เป็นประสพการณ์เที่ยวต่างประเทศครั้งแรก พ.ศ. 2534 บนเส้นทางสายโรแมนติกที่ไกด์จัดให้
ผ่าน 4 ประเทศ เยอรมัน-ออสเตรีย-อิตาลี-สวิส
ระยะเวลา 25 วัน ใช่ ทัวร์กินเวลา 25 วัน
ไปกัน 7 คน ผู้นำเที่ยว จองที่พัก ขับรถ เล่าเรื่องสถานที่ต่าง ๆ 1 คน รวมเป็น 8
รถ Ford Transit
จะไปไหนพี่เขาจะอ่านแล้วทบทวนล่วงหน้า แล้วเล่าให้เราฟังเมื่อไปถึง
เรื่องที่เขียน จึงเป็นคำบรรยายของพี่ที่นำเที่ยว และบันทึกของลูกทัวร์คนหนึ่งที่ทำการบ้านทุกเย็น - จึงมีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังได้แม้ผ่านไปแล้ว 30 ปี
ยุโรปโรแมนติกของฉันตอน ปี 2534 ... ตอน 5
ซีกล๊อตเต้ (Seegrotte) - ดรืนสไตน์ (Dürnstein) - เมืองเมล์ค (Melk) - โกรสกล็อกเนอร์ (Grossglockner) - ธารน้ำแข็ง Pasterze Glacier - เวนิส -(Venezia)
ซีกล๊อตเต้....(Seegrotte)...ทะเลสาบใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป..ออสเตรีย
see - ทะเลสาบ, grotte - ถ้ำ
อยู่ที่เมืองฮินเตอร์บรุน (Hinterbruhl) ห่างจากเวียนนา 20 กิโลเมตร
เดิมเป็นเหมืองยิปซั่ม เมื่อขุดไปถึงเฟส 3 ไปเจอตาน้ำ น้ำก็เลยท่วมเหมืองทั้งหมด ทำให้ต้องปิดเหมือง
ตั๋วชมซีกล็อตตเต้ ใบล่าง
ใบบนเป็นต๋วชม kofkirche หรือ Court Church ที่เมืองอินสบรูก - มีรูปหล่อพระเจ้ารูดอลฟ์ไข่ทอง
การทำเหมืองจะใช้ม้าลากรถ ม้าในนี้จะไม่เห็นแสงตะวันเลย ทำให้เป็นม้าตาบอด
เมื่อมีคนตาย ก็จะสวดทำพิธีที่โบสถ์ในถ้ำ
สมัยสงครามโลก นาซีได้สูบน้ำออกจากเหมืองจนแห้ง แล้วใช้เป็นโรงงานสร้างเครื่องบินรบ He 162A
เมื่อรู้ว่าแพ้สงครามก็ได้ระเบิดทำลายเครื่องบินและเครื่องมือทิ้ง เหลือให้ดูแค่นี้
ล่องเรือในทะเลสาบใต้ดิน มีพื้นที่ 300 ตารางเมตร ลึก 3 เมตร จุดลึกสุดลึก 14 เมตร อุณหภูมิ 8 องศาซี
ที่ริมน้ำดานูป
เรากำลังประกอบอาหารเที่ยงกัน อาหารเป็นบะหมี่ที่อร่อยที่สุดในโลก...แน่นอนกำลังหิวโซ
กินอาหารเที่ยงพร้อมชมแม่น้ำดานูปที่เวียนนาเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่น่าจดจำเนาะ
ดรืนสไตน์ ... Dürnstein
duerr/dürr - แห้ง, Stein - หิน เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่บนฝั่งดานูป ตั้งชื่อตามปราสาทหินที่ดูแห้ง
เคยเป็นที่ขังพระเจ้าริคชาร์ดใจสิงห์ ( Richard Lowenhart)
เนื่องจากนำทหารไปรบในสงครามครูเสธ ได้สิ่งมีค่ามาแล้วไม่แบ่งให้ราชวงค์ ฮับสบวก จึงถูกขังที่นี่
