ตอน 1 เมือง Rothenburg - โบสถ์ Ottobeuren - ปราสาท Neuschwanstein - บ้าน Graswang - ปราสาท Linderhof ... เยอรมัน
เป็นประสพการณ์เที่ยวต่างประเทศครั้งแรก พ.ศ. 2534 บนเส้นทางสายโรแมนติกที่ไกด์จัดให้
ผ่าน 4 ประเทศ เยอรมัน-ออสเตรีย-อิตาลี-สวิส
ระยะเวลา 25 วัน ใช่ ทัวร์กินเวลา 25 วัน
ไปกัน 7 คน ผู้นำเที่ยว จองที่พัก ขับรถ เล่าเรื่องสถานที่ต่าง ๆ 1 คน รวมเป็น 8
รถ Ford Transit
จะไปไหนพี่เขาจะอ่านแล้วทบทวนล่วงหน้า แล้วเล่าให้เราฟังเมื่อไปถึง
เรื่องที่เขียน จึงเป็นคำบรรยายของพี่ที่นำเที่ยว และบันทึกของลูกทัวร์คนหนึ่งที่ทำการบ้านทุกเย็น - จึงมีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังได้แม้ผ่านไปแล้ว 30 ปี
ตอนนั้นบินจากดอนเมืองเท่านั้น สายการบิน Royai Brunei แวะที่ดูไบลง ต่อไปที่ Frunkfurt
พี่ติ๋มไกด์มารับที่แล้วตรงไปเมือง โรเทนเบิร์ก
โรเทนเบอร์ก
เป็นเมืองเก่าที่สร้างในสมัยกลาง
แม้จะถูกระเบิดในสมัยสงครามโลก แต่ก็ได้รับการซ่อมสร้างให้คงรูปแบบเดิมไว้ ถือเป็นเมืองพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต
จตุรัสกลางเมือง Marktplatz หรือ Market Square ล้อมรอบด้วย
ศาลาว่าการเมืองโรเทนเบิร์ก
ตึก Rothenburg Tourismus Service หน้าบันของตึก มีคนมาดวนไวน์กัน เรามาถึงทันรอบเวลาบ่ายสอง
เล่าว่า ในปี ค.ศ. 1631 Count Tilly ซึ่งเป็นคาทอลิค ยกทัพมาตี
โรเทนเบอร์ก ซึ่งเป็นโปแตสแต้นท์ ทำสงครามอยู่ถึง 30 ปีก็ไม่ปรากฎผลแพ้ชนะ จึงท้าดวลไวน์กัน
Mayer Nusch รับคำท้า ไกด์เล่าว่า Nusch ชนะเพราะดื่มมากกว่าหมดไป 3 แกลลอน (แล้วหลับไป 2 อาทิตย์)
จึงสร้างให้มีหุ่น ออกมาชนแก้วไวน์ที่ข้างนาฬิกานี้
หอคอยชมเมืองสูง 60 เมตร
ตึกสวย ๆ ถนนลาดลงไปสู่ซุ้มประตูกำแพงเมือง
พักที่โรงแรม Goldenes Lamm
St. Jacobus Church โบสถ์ประจำเมือง
บ่อน้ำพุสวย ๆ อันเป็นแหล่งน้ำของเมืองโบราณนี้
Castle garden เป็นสวน อยู่บนแนวของยอดเขา
ป้อม ประตู และบนกำแพงเมือง - เคยใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม
รถม้ารอรับนักทเองเที่ยวเช่นเราชมเมือง คนขับรถม้าจะพกถังไว้ท้ายรถ
ถ้าม้าทำท่าจะอึ เขาจะรีบไปเอาถังมารองรับอึม้าได้ทันเสมอ มืออาชีพจริง ๆ
ที่นี่มีร้านขายของเกี่ยวกับ chirstmas ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และมี crime museum ที่มาแล้วต้องแวะชม
โบสถ์ ออตโตบิวเรน ...Ottobeuren Abbey
