เรื่องมีอยู่ว่าภรรยาผมคลอดลูกที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ที่ร้อยเอ็ด เพราะไปฝากครรภ์กับคุณหมอที่ทำคลอดที่นั่น
ซึ่งเราก็เห็นว่าเป็น รพ.เอกชน มันต้องดีอยุ่แล้วล่ะเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไป ก็เลยไม่ได้อะไรมากในการเรื่อง รพ. ทำคลอด (ผ่าตัดคลอด)
ในระหว่างที่พักฟื้น (แพคเกจ 4 วัน 3 คืน) ก็เห็นมาตรฐานการบริการที่ไม่คิดว่าจะเป็น รพ.เอกชน แต่จะไม่ขอลงรายละเอียดละกัน
จะเล่าเรื่องให้ตรงกับหัวข้อไปเลย
พอพักฟื้นครบตามแพคเกจ ก็ทำเรื่องออกจาก รพ. ซึ่งคุณหมอเด็กก็เข้ามาอธิบายว่าเด็กสุขภาพปกติดี และได้ให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (HVB) เข็มแรก แล้วตั้งแต่แรกเกิด พร้อมแจ้งวันนัดให้มารับเข็ม 2 ซึ่งก็คือวันที่ 31 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
โดยได้นัดให้มาอีกทีวันที่ 5 มกราคม 2565 เพื่อไปตรวจการได้ยิน การมองเห็น น้ำหนัก และสมอง (ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าตรวจอะไรบ้าง) ซึ่งทุกอย่างปกติดี
พอวันที่ 31 กุมภาพันธ์ 2565 หลังรับวัคซีนได้ราว 3 นาที ลูกผมก็มีอาการกระตุก กระตุกถี่ พอจับก็หยุด ปล่อยมือก็กระตุก เป็นอย่างนี้ทุกๆ 30-45 วินาที
ในช่วงแรก (3-5 นาที หลังรับวัคซีน)
และช่วงหลัง นาทีที่ 6 หลังรับวัคซีน ก็จะมีความถี่ที่ลดลง ประมาณเป็นทุก 1 - 1.30 นาที
ผมจึงให้ภรรยากลับไปพบคุณหมอเพื่อตรวจสอบอาการ ระหว่างที่ผมรอจ่ายเงิน
จากนั้นคุณหมอก็ลงความเห็นว่าลูกผมชักโดยไม่ทราบสาเหตุ และ HVB ไม่เคยมีรายงานว่ามีผลข้างเคียงในลักษณะเช่นนี้
ผมสอบถามว่าให้วัคซีนถูกต้องใช่ไหม คุณหมอก็ยืนยันว่าถูกต้อง เพราะของเด็กจะเป็นขวดแก้ว
จากนั้นคุณหมอก็อธิบายแนวทางในการตรวจต่อไป เพื่อให้ทราบสาเหตุ ดังนี้
- ต้องติดตาม/เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียูเด็ก (PICU)
- เจาะเลือดไปตรวจ
- เอกซ์เรย์สมอง
- เจาะเอาน้ำไขสันหลังไปตรวจ
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง
ผมตกใจมากกับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้นตามคำอธิบายของหมอ เพียงแค่ผมพาลูกมารับวัคซีนตามกำหนด
ผมเลือกทำ 3 อย่างแรก เจาะเอาน้ำไขสันหลังผมไม่ทำเด็ดขาด เพราะตั้งแต่คลอดก็เฝ้าดูพฤติกรรมมาตลอด ก็ปกติทุกอย่างค่อนข้างพัฒนาการดีด้วยซ้ำ
และให้คุณหมอเขียนใบส่งตัวเพื่อที่ผมจะไปตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองต่อไป
ตลอดระยะเวลาที่ต้องเฝ้าดูอาการ ลูกผมก็ปกติ มีร้องงอแงบ้างกว่าตอนอยู่บ้าน เพราะเข็มน้ำเกลือเสียบอยู่ที่หลังมือที่แหละ
เจาะให้น้ำเกลือไว้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อะไรนอกจาก เพื่อสะดวกในการให้ยาเมื่อพบอาการผิดปกติในเด็ก
ตกดึกตอน 01.45 น. ผมสังเกตเห็นมีฟองอากาศอยู่ในสายน้ำเกลือประปราย ยังไม่มารวมกันที ผมเลยไปปลุกพยาบาลที่นอนอยู่หน้าห้องพักผมมาดู
แกก็มาแล้วใช้นิ้วกลางดีดตั๊บๆ 3 - 4 ที มันไม่หาย แกเลยไปเอาไซริงค์มาดูด ผลก็เหมือนเดิมจนท้ายที่สุดผมเลยบอกว่าเอาออกเลยครับ
ลูกผมปกติ ผมเฝ้าดูมาตั้งแต่10.45 จน ตอนนี้ 01.45 น. ยังไม่พบอาการผิดปกติเลย จนท้ายสุดได้เอาออก
การปฏิบัติการแกะออก ผมคงไม่ระบุ มันใช้เวลานานมาก นานจนผมไม่คิดว่านี่คือ พว. ที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ (12 นาที)