ต่อมาบรอนเดล ( Blondel ) เร่ร่อนร้องเพลงเพื่อสืบหาพระเจ้าริชาร์ด และมาพบเข้า จึงไปบอกเพื่อนของพระเจ้าริชาร์ดมาช่วย
มีคนแอคทีปจะขึ้นไปปราสาท แต่เรานั่งรอดีกว่า
เมืองเมล์ค ... Melk -ออสเตรีย
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูป เดิมชื่อ Medilica มาจากภาษาสลาฟแปลว่า ขอบเขต
เป็นเมืองกันชน ระหว่างพวก Magyars หรือ ฮังการี ทางตะวันออก กับ บาวาเรีย ทางตะวันตก
ที่มาชมคือวิหารเมล์ค ... Melk Abbey ตกแต่งเน้นทอง
โกรสกล็อกเนอร์...Grossglockner...ออสเตรีย
อยู่บนเส้นทางข้ามจากออสเตรีย ไป อิตาลี เป็นยอดเขาสูงที่สุดในออสเตรีย สูงเป็นอันดับสองของเทือกเขาแอลป์รองจากมองบลังค์
เป็นเส้นทางที่สวยงาม ลัดเลาะไปตามเทือกเขา ค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้น จนถึงจุดสูงสุดที่ 2478 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เรียก edelweißspitze หรือ Edelweiss Splitz ก็ต้องพักรถ
ภาพที่ลานจอดรถ - กูเกิลสตรีทวิวปัจจุบัน
ธารน้ำแข็ง Pasterze Glacier
เป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในออสเตรีย ยาว 8.4 กม.
ที่นี่เราจะมาดูยอดโกรสกล็อกเน่อร์ ถ้าดวงไม่ดีจะมีเมฆมาบัง จึงได้ชื่อว่า Disappearing peak แต่เราดวงดี และโชคดี
ได้สลายเงินชิลลิงของออสเตรีย ได้หมวกแนวเยอรมันมา ทำให้อุ่นหัว
หนาวสุด สุด เลย มีลมด้วย ต้องวิ่งขึ้นรถเมื่อหนาวแล้วลงมาถ่ายรูปใหม่
เข้าเขตอิตาลีแล้ว แวะทานอาหารก่อน ที่จุดพัก ชมวิว ข้างทาง
ตอนแรกว่าจะไปพักที่เวนิส แต่มาม่าบอกให้ระวังทรัพย์สินในรถ เราเลยไปพักที่ ซานโดนาแทน (San Dona) พรุ่งนี้จะไปเวนีเซียแล้ว
เวนิส ... Venezia
เราเดินทางจากเมือง ซานโดนา (San Dona) 30 ก.ม. ถึงเมืองเมสเทอร์ (Mestre) ซึ่งเป็นเมืองที่ส่งน้ำจืดให้ เวนิส แล้วข้ามสะพานยาว 4 ก.ม. สู่เวนิส
ที่เวนิสห้ามรถวิ่ง ต้องเอาไปจอดไว้ที่จอดรถ แล้วเดินทางโดยเรือไปตามคลองหลวง 2200 ลีร์ 48.40 บาท
ผ่านบ้านของริชาร์ด วากเนอร์ ศิลปินคู่พระทัยของพระเจ้าลุกวิดที่ 2 ผู้ออกแบบปราสาทหลายแห่งของเยอรมัน (เช่นนอยชวานสไตน์)
เขามาอยู่และเสียชีวิตที่นี่
โบสถ์ ซานตาลูเซีย santuario di Lucia
โบสถ์ซานตามาเรีย ... Santa Maria della Salute
เราขึ้นฝั่งที่โบสถ์ ซาน มาโค (San Maco) หรือ เซนต์มาร์ค(St. Mark)
มหาวิหารซานมาร์โค ... Basilica di San Marco เซนต์องค์นี้ อยู่ที่อียิปต์เป็นที่เคารพของชาวมุสลิมมาก
เมื่อเตอร์ก รบชนะก็อัญเชิญอัฐิมาตุรกี และต่อมาโดเช่ ดานโดโลรบในสงครามครูเสธชนะมุสลิม จึงอัญเชิญต่อมาที่นี่