เป็นเมืองศูนย์กลางศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิค ของรัฐบาวาเรีย
ภายในโบสถ์ตกแต่งแบบ บารอค (baroque) หรือ โรโคโค (rococo) - จำเขามาเล่า
มีความ แพรวพราย มีสีสัน มีความลึก ความโค้ง
มีการขุดพบไม้กางเขนโบราณ ตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจ ปกครอง bayern
โบสถ์นี้มีการเก็บศพของนักบุญ ( St.)ใส่ในตู้กระจก เป็นโครงกระดูกที่มีเนื้อแห้ง ๆ ติดอยู่ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าของนักบุญ
การจะได้เป็นนักบุญจะต้องเป็ผู้ที่สละชีวิตเพื่อสืบทอดศาสนา แบบว่ายอมสละชีวิตแต่ไม่สละพระเจ้า
พวกโรมันที่ปกครองจะฆ่าเพื่อให้คนกลัวไม่กล้านับถือศาสนา บางท่านถูกเผาทั้งเป็น บางท่านถูกกรอกปากด้วยโลหะหลอม บางท่านถูกแยกร่าง
ที่โบสถ์นี้มีนักบุญอยู่ 4 ร่าง
ออกมานอกโบสถ์เจอนี่เลย ไก่ย่าง ร้านขายฟิลม์ ชเนาว์เซอร์
คิดถึงไก่ย่างโคราชจังเลย กลับไปจะกินคนเดียวทั้ังตัวไม่แบ่งใคร
ปราสาทนอยชวานสไตน์..... Neuschwanstein (neu = ใหม่, schwan = หงส์, stein= หิน
จากออยโตบิวเรน เดินทางต่อไปสู่ ฟุสเซ่น (Fussen) เพื่อไปปราสาท นอยชวานสไตล์ ที่เลื่องลือ
ถาพจากท่ารถที่จะขึ้นไปชมปราสาท
เบียร์ประจำถิ่น
อีกด้านเป็นปราสาท Hohenschwangau - hohen = สูง, schwan = หงส์, gau = ดินแดน
สร้างบนซากปราสาทชวานชไตน์เดิมของครอบครัวของอัศวิน
หลังจากการยุบเลิกระบบอัศวินในปราสาทถูกเปลี่ยนมือหลายครั้ง
ที่สุดก็พังลงจนเหลือแต่ซาก
พ.ศ. 2372 มงกุฏราชกุมารแม็กซิมิลเลียนแห่งบาวาเรีย >>> พระเจ้าแม็กซิมิลเลียนที่ 2 แห่งบาวาเรีย พระบิดาของ พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย
ทรงถูกพระทัยในทำเลจึงได้ซึ้อปราสาทเมื่อปี พ.ศ. 2375 แล้วสร้างปราสาทใหม่ขึ้น
จากที่จอดรถให้ขึ้นรถบัสไปบนเขา - ในภาพกำลังรอรถมารับกลับ
เมื่อขึ้นถึงที่จอดรถบนเขา เดินต่อมาที่สะพานมาเรียน Marienbrücke เป็นสะพานที่พระเจ้าลุควิกที่ 2 มาชมปราสาท Neuschwanstein ขณะก่อสร้าง
พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ทรงโปรดอุปรากร โดยเฉพาะบทประพันธ์ของ Richard Wagner เรื่อง Lohengrin - อัศวินหงส์ขาว
ทรงโปรดการพำนักอยู่ที่โฮเอินชวังเกาเฉพาะเมื่อทรงก่อสร้างปราสาทนอยชวานชไตน์บนเนินเหนือปราสาท Hohenschwangau
โดยตั้งใจให้ เป็น ฉากของอุปรากร Lohengrin อยู่ระหว่างทะเลสาบ 2 แห่ง
