คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
กฎแห่งกรรม มันเป็นอจินไตยค่ะ บางกรณีมันไม่ซับซ้อนมากนัก
เช่น ติดบุหรี่มา 20 ปี ในที่สุดก็เป็นมะเร็งปอด
แต่หลายกรณี มันซับซ้อนมากๆ ไม่มีใครไปสืบสาวได้ง่ายๆ หรอกค่ะ
ว่า เกิดมากี่ชาติ แล้วในแต่ละชาติเคยทำอะไรไว้บ้าง
แล้วที่ทำไว้มีทำกุศลอะไรบ้าง ทำ อกุศล อะไรบ้าง
แล้วที่ทำไว้มันจะส่งผลชาติไหนกี่ % แล้วทำไมมันสะสมมาโผล่ชาติอื่นๆ
...แล้ว ทำไม????? ....... บลา บลา บลา
สืบสาวไป ก็ไม่รู้จะหาคำตอบที่แท้จริงได้ยังไง
มันเกินสติปัญญาที่จะไปคิด ไปหาคำตอบ หรือไม่ง่ายที่จะเข้าใจ
เรื่องกรรมวิสัย จึงถูกกำหนดว่า เป็นเรื่องอจินไตย ไม่ควรไปคิดหาคำตอบ
เพราะไม่มีทางได้คำตอบหรอกค่ะ
ส่วนเรื่องเจ้ากรรมนายเวร ก็จัดอยู่ในเรื่องกฎแห่งกรรม หรือ กรรมวิสัย
เพียงแต่มีความเชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวร เป็นบุคคล หรือวิญญาณ หรือพลังงาน
ที่จะคอยล้างแค้น เอาคืน ทำร้ายคนเรา เพราะเราเคยไปทำร้ายพวกเค้ามาก่อน
ซึ่งเราขอไม่ตอบนะคะว่า เจ้ากรรมนายเวรมีอยู่จริงมั้ย? (เพราะเราก็ไม่รู้ค่ะ 55)
แต่ตอบคำถามว่า ถ้าจขกท คิดว่า เจ้ากรรมนายเวรมาเอาคืน มาทำร้ายเรา
เพื่อแก้เค้นที่เราเคยไปทำร้ายเขา
1. เจ้ากรรมนายเวร มีสิทธิ์ที่ถูกต้องที่จะทำร้ายเราได้ โดยไม่ผิดหรือ?
เราก็สงสัยต่อไปว่า สามารถสืบสาวไปได้มั้ยว่า ใครเริ่มก่อน 555
ย้อนไปร้อยชาติ พันชาติ หรือมากกว่านั้น
ใครเป็นคนเริ่มทำใครก่อน เราจะไปรู้ได้ยังไงคะ?
ก่อนหน้านั้น นาย A เริ่มต้นด้วยการไปเบียดเบียนนาย B
นาย B ก็เลยตามล้างแค้นนายA
แล้วนาย A ก็ตามล้างแค้นนาย B
วนไปวนมาเรื่อยๆ แบบที่จขกท สงสัย
เราจะไปสืบสาวยังไงดี?? ไม่ง่ายเนอะ
2. สำหรับชาวพุทธ การจบสิ้นการอาฆาตต่อกัน จองเวร ล้างแค้นกันไม่จบสิ้น
มันจึงเริ่มต้นที่ตัวเราไงคะ
ถ้าเราทำผิด เราขอโทษ เราสำนึกผิด เราแสดงออกให้คนที่เราไปเบียดเบียนเขาให้รับรู้
ว่าเราจะปรับปรุง จะขัดเกลาตัวเอง จะพยายามทำผิดให้น้อยลง หรือไม่ทำผิดอีก
ส่วนใครจะอภัยให้เราหรือไม่ อันนั้นเป็นเรื่องของเขา
หรือถ้าใครทำผิดต่อเรา เบียดเบียนเรา
เราก็อภัยให้เขา ไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาต จนต้องวนเวียนไปล้างแค้นกันไปๆๆๆๆ มาๆๆๆๆ
....ไม่จบสิ้นซะที
3. ในทางพุทธ ไม่ได้เชื่อเรื่องประเภทที่ว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เช่น เค้ามาทำคุณเจ็บแขน คุณก็มีสิทธิ์ไปทำให้เค้าเจ็บแขนบ้าง เพื่อเป็นการชดเชยโดยไม่บาป
ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ
เค้าทำเบียดเบียนคุณ เค้าก็ผิด
คุณไปเอาคืน คุณก็ผิดนะคะ ไม่ใช่ว่า ไม่ผิด
มันถึงได้วนเวียนไม่รู้จบไงคะ ถ้าไม่มีฝ่ายใด คิดที่จะให้อภัยก่อน ยอมก่อน
อดกลั้น อดทนที่จะไม่ตอบโต้ และอโหสิกันไป
ใครแรงมา เราแรงกลับ
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
แนวคิดพวกนี้ เป็นแนวคิดที่ดูมันสมควร ยุติธรรมดี สำหรับบางคน
แต่ทางพุทธ ไม่สนับสนุนแนวคิดเหล่านี้
หรือจะลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าคนที่มาเบียดเบียนทำร้ายคุณ
เป็นพ่อแม่พี่น้องหรือคนรักของคุณ ที่คุณก็รักเขา เขาก็รักคุณ
แต่คนเราก็มีกิเลส มีทำผิดพลาดได้ ก็ทำร้ายคนที่ตัวเองรักทั้งโดยเจตนา หรือไม่เจตนา
ถ้าพ่อแม่ หรือคนรัก ประมาท พลาดพลั้ง ทำให้คุณเสียใจในบางเรื่อง
คุณจะเอาคืนมั้ยคะ? เราต้องทำให้เค้าเจ็บใจคืนบ้าง มันถึงจะแฟร์ มันถึงจะเท่าเทียม??