เขาว่าโบสถ์นี้ก็ขนมาจากตุรกี
สัญญลักษณ์ของเวนิส สิงโตมีปีก
รอเช้าชม Doge's Palace - ศูนย์การปกครองเวนิส
บ่อน้ำจืด เขาว่าการสูบมาใช้มีส่วนทำให้เวนิสจมลงทุกปี
ของดังของที่นี่ พอเราเข้าไปปุ๊บ เดินหน้าอย่างเดียวค่ะห้ามถอย จะต้องผ่านกรรมวิธีการชมการเป่าแก้ว ไปเรื่อยๆ จนจบด้วยขายของก่อนออก
เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่ว่าเยอรมัน ออสเตรีย อิตาลี และสวิส
จากนั้นก็ไปล่องเรือกอนโดล่ากัน ราคาเที่ยวละ 160000 ลีร์ต่อครึ่งชั่วโมง,1000 ลีร์ = 22 บาท,เป็นเงิน 3520 บาท
บ้านเกิดของมาร์โคโปโล
สะพานเชื่อมตึกต่างๆ
แล้วมาถึง " The Bridge of Sighs" เป็นสะพานระหว่างศาลไปคุก ถ้าถูกตัดสินว่าผิด เมื่อผ่านก็เลยต้อง ถอนใจ ดูจากหน้าต่าง ขวาน่าจะคุก
ไม่เคยมีใครรอดได้นอกจาก คาสโนวา
และที่ที่ต้องตามหา ร้านแฮรี่ (Harry)
เป็นร้านที่เออร์เนสต์ เฮมมิงเวย์ ( Ernest Hemingway) มาเขียนหนังสือเรื่อง เฒ่าทะเล (The Old Man and the Sea) ได้รับรางวัลโนเบลสาขา Literature
จบตอน 5
สารบัญ ยุโรปโรแมนติก - เยอรมัน ออสเตรีย อิตาลี สวิส
4 ฮัลสตัท Hallstatt - ถ้ำน้ำแข็ง Dachstein Riesen-Eishöhle - ไกเซอร์วิลล่า Kaiservilla - มาเยอร์ลิ่ง Mayerling -โชนบรุน Schonbrunn - เวียนนา Wien
https://ppantip.com/topic/412167675 ซีกล๊อตเต้ (Seegrotte) - ดรืนสไตน์ (Dürnstein) - เมืองเมล์ค (Melk) - โกรสกล็อกเนอร์ (Grossglockner) - ธารน้ำแข็ง Pasterze Glacier - เวนิส (Venezia )
https://ppantip.com/topic/41238111
ยุโรปโรแมนติกของฉันตอน ปี 2534 ... ตอน 5
ผ่าน 4 ประเทศ เยอรมัน-ออสเตรีย-อิตาลี-สวิส
ระยะเวลา 25 วัน ใช่ ทัวร์กินเวลา 25 วัน
ไปกัน 7 คน ผู้นำเที่ยว จองที่พัก ขับรถ เล่าเรื่องสถานที่ต่าง ๆ 1 คน รวมเป็น 8
รถ Ford Transit
จะไปไหนพี่เขาจะอ่านแล้วทบทวนล่วงหน้า แล้วเล่าให้เราฟังเมื่อไปถึง
เรื่องที่เขียน จึงเป็นคำบรรยายของพี่ที่นำเที่ยว และบันทึกของลูกทัวร์คนหนึ่งที่ทำการบ้านทุกเย็น - จึงมีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังได้แม้ผ่านไปแล้ว 30 ปี
ยุโรปโรแมนติกของฉันตอน ปี 2534 ... ตอน 5
ซีกล๊อตเต้ (Seegrotte) - ดรืนสไตน์ (Dürnstein) - เมืองเมล์ค (Melk) - โกรสกล็อกเนอร์ (Grossglockner) - ธารน้ำแข็ง Pasterze Glacier - เวนิส -(Venezia)
ซีกล๊อตเต้....(Seegrotte)...ทะเลสาบใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป..ออสเตรีย