แต่สร้างได้เพียง 1 ใน 3 เงินก็หมดพระคลัง จึงเป็นสาเหตุที่ถูกหาว่าวิกลจริต
เป็นปราสาทที่ถูกจารึกในกินเนสบุ๊คว่ามีคนเที่ยวมากที่สุดในโลก ( รู้งี้เขาคงยอมให้พระองค์สร้างอีกหลาย ๆ ปราสาทนะ เพราะตอนหลังนี่ ทำเงิน )
และเป็นต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราของวอลดิสนีย์ ไกลๆ ข้างหลังก็เป็นทะเลสาบ และหมู่บ้าน
ปราสาท Hohenschwangau สองข้างเป็นทะเลสาบ มองจากสะพานมาเรียน
วันนี้เรามาพักที่ B&B จำชื่อไม่ได้ ที่ Graswang กราสวัง
ด้วยความตื่นเต้นว่า 2 ทุ่มแล้วยังไม่มืด ก็รีบถ่ายเป็นที่ระลึก ทั้งที่เหนื่อยมาก
ปาป้ามีโรงเลี้ยงวัว เช้ามาก็ต้อยไปกินหญ้าบนเขาหลังบ้าน พยายามหารูปที่พักในสตรีทวิว ไม่เจอภาพที่พักที่เคยพัก
ที่แปลกตาคือโถส้วมมีคอห่านอยู่ด้านหน้า
บ้านกราสวังของเยอรมัน อยู่ติดเทือกเขาแอลป์ ทางเหนือของออสเตรีย
ประชากรมีอาชีพเกษตรกรรม - ต้อนวัวขึ้นเขาไปกินหญ้า
Schloss Linderhof
แปดโมงครึ่งออกจากกราสวังเพื่อไป ชะโลสลินเดอร์ฮอฟ - ปราสาทลินเดอร์ฮอฟ
ต้นไม้ใหญ่ทางขวาคือต้นลินเดอร์ (Linder) Hof แปลว่า สนาม, ลาน
เป็นปราสาทเดียวที่สร้างเสร็จในสมัยพระเจ้าลุควิคที่ 2 แต่มาประทับแค่เพียง 103 วัน
สร้างเลียนแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายด์ วางตัวแนวเหนือใต้
ทิศเหนือเป็นตัวปราสาท
ทิศใต้จะเป็น หอแห่งความรัก (tower of love)
น้ำพุหน้าตัวปราสาท
น้ำตก น้ำตกเนปจูน ( Neptune Fountain ) ส่วนบนสุดมีศาลานั่งเล่น
สวนข้างปราสาทเป็นทางเดินไปโรงละครใต้ดิน
ตั๋วเข้าด้านในปราสาทเขาไม่ให้ใช้แฟลช และไม่ได้เตรียมฟิล์มความเร็วสูงไปเลยได้มาแค่ 2 รูป ที่เหลือ ไหวโม้ดเลย
รูป สามสง่า ฝีพระหัตถ์ พระเจ้าลุกวิคที่ 2 นกยูงสัตว์ที่พระเจ้าลุกวิคโปรดมากที่สุด
เป็นคนบ้า black ground แบบนี้
จบตอน 1
สารบัญ ยุโรปโรแมนติก - เยอรมัน ออสเตรีย อิตาลี สวิส
ยุโรปโรแมนติกของฉันตอน ปี 2534 ... ตอน 1
เป็นประสพการณ์เที่ยวต่างประเทศครั้งแรก พ.ศ. 2534 บนเส้นทางสายโรแมนติกที่ไกด์จัดให้
ผ่าน 4 ประเทศ เยอรมัน-ออสเตรีย-อิตาลี-สวิส
ระยะเวลา 25 วัน ใช่ ทัวร์กินเวลา 25 วัน
ไปกัน 7 คน ผู้นำเที่ยว จองที่พัก ขับรถ เล่าเรื่องสถานที่ต่าง ๆ 1 คน รวมเป็น 8
รถ Ford Transit
จะไปไหนพี่เขาจะอ่านแล้วทบทวนล่วงหน้า แล้วเล่าให้เราฟังเมื่อไปถึง