พอเช้าคุณหมอเด็กท่านเดิมก็เข้ามาพยายามอธิบายให้ผมกับภรรยาเข้าใจแบบเดิม และยืนยันว่าไม่เคยมีการรายงานว่ามีผลข้างเคียงจาก HVB ในลักษณะนี้
พร้อมอธิบายว่าตำราก็ไม่ได้บอกว่ามี ประสบการณ์ในการทำงานมาก็ไม่เคยเจอ จึงต้องหาสาเหตุเพื่อป้องกันผลที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
และอธิบายว่าอาการที่เห็นคือการชัก ซึ่งในทารกจะเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเด็กโตหน่อย 1 ปีขึ้นไปก็จะมีตัวเกร็ง ตาเหลือก
ซึ่งสำหรับผมอาการนี้ผมก็เพิ่งเคยเห็น ตอนอยู่บ้านไม่เคยเป็นแบบนี้ มีบ้างตอนกระตุกขณะหลับ และตอนที่ร้องไห้มากๆ ซึ่งเป็นภาวะปกติของเด็ก
ผมสอบถามคุณหมอไปว่า คุณหมอประเมิน/วินิจฉัยเรื่อง over เกินไปไหมครับ แกก็ยืนยันว่าไม่ใช่ และอยากให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กล่าวข้างบน
สุดท้าย ผมก็ไม่ได้อะไร เพียงแต่อยากแบ่งปัน เพื่อเผื่อมีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบผม แล้วเลือกทำตามที่หมอแนะนำ มันดีขึ้น
หรือเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจ หรือ ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง แล้วพบความผิดปกติ จนนำมาสู่การแก้ไขปัญหาได้
หรือ เพื่อให้คนที่ไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่หมอกล่าว แล้วพบว่าเด็กมีปัญหาในภายหลัง เพราะไม่ได้ทำตามหมอบอก
หรือ บางคนที่เคยเจอ แต่ไม่ได้ทำตามหมอบอก ก็ไม่เห็นเป็นไร ลูกก็เติบโต มีพัฒนาการที่ดี
อะไรทำนองนี้น่ะครับ ผมจะได้รุ้ว่าอย่างน้อยๆ มันไม่ได้มีแค่ผมนะที่เจอเหตุการณ์แบบนี้
ขอบคุณที่สละเวลาอ่านครับ
พาลูกไปรับวัคซีน HVB แต่เกือบได้เจาะไขสันหลัง
ซึ่งเราก็เห็นว่าเป็น รพ.เอกชน มันต้องดีอยุ่แล้วล่ะเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไป ก็เลยไม่ได้อะไรมากในการเรื่อง รพ. ทำคลอด (ผ่าตัดคลอด)
ในระหว่างที่พักฟื้น (แพคเกจ 4 วัน 3 คืน) ก็เห็นมาตรฐานการบริการที่ไม่คิดว่าจะเป็น รพ.เอกชน แต่จะไม่ขอลงรายละเอียดละกัน
จะเล่าเรื่องให้ตรงกับหัวข้อไปเลย
พอพักฟื้นครบตามแพคเกจ ก็ทำเรื่องออกจาก รพ. ซึ่งคุณหมอเด็กก็เข้ามาอธิบายว่าเด็กสุขภาพปกติดี และได้ให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (HVB) เข็มแรก แล้วตั้งแต่แรกเกิด พร้อมแจ้งวันนัดให้มารับเข็ม 2 ซึ่งก็คือวันที่ 31 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
โดยได้นัดให้มาอีกทีวันที่ 5 มกราคม 2565 เพื่อไปตรวจการได้ยิน การมองเห็น น้ำหนัก และสมอง (ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าตรวจอะไรบ้าง) ซึ่งทุกอย่างปกติดี
พอวันที่ 31 กุมภาพันธ์ 2565 หลังรับวัคซีนได้ราว 3 นาที ลูกผมก็มีอาการกระตุก กระตุกถี่ พอจับก็หยุด ปล่อยมือก็กระตุก เป็นอย่างนี้ทุกๆ 30-45 วินาที
ในช่วงแรก (3-5 นาที หลังรับวัคซีน)
และช่วงหลัง นาทีที่ 6 หลังรับวัคซีน ก็จะมีความถี่ที่ลดลง ประมาณเป็นทุก 1 - 1.30 นาที
ผมจึงให้ภรรยากลับไปพบคุณหมอเพื่อตรวจสอบอาการ ระหว่างที่ผมรอจ่ายเงิน
จากนั้นคุณหมอก็ลงความเห็นว่าลูกผมชักโดยไม่ทราบสาเหตุ และ HVB ไม่เคยมีรายงานว่ามีผลข้างเคียงในลักษณะเช่นนี้
ผมสอบถามว่าให้วัคซีนถูกต้องใช่ไหม คุณหมอก็ยืนยันว่าถูกต้อง เพราะของเด็กจะเป็นขวดแก้ว
