไป-กลับ วันละเกือบ 100 กิโล บางคน บอก เติมสัปดาห์ละครั้ง เดือนหนึ่งก็ตก 5 ถึง 6 พันบาท เป็นภาระที่หนัก หรือ เมื่อก่อนเติมเต็มถัง 1 พัน แต่ตอนนี้ เต็มถัง 1,500 บาทแล้ว
ขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ที่ประชุมกันในวันนี้ ห่วงความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ อันดับที่สองของโลก จะส่งผลราคาน้ำมันตรึงตัวมากขึ้น ทำสินค้าพาเหรดขึ้นราคา และกระทบเงินเฟ้อในปีนี้ ซึ่งล่าสุด กกร.ได้รับกรอบเงินเฟ้อปีนี้ เป็น 1.5 - 2.5% จากเดิม 1.2 - 2% และครึ่งปีแรกอาจแตะ 3% รับราคาพลังงานขาขึ้น พร้อมวอนภาครัฐตรึงราคาพลังงาน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน
อย่างไรก็ดี ตลาดกำลังจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส ในวันนี้ ซึ่งคาดกันว่าอาจปรับเพิ่มกำลังผลิตมากกว่าแผนเดิม ที่วางไว้ที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน ตามข้อเรียกร้องของสหรัฐ
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/73ciERyl1Ho
กองทุนน้ำมันวิกฤตติดลบ 1.4 หมื่นล้าน ลุ้น 3 แบงก์ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง
https://www.prachachat.net/economy/news-856120
ผวาราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งเกิน 90 เหรียญสหรัฐสะเทือนโลก “พาณิชย์” จ่อปรับประมาณการเงินเฟ้อปี’65 ภาคขนส่งกระทบหนักสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ชี้อ่วมทั้งทางบก-ทางทะเล-ทางอากาศ ด้านกองทุนน้ำมันฯต่อเวลาเจรจา 3 แบงก์ปล่อยกู้ หวั่นสภาพคล่องเงินเหลือ 2 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่เป็นราคาอ้างอิงของตลาดน้ำมันโลก พุ่งกลับขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้งตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) แกว่งตัวอยู่ใกล้ ๆ 88.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาน้ำมันสูงสุดในรอบ 7 ปีเช่นกัน
สาเหตุของน้ำมันแพงในรอบนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาความขัดแย้ง “รัสเซีย-ยูเครน” ซึ่งจวนเจียนจะปะทุเป็นสงครามย่อย ๆ และกรณีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธข้ามพรมแดน หวังโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เป็นหนึ่งในแนวร่วมสำคัญของกองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของซาอุดีอาระเบีย ยิ่งซ้ำเติมปัญหาราคาน้ำมันดิบโลก
พาณิชย์จ่อปรับเงินเฟ้อ
นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัญหาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ สนค.เตรียมประมาณการเงินเฟ้อใหม่ จากเดิมที่คาดไว้ว่าเงินเฟ้อปี 2565 จะขยายตัวในช่วง 0.7-2.4% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 1.5%
ภายใต้สมมติฐานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) 3.5-4.5%, อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 31.5-33.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบดูไบ 63-73 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งล่าสุดระดับราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นไปเหนือสมมุติฐาน ขณะที่ปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังคงระดับเดิม
“ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ เพราะนอกจากปัจจัยราคาน้ำมันดิบแล้วก็ยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จากฐานเงินเฟ้อของปีที่แล้วต่ำด้วย อาจจะทำให้มองว่าเงินเฟ้อขยับขึ้น แต่ตามความเห็นน่าจะปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งทั้งปี 2565 เงินเฟ้อไม่น่าจะปรับตัวขึ้นถึง 2% แน่นอน โดย สนค.จะแถลงเงินเฟ้อในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 น่าจะสามารถประเมินผลกระทบเบื้องต้นได้”
นายวิชานันกล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นส่งผลกระทบทันทีต่อภาคการขนส่งที่ใช้น้ำมัน ส่วนจะกระทบมากน้อยเพียงใดยังต้องรอวิเคราะห์สถานการณ์ก่อน รวมถึงต้องพิจารณามาตรการภาครัฐว่าจะมีอะไรเข้ามาช่วยเหลือบ้าง เนื่องจากมีเรื่องของงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง หากจะใช้มาตรการค่าน้ำ ค่าไฟ การตรึงราคาน้ำมัน แต่สิ่งที่ประเมินและช่วยได้คงเป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนมีเงินใช้จ่ายในช่วงนี้
ลุ้นน้ำมันไม่ถึง 100 เหรียญ
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ปัญหาราคาน้ำมันส่งผลกระทบต่อกลุ่มขนส่งทั้งทางบก ทางอากาศ และทางเรือ ส่วนจะปรับขึ้นค่าขนส่งเท่าไรต้องติดตามอีกครั้ง อาจจะต้องรอการเจรจาค่าขนส่งในไตรมาส 2 เพราะการส่งมอบสินค้าในช่วงไตรมาส 1 มีการเจรจาไว้แล้ว ซึ่งสัญญาณของค่าขนส่งยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้ภาคการขนส่งยังไม่ได้กลับมาเต็มรูปแบบ 100% ยังมีข้อจำกัดของการเดินทาง การขนส่ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายในการผลักดันยอดส่งออกปี 2565 ให้ถึงเป้าหมาย 5-8%