เรื่องที่เขียน จึงเป็นคำบรรยายของพี่ที่นำเที่ยว และบันทึกของลูกทัวร์คนหนึ่งที่ทำการบ้านทุกเย็น - จึงมีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังได้แม้ผ่านไปแล้ว 30 ปี
ตอนนั้นบินจากดอนเมืองเท่านั้น สายการบิน Royai Brunei แวะที่ดูไบลง ต่อไปที่ Frunkfurt
พี่ติ๋มไกด์มารับที่แล้วตรงไปเมือง โรเทนเบิร์ก
โรเทนเบอร์ก
เป็นเมืองเก่าที่สร้างในสมัยกลาง
แม้จะถูกระเบิดในสมัยสงครามโลก แต่ก็ได้รับการซ่อมสร้างให้คงรูปแบบเดิมไว้ ถือเป็นเมืองพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต
จตุรัสกลางเมือง Marktplatz หรือ Market Square ล้อมรอบด้วย
ศาลาว่าการเมืองโรเทนเบิร์ก
ตึก Rothenburg Tourismus Service หน้าบันของตึก มีคนมาดวนไวน์กัน เรามาถึงทันรอบเวลาบ่ายสอง
เล่าว่า ในปี ค.ศ. 1631 Count Tilly ซึ่งเป็นคาทอลิค ยกทัพมาตี
โรเทนเบอร์ก ซึ่งเป็นโปแตสแต้นท์ ทำสงครามอยู่ถึง 30 ปีก็ไม่ปรากฎผลแพ้ชนะ จึงท้าดวลไวน์กัน
Mayer Nusch รับคำท้า ไกด์เล่าว่า Nusch ชนะเพราะดื่มมากกว่าหมดไป 3 แกลลอน (แล้วหลับไป 2 อาทิตย์)
จึงสร้างให้มีหุ่น ออกมาชนแก้วไวน์ที่ข้างนาฬิกานี้
หอคอยชมเมืองสูง 60 เมตร
ตึกสวย ๆ ถนนลาดลงไปสู่ซุ้มประตูกำแพงเมือง
St. Jacobus Church โบสถ์ประจำเมือง
บ่อน้ำพุสวย ๆ อันเป็นแหล่งน้ำของเมืองโบราณนี้
Castle garden เป็นสวน อยู่บนแนวของยอดเขา
ป้อม ประตู และบนกำแพงเมือง - เคยใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม
ถ้าม้าทำท่าจะอึ เขาจะรีบไปเอาถังมารองรับอึม้าได้ทันเสมอ มืออาชีพจริง ๆ
ที่นี่มีร้านขายของเกี่ยวกับ chirstmas ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และมี crime museum ที่มาแล้วต้องแวะชม
โบสถ์ ออตโตบิวเรน ...Ottobeuren Abbey
เป็นเมืองศูนย์กลางศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิค ของรัฐบาวาเรีย
โบสถ์นี้มีการเก็บศพของนักบุญ ( St.)ใส่ในตู้กระจก เป็นโครงกระดูกที่มีเนื้อแห้ง ๆ ติดอยู่ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าของนักบุญ
การจะได้เป็นนักบุญจะต้องเป็ผู้ที่สละชีวิตเพื่อสืบทอดศาสนา แบบว่ายอมสละชีวิตแต่ไม่สละพระเจ้า
พวกโรมันที่ปกครองจะฆ่าเพื่อให้คนกลัวไม่กล้านับถือศาสนา บางท่านถูกเผาทั้งเป็น บางท่านถูกกรอกปากด้วยโลหะหลอม บางท่านถูกแยกร่าง
ที่โบสถ์นี้มีนักบุญอยู่ 4 ร่าง
ออกมานอกโบสถ์เจอนี่เลย ไก่ย่าง ร้านขายฟิลม์ ชเนาว์เซอร์
คิดถึงไก่ย่างโคราชจังเลย กลับไปจะกินคนเดียวทั้ังตัวไม่แบ่งใคร