see - ทะเลสาบ, grotte - ถ้ำ
อยู่ที่เมืองฮินเตอร์บรุน (Hinterbruhl) ห่างจากเวียนนา 20 กิโลเมตร
เดิมเป็นเหมืองยิปซั่ม เมื่อขุดไปถึงเฟส 3 ไปเจอตาน้ำ น้ำก็เลยท่วมเหมืองทั้งหมด ทำให้ต้องปิดเหมือง
ตั๋วชมซีกล็อตตเต้ ใบล่าง
ใบบนเป็นต๋วชม kofkirche หรือ Court Church ที่เมืองอินสบรูก - มีรูปหล่อพระเจ้ารูดอลฟ์ไข่ทอง
การทำเหมืองจะใช้ม้าลากรถ ม้าในนี้จะไม่เห็นแสงตะวันเลย ทำให้เป็นม้าตาบอด
เมื่อมีคนตาย ก็จะสวดทำพิธีที่โบสถ์ในถ้ำ
สมัยสงครามโลก นาซีได้สูบน้ำออกจากเหมืองจนแห้ง แล้วใช้เป็นโรงงานสร้างเครื่องบินรบ He 162A
เมื่อรู้ว่าแพ้สงครามก็ได้ระเบิดทำลายเครื่องบินและเครื่องมือทิ้ง เหลือให้ดูแค่นี้
ล่องเรือในทะเลสาบใต้ดิน มีพื้นที่ 300 ตารางเมตร ลึก 3 เมตร จุดลึกสุดลึก 14 เมตร อุณหภูมิ 8 องศาซี
กินอาหารเที่ยงพร้อมชมแม่น้ำดานูปที่เวียนนาเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่น่าจดจำเนาะ
duerr/dürr - แห้ง, Stein - หิน เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่บนฝั่งดานูป ตั้งชื่อตามปราสาทหินที่ดูแห้ง
เคยเป็นที่ขังพระเจ้าริคชาร์ดใจสิงห์ ( Richard Lowenhart)
เนื่องจากนำทหารไปรบในสงครามครูเสธ ได้สิ่งมีค่ามาแล้วไม่แบ่งให้ราชวงค์ ฮับสบวก จึงถูกขังที่นี่
ต่อมาบรอนเดล ( Blondel ) เร่ร่อนร้องเพลงเพื่อสืบหาพระเจ้าริชาร์ด และมาพบเข้า จึงไปบอกเพื่อนของพระเจ้าริชาร์ดมาช่วย
มีคนแอคทีปจะขึ้นไปปราสาท แต่เรานั่งรอดีกว่า
เมืองเมล์ค ... Melk -ออสเตรีย
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูป เดิมชื่อ Medilica มาจากภาษาสลาฟแปลว่า ขอบเขต
เป็นเมืองกันชน ระหว่างพวก Magyars หรือ ฮังการี ทางตะวันออก กับ บาวาเรีย ทางตะวันตก
ที่มาชมคือวิหารเมล์ค ... Melk Abbey ตกแต่งเน้นทอง
โกรสกล็อกเนอร์...Grossglockner...ออสเตรีย
อยู่บนเส้นทางข้ามจากออสเตรีย ไป อิตาลี เป็นยอดเขาสูงที่สุดในออสเตรีย สูงเป็นอันดับสองของเทือกเขาแอลป์รองจากมองบลังค์
เป็นเส้นทางที่สวยงาม ลัดเลาะไปตามเทือกเขา ค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้น จนถึงจุดสูงสุดที่ 2478 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เรียก edelweißspitze หรือ Edelweiss Splitz ก็ต้องพักรถ
ภาพที่ลานจอดรถ - กูเกิลสตรีทวิวปัจจุบัน
ธารน้ำแข็ง Pasterze Glacier
เป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในออสเตรีย ยาว 8.4 กม.