จากนั้นคุณหมอก็อธิบายแนวทางในการตรวจต่อไป เพื่อให้ทราบสาเหตุ ดังนี้
- ต้องติดตาม/เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียูเด็ก (PICU)
- เจาะเลือดไปตรวจ
- เอกซ์เรย์สมอง
- เจาะเอาน้ำไขสันหลังไปตรวจ
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง
ผมตกใจมากกับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้นตามคำอธิบายของหมอ เพียงแค่ผมพาลูกมารับวัคซีนตามกำหนด
ผมเลือกทำ 3 อย่างแรก เจาะเอาน้ำไขสันหลังผมไม่ทำเด็ดขาด เพราะตั้งแต่คลอดก็เฝ้าดูพฤติกรรมมาตลอด ก็ปกติทุกอย่างค่อนข้างพัฒนาการดีด้วยซ้ำ
และให้คุณหมอเขียนใบส่งตัวเพื่อที่ผมจะไปตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองต่อไป
ตลอดระยะเวลาที่ต้องเฝ้าดูอาการ ลูกผมก็ปกติ มีร้องงอแงบ้างกว่าตอนอยู่บ้าน เพราะเข็มน้ำเกลือเสียบอยู่ที่หลังมือที่แหละ
เจาะให้น้ำเกลือไว้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อะไรนอกจาก เพื่อสะดวกในการให้ยาเมื่อพบอาการผิดปกติในเด็ก
ตกดึกตอน 01.45 น. ผมสังเกตเห็นมีฟองอากาศอยู่ในสายน้ำเกลือประปราย ยังไม่มารวมกันที ผมเลยไปปลุกพยาบาลที่นอนอยู่หน้าห้องพักผมมาดู
แกก็มาแล้วใช้นิ้วกลางดีดตั๊บๆ 3 - 4 ที มันไม่หาย แกเลยไปเอาไซริงค์มาดูด ผลก็เหมือนเดิมจนท้ายที่สุดผมเลยบอกว่าเอาออกเลยครับ
ลูกผมปกติ ผมเฝ้าดูมาตั้งแต่10.45 จน ตอนนี้ 01.45 น. ยังไม่พบอาการผิดปกติเลย จนท้ายสุดได้เอาออก
การปฏิบัติการแกะออก ผมคงไม่ระบุ มันใช้เวลานานมาก นานจนผมไม่คิดว่านี่คือ พว. ที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ (12 นาที)
พอเช้าคุณหมอเด็กท่านเดิมก็เข้ามาพยายามอธิบายให้ผมกับภรรยาเข้าใจแบบเดิม และยืนยันว่าไม่เคยมีการรายงานว่ามีผลข้างเคียงจาก HVB ในลักษณะนี้
พร้อมอธิบายว่าตำราก็ไม่ได้บอกว่ามี ประสบการณ์ในการทำงานมาก็ไม่เคยเจอ จึงต้องหาสาเหตุเพื่อป้องกันผลที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
และอธิบายว่าอาการที่เห็นคือการชัก ซึ่งในทารกจะเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเด็กโตหน่อย 1 ปีขึ้นไปก็จะมีตัวเกร็ง ตาเหลือก
ซึ่งสำหรับผมอาการนี้ผมก็เพิ่งเคยเห็น ตอนอยู่บ้านไม่เคยเป็นแบบนี้ มีบ้างตอนกระตุกขณะหลับ และตอนที่ร้องไห้มากๆ ซึ่งเป็นภาวะปกติของเด็ก
ผมสอบถามคุณหมอไปว่า คุณหมอประเมิน/วินิจฉัยเรื่อง over เกินไปไหมครับ แกก็ยืนยันว่าไม่ใช่ และอยากให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กล่าวข้างบน
สุดท้าย ผมก็ไม่ได้อะไร เพียงแต่อยากแบ่งปัน เพื่อเผื่อมีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบผม แล้วเลือกทำตามที่หมอแนะนำ มันดีขึ้น
หรือเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจ หรือ ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง แล้วพบความผิดปกติ จนนำมาสู่การแก้ไขปัญหาได้
หรือ เพื่อให้คนที่ไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่หมอกล่าว แล้วพบว่าเด็กมีปัญหาในภายหลัง เพราะไม่ได้ทำตามหมอบอก
หรือ บางคนที่เคยเจอ แต่ไม่ได้ทำตามหมอบอก ก็ไม่เห็นเป็นไร ลูกก็เติบโต มีพัฒนาการที่ดี
อะไรทำนองนี้น่ะครับ ผมจะได้รุ้ว่าอย่างน้อยๆ มันไม่ได้มีแค่ผมนะที่เจอเหตุการณ์แบบนี้
ขอบคุณที่สละเวลาอ่านครับ