ปราสาทนอยชวานสไตน์..... Neuschwanstein (neu = ใหม่, schwan = หงส์, stein= หิน
จากออยโตบิวเรน เดินทางต่อไปสู่ ฟุสเซ่น (Fussen) เพื่อไปปราสาท นอยชวานสไตล์ ที่เลื่องลือ
ถาพจากท่ารถที่จะขึ้นไปชมปราสาท
เบียร์ประจำถิ่น
สร้างบนซากปราสาทชวานชไตน์เดิมของครอบครัวของอัศวิน
หลังจากการยุบเลิกระบบอัศวินในปราสาทถูกเปลี่ยนมือหลายครั้ง
ที่สุดก็พังลงจนเหลือแต่ซาก
พ.ศ. 2372 มงกุฏราชกุมารแม็กซิมิลเลียนแห่งบาวาเรีย >>> พระเจ้าแม็กซิมิลเลียนที่ 2 แห่งบาวาเรีย พระบิดาของ พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย
ทรงถูกพระทัยในทำเลจึงได้ซึ้อปราสาทเมื่อปี พ.ศ. 2375 แล้วสร้างปราสาทใหม่ขึ้น
ทรงโปรดการพำนักอยู่ที่โฮเอินชวังเกาเฉพาะเมื่อทรงก่อสร้างปราสาทนอยชวานชไตน์บนเนินเหนือปราสาท Hohenschwangau
โดยตั้งใจให้ เป็น ฉากของอุปรากร Lohengrin อยู่ระหว่างทะเลสาบ 2 แห่ง
แต่สร้างได้เพียง 1 ใน 3 เงินก็หมดพระคลัง จึงเป็นสาเหตุที่ถูกหาว่าวิกลจริต
เป็นปราสาทที่ถูกจารึกในกินเนสบุ๊คว่ามีคนเที่ยวมากที่สุดในโลก ( รู้งี้เขาคงยอมให้พระองค์สร้างอีกหลาย ๆ ปราสาทนะ เพราะตอนหลังนี่ ทำเงิน )
และเป็นต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราของวอลดิสนีย์ ไกลๆ ข้างหลังก็เป็นทะเลสาบ และหมู่บ้าน
ปราสาท Hohenschwangau สองข้างเป็นทะเลสาบ มองจากสะพานมาเรียน
ด้วยความตื่นเต้นว่า 2 ทุ่มแล้วยังไม่มืด ก็รีบถ่ายเป็นที่ระลึก ทั้งที่เหนื่อยมาก
ปาป้ามีโรงเลี้ยงวัว เช้ามาก็ต้อยไปกินหญ้าบนเขาหลังบ้าน พยายามหารูปที่พักในสตรีทวิว ไม่เจอภาพที่พักที่เคยพัก
ที่แปลกตาคือโถส้วมมีคอห่านอยู่ด้านหน้า
ประชากรมีอาชีพเกษตรกรรม - ต้อนวัวขึ้นเขาไปกินหญ้า
Schloss Linderhof
แปดโมงครึ่งออกจากกราสวังเพื่อไป ชะโลสลินเดอร์ฮอฟ - ปราสาทลินเดอร์ฮอฟ
ต้นไม้ใหญ่ทางขวาคือต้นลินเดอร์ (Linder) Hof แปลว่า สนาม, ลาน
เป็นปราสาทเดียวที่สร้างเสร็จในสมัยพระเจ้าลุควิคที่ 2 แต่มาประทับแค่เพียง 103 วัน
สร้างเลียนแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายด์ วางตัวแนวเหนือใต้
ทิศเหนือเป็นตัวปราสาท
ทิศใต้จะเป็น หอแห่งความรัก (tower of love)
น้ำพุหน้าตัวปราสาท
น้ำตก น้ำตกเนปจูน ( Neptune Fountain ) ส่วนบนสุดมีศาลานั่งเล่น
รูป สามสง่า ฝีพระหัตถ์ พระเจ้าลุกวิคที่ 2 นกยูงสัตว์ที่พระเจ้าลุกวิคโปรดมากที่สุด
เป็นคนบ้า black ground แบบนี้