อย่างไรก็ตาม สรท.ยังมั่นใจว่าจากปัญหาระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งไปถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ อาทิ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐ อิหร่าน อิรัก หรือแม้แต่รัสเซีย จะยังผลิตน้ำมันดิบออกสู่ตลาด ไม่ได้มีสัญญาณว่าจะชะลอตัวแต่อย่างไร อีกทั้งสหรัฐคงไม่ปล่อยให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เพราะอาจกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจรวมถึงเกิดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ คาดว่าสหรัฐน่าจะปล่อยเชลออยล์ (shale oil) ออกมาสู่ตลาดเพื่อลดแรงกดดันราคาน้ำมันดิบในตลาด
และขณะนี้ยังเป็นช่วงที่มีความต้องการพลังงานในกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งความต้องการใช้พลังงานสูงอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าหลังจากเดือนมีนาคม 2565 เป็นต้นไป ความต้องการด้านพลังงานก็จะลดลง แนวโน้มราคาพลังงาน น้ำมันก็น่าจะปรับตัวลดลงด้วย
ลุ้นแบงก์ปล่อยกู้กองทุน
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยถึงความคืบหน้าการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงวิกฤตน้ำมันแพง สำหรับใช้อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกินลิตรละ 30 บาท รวมทั้งตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ราคา 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 ว่า
หลังจากที่สิ้นสุดระยะเวลาเปิดให้สถาบันการเงินยื่นเงื่อนไขปล่อยกู้กองทุนเมื่อ 31 มกราคม 2565 พบว่าจากที่มีผู้สอบถามเข้ามากว่า 10 รายสรุปว่าสถาบันการเงิน 3 แห่งยื่นเงื่อนไขให้กู้เงิน 20,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไว้ให้ 30,000 ล้านบาท
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังติดขัดเรื่องระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ของทางธนาคารแต่ละแห่ง เพราะเป็นวงเงินกู้ก้อนใหญ่ แต่ละธนาคารจึงต้องนำเข้าวาระการประชุมและขอความเห็นชอบจากบอร์ดก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยง”
โดยล่าสุด สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) จะทำเรื่องเสนอคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อขอขยายเวลาให้สถาบันการเงินนำเรื่องแพ็กเกจเงินกู้ 20,000 ล้านบาท เข้าขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการธนาคารก่อน ขณะนี้จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเงินกู้ได้ว่าเป็นของธนาคารไหน อย่างไรก็ตาม ยังคาดว่าจะสามารถกู้เงินได้ทันในเดือน เม.ย.นี้
“ณ วันที่ 30 ม.ค. 2565 ฐานะกองทุนติดลบ 14,080 ล้านบาท มีกระแสเงินสดประมาณ 24,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีเงินไหลออกเพื่อชดเชยราคาน้ำมันและก๊าซเดือนละ 7,353 ล้านบาท ดังนั้นกองทุนจะมีกระแสเงินสดใช้ได้อีกประมาณ 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย. 2565 ภายใต้สมมติฐานที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
แต่เดือน ม.ค. ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 87-89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งยอมรับว่าเกินกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้มาก ดังนั้น กรณีเลวร้ายสุดราคาน้ำมันขึ้นไปถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กองทุนอาจต้องชดเชยหรือมีเงินไหลออกประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ทำให้เงินที่มีอยู่อาจเหลือใช้ได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีที่นอกเหนือการควบคุมคือ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจุบัน หรือปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จนกองทุนใช้กระแสเงินสดหมด ไม่มีสภาพคล่องเหลือ ระหว่างรอเงินกู้จากสถาบันการเงิน และสุดท้ายเงินกู้อาจเข้ามาพยุงราคาน้ำมันในประเทศไม่ทันเดือน เม.ย.นี้ กองทุนก็ต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุด
“กองทุนอาจมีช่องทางในการหาแหล่งเงินใช้ในการพยุงราคาน้ำมันอื่น เพราะนอกเหนือจากการกู้เงิน โดย พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรา 6 ว่าด้วยเรื่องของกองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ตาม (2) ระบุเงินอุดหนุนที่รัฐบาลอาจจัดสรรให้ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินและจำเป็น ซึ่งหมายถึงกองทุนสามารถรับเงินที่มาจากรัฐบาลได้ แต่รัฐจะหาเงินจากแหล่งใดมาอุดหนุน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่”