เท้าความก่อนว่าสมัย ม.ต้น ผมเป็นเด็กเก่ง แต่เก่งแบบปลายกะทิสู้ตัวท็อปไม่ได้ สอบแข่งขันได้ทองแดง สอบม ปลายได้สำรองลำดับเรียกถึงทุก รร ดัง
แล้วผมก็ทะลึ่งเข้าม.ปลายชื่อดังไปที่นึง เข้าไปแล้วปรากฏว่าเนื้อหาก็ยากและไปเร็วมาก ใช้ชีวิตราวมหาลัย เรียนแบบเลคเชอร์ หาหนังสือเองห้องสมุด ทำโปรเจคจบ แม้ว่าจะยังมีกลิ่นอายครูตามงานกับการบังคับตารางเรียน ๙๐% แบบมัธยมอยู่ ผมเหนื่อยมาก ต้องไปหาจิตแพทย์ กินยาซึมเศร้า ม.6 ต้องทำโปรเจคไปพร้อม ตามแก้ ร. และอ่านสอบเข้ามหาลัย
พอเข้ามหาลัยได้ พ่อแม่ก็บอกว่า เราไม่ได้เรียนเนื้อหาเด็กเก่งแล้ว เราเรียนระดับเดียวกับคนทั่วไปแล้ว เก่งระดับนี้เราคงได้ทุนเรียนต่อหรือเกียรตินิยมเนาะ
แต่ผมก็เหนื่อยสะสม เรียนไม่ไหว โดยอย่างยิ่งเรียนออนไลน์ทำสมาธิเรียนไม่ได้เลย อยากทำงาน ทุกวันนี้รับงานพิเศษมาทำ ๓-๔ งานในเวลาว่างแทนเล่นเกมแทนดูหนังยังมีความสุขมากกว่าทำงานมหาลัยอีก(จะบอกให้ผมทิ้งงานมาเรียนล้วนนี่ผมว่าผมเครียดกว่าเดิมนะ) แถมระบบมหาลัย การลงทะเบียน นับหน่วยกิต การดรอปอะไร ก็ไม่รู้ไม่มีใครสอน สุดท้ายเทอมหนึ่งติด F ไปเกินครึ่งวิชาบังคับ ทั้งที่บางตัวรู้ตัวว่าจะตกแต่ดรอปไม่เป็น
ผมเห็นคนอื่นเขาบอกกันว่าปีหนึ่งเป็นเฟรชชี่ จบมัธยมมาสดใส พอเจอระบบมหาลัยไปจะเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมทนสไตล์นี้มาสามปีแล้ว สภาพจิตใจผมหมดอาลัยตายอยากน่าจะคล้ายคนจบปีสามปีสี่มาเข้าปีหนึ่งต่อ แต่ความรู้เท่าปีหนึ่ง จะออกมาทำงานก็ไม่มีใครยอมรับ วุฒิ ม.6 ประเทศไทยจะพอยาไส้ที่ไหน จะซิ่วมาแก็บเยียร์ก็ไม่กล้า แค่ผมบอกแม่ว่าจบ ป ตรีจะไม่ต่อโทแม่ยังทำหน้าเหวอจนผมต้องต่อท้ายเป็นว่าขอแก็ปก่อนโทแทน ผมนึกหน้าพ่อแม่ตอนรู้ว่าผมติด F ไม่ออกเลยครับ
เครียดกับชีวิตมหาลัยมากเลยครับ ตันไปหมด
แล้วผมก็ทะลึ่งเข้าม.ปลายชื่อดังไปที่นึง เข้าไปแล้วปรากฏว่าเนื้อหาก็ยากและไปเร็วมาก ใช้ชีวิตราวมหาลัย เรียนแบบเลคเชอร์ หาหนังสือเองห้องสมุด ทำโปรเจคจบ แม้ว่าจะยังมีกลิ่นอายครูตามงานกับการบังคับตารางเรียน ๙๐% แบบมัธยมอยู่ ผมเหนื่อยมาก ต้องไปหาจิตแพทย์ กินยาซึมเศร้า ม.6 ต้องทำโปรเจคไปพร้อม ตามแก้ ร. และอ่านสอบเข้ามหาลัย
พอเข้ามหาลัยได้ พ่อแม่ก็บอกว่า เราไม่ได้เรียนเนื้อหาเด็กเก่งแล้ว เราเรียนระดับเดียวกับคนทั่วไปแล้ว เก่งระดับนี้เราคงได้ทุนเรียนต่อหรือเกียรตินิยมเนาะ
แต่ผมก็เหนื่อยสะสม เรียนไม่ไหว โดยอย่างยิ่งเรียนออนไลน์ทำสมาธิเรียนไม่ได้เลย อยากทำงาน ทุกวันนี้รับงานพิเศษมาทำ ๓-๔ งานในเวลาว่างแทนเล่นเกมแทนดูหนังยังมีความสุขมากกว่าทำงานมหาลัยอีก(จะบอกให้ผมทิ้งงานมาเรียนล้วนนี่ผมว่าผมเครียดกว่าเดิมนะ) แถมระบบมหาลัย การลงทะเบียน นับหน่วยกิต การดรอปอะไร ก็ไม่รู้ไม่มีใครสอน สุดท้ายเทอมหนึ่งติด F ไปเกินครึ่งวิชาบังคับ ทั้งที่บางตัวรู้ตัวว่าจะตกแต่ดรอปไม่เป็น
ผมเห็นคนอื่นเขาบอกกันว่าปีหนึ่งเป็นเฟรชชี่ จบมัธยมมาสดใส พอเจอระบบมหาลัยไปจะเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมทนสไตล์นี้มาสามปีแล้ว สภาพจิตใจผมหมดอาลัยตายอยากน่าจะคล้ายคนจบปีสามปีสี่มาเข้าปีหนึ่งต่อ แต่ความรู้เท่าปีหนึ่ง จะออกมาทำงานก็ไม่มีใครยอมรับ วุฒิ ม.6 ประเทศไทยจะพอยาไส้ที่ไหน จะซิ่วมาแก็บเยียร์ก็ไม่กล้า แค่ผมบอกแม่ว่าจบ ป ตรีจะไม่ต่อโทแม่ยังทำหน้าเหวอจนผมต้องต่อท้ายเป็นว่าขอแก็ปก่อนโทแทน ผมนึกหน้าพ่อแม่ตอนรู้ว่าผมติด F ไม่ออกเลยครับ