ที่นี่เราจะมาดูยอดโกรสกล็อกเน่อร์ ถ้าดวงไม่ดีจะมีเมฆมาบัง จึงได้ชื่อว่า Disappearing peak แต่เราดวงดี และโชคดี
ได้สลายเงินชิลลิงของออสเตรีย ได้หมวกแนวเยอรมันมา ทำให้อุ่นหัว
หนาวสุด สุด เลย มีลมด้วย ต้องวิ่งขึ้นรถเมื่อหนาวแล้วลงมาถ่ายรูปใหม่
เข้าเขตอิตาลีแล้ว แวะทานอาหารก่อน ที่จุดพัก ชมวิว ข้างทาง
ตอนแรกว่าจะไปพักที่เวนิส แต่มาม่าบอกให้ระวังทรัพย์สินในรถ เราเลยไปพักที่ ซานโดนาแทน (San Dona) พรุ่งนี้จะไปเวนีเซียแล้ว
เวนิส ... Venezia
เราเดินทางจากเมือง ซานโดนา (San Dona) 30 ก.ม. ถึงเมืองเมสเทอร์ (Mestre) ซึ่งเป็นเมืองที่ส่งน้ำจืดให้ เวนิส แล้วข้ามสะพานยาว 4 ก.ม. สู่เวนิส
ที่เวนิสห้ามรถวิ่ง ต้องเอาไปจอดไว้ที่จอดรถ แล้วเดินทางโดยเรือไปตามคลองหลวง 2200 ลีร์ 48.40 บาท
ผ่านบ้านของริชาร์ด วากเนอร์ ศิลปินคู่พระทัยของพระเจ้าลุกวิดที่ 2 ผู้ออกแบบปราสาทหลายแห่งของเยอรมัน (เช่นนอยชวานสไตน์)
เขามาอยู่และเสียชีวิตที่นี่
โบสถ์ ซานตาลูเซีย santuario di Lucia
โบสถ์ซานตามาเรีย ... Santa Maria della Salute
เราขึ้นฝั่งที่โบสถ์ ซาน มาโค (San Maco) หรือ เซนต์มาร์ค(St. Mark)
มหาวิหารซานมาร์โค ... Basilica di San Marco เซนต์องค์นี้ อยู่ที่อียิปต์เป็นที่เคารพของชาวมุสลิมมาก
เมื่อเตอร์ก รบชนะก็อัญเชิญอัฐิมาตุรกี และต่อมาโดเช่ ดานโดโลรบในสงครามครูเสธชนะมุสลิม จึงอัญเชิญต่อมาที่นี่
เขาว่าโบสถ์นี้ก็ขนมาจากตุรกี
สัญญลักษณ์ของเวนิส สิงโตมีปีก
รอเช้าชม Doge's Palace - ศูนย์การปกครองเวนิส
บ่อน้ำจืด เขาว่าการสูบมาใช้มีส่วนทำให้เวนิสจมลงทุกปี
ของดังของที่นี่ พอเราเข้าไปปุ๊บ เดินหน้าอย่างเดียวค่ะห้ามถอย จะต้องผ่านกรรมวิธีการชมการเป่าแก้ว ไปเรื่อยๆ จนจบด้วยขายของก่อนออก
เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่ว่าเยอรมัน ออสเตรีย อิตาลี และสวิส
จากนั้นก็ไปล่องเรือกอนโดล่ากัน ราคาเที่ยวละ 160000 ลีร์ต่อครึ่งชั่วโมง,1000 ลีร์ = 22 บาท,เป็นเงิน 3520 บาท
แล้วมาถึง " The Bridge of Sighs" เป็นสะพานระหว่างศาลไปคุก ถ้าถูกตัดสินว่าผิด เมื่อผ่านก็เลยต้อง ถอนใจ ดูจากหน้าต่าง ขวาน่าจะคุก
ไม่เคยมีใครรอดได้นอกจาก คาสโนวา
เป็นร้านที่เออร์เนสต์ เฮมมิงเวย์ ( Ernest Hemingway) มาเขียนหนังสือเรื่อง เฒ่าทะเล (The Old Man and the Sea) ได้รับรางวัลโนเบลสาขา Literature