เราเชื่อว่า หลายคนคงไม่คิดแบบนี้
เราจบมันได้ด้วยการให้อภัย
พูดคุย ปรับความเข้าใจ ฯลฯ
ไม่ใช่การสนองคืนแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
การเปรียบเทียบแบบนี้ แค่จะบอกว่า กับคนที่เรารัก เราแคร์ เราให้อภัยได้ง่าย
แต่บางคน ก็ให้อภัยไม่ได้ง่ายๆ ยิ่งรักก็ยิ่งแค้น
แล้วคนที่ไม่ใช่คนที่เรารัก เรายิ่งอภัยให้ไม่ง่ายค่ะ
เรื่องการอภัย การปล่อยวาง เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนจิตใจค่ะ
ไม่งั้นก็ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ
สรุปว่า ถ้าคุณเชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวรมีอยู่
วิธีที่จะทำได้ คือ ทำสิ่งดีๆ ทำกุศลต่างๆ แล้วอุทิศไปให้พวกเขา
สื่อสารไปทางจิต บอกกล่าวพวกเขา เอาความดี เอาสิ่งดีๆ เพื่อชดเชยสิ่งที่เราเคยทำไว้
และจะเรียกว่าเป็นการขอโทษ สำนึกผิด หรือขอ อโหสิกรรม อะไรก็แล้วแต่ค่ะ
คือเป็นการทำความดีเพื่อชดเชยความผิดพลาด เพราะเราย้อนเวลาไปแก้อดีตไม่ได้
และเราก็ไม่รู้ว่า เราเคยทำไม่ดีกับใครไว้บ้าง จนเค้าผูกใจอาฆาตเรา
ไม่ว่าคุณจะเชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวรมีอยู่หรือไม่ วิธีนี้จะส่งผลดีแน่ๆ ค่ะ
(ส่วนการทำดี ที่ดีมาก มีกุศลมากๆ มากที่สุดก็ว่าได้ คือ การฝึกภาวนาค่ะ
ลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกวิปัสสนาภาวนา หรือสติปัฏฐานดูละกันค่ะถ้าสนใจ
ไม่ว่าจะมีเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่ แต่การฝึกภาวนาจะส่งผลเป็นกุศลสูงสุดค่ะ)
เช่น ติดบุหรี่มา 20 ปี ในที่สุดก็เป็นมะเร็งปอด
แต่หลายกรณี มันซับซ้อนมากๆ ไม่มีใครไปสืบสาวได้ง่ายๆ หรอกค่ะ
ว่า เกิดมากี่ชาติ แล้วในแต่ละชาติเคยทำอะไรไว้บ้าง
แล้วที่ทำไว้มีทำกุศลอะไรบ้าง ทำ อกุศล อะไรบ้าง
แล้วที่ทำไว้มันจะส่งผลชาติไหนกี่ % แล้วทำไมมันสะสมมาโผล่ชาติอื่นๆ
...แล้ว ทำไม????? ....... บลา บลา บลา
สืบสาวไป ก็ไม่รู้จะหาคำตอบที่แท้จริงได้ยังไง
มันเกินสติปัญญาที่จะไปคิด ไปหาคำตอบ หรือไม่ง่ายที่จะเข้าใจ
เรื่องกรรมวิสัย จึงถูกกำหนดว่า เป็นเรื่องอจินไตย ไม่ควรไปคิดหาคำตอบ
เพราะไม่มีทางได้คำตอบหรอกค่ะ
ส่วนเรื่องเจ้ากรรมนายเวร ก็จัดอยู่ในเรื่องกฎแห่งกรรม หรือ กรรมวิสัย
เพียงแต่มีความเชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวร เป็นบุคคล หรือวิญญาณ หรือพลังงาน
ที่จะคอยล้างแค้น เอาคืน ทำร้ายคนเรา เพราะเราเคยไปทำร้ายพวกเค้ามาก่อน
ซึ่งเราขอไม่ตอบนะคะว่า เจ้ากรรมนายเวรมีอยู่จริงมั้ย? (เพราะเราก็ไม่รู้ค่ะ 55)
แต่ตอบคำถามว่า ถ้าจขกท คิดว่า เจ้ากรรมนายเวรมาเอาคืน มาทำร้ายเรา
เพื่อแก้เค้นที่เราเคยไปทำร้ายเขา
1. เจ้ากรรมนายเวร มีสิทธิ์ที่ถูกต้องที่จะทำร้ายเราได้ โดยไม่ผิดหรือ?
เราก็สงสัยต่อไปว่า สามารถสืบสาวไปได้มั้ยว่า ใครเริ่มก่อน 555
ย้อนไปร้อยชาติ พันชาติ หรือมากกว่านั้น
ใครเป็นคนเริ่มทำใครก่อน เราจะไปรู้ได้ยังไงคะ?
ก่อนหน้านั้น นาย A เริ่มต้นด้วยการไปเบียดเบียนนาย B
นาย B ก็เลยตามล้างแค้นนายA
แล้วนาย A ก็ตามล้างแค้นนาย B
วนไปวนมาเรื่อยๆ แบบที่จขกท สงสัย
เราจะไปสืบสาวยังไงดี?? ไม่ง่ายเนอะ
2. สำหรับชาวพุทธ การจบสิ้นการอาฆาตต่อกัน จองเวร ล้างแค้นกันไม่จบสิ้น
มันจึงเริ่มต้นที่ตัวเราไงคะ
ถ้าเราทำผิด เราขอโทษ เราสำนึกผิด เราแสดงออกให้คนที่เราไปเบียดเบียนเขาให้รับรู้
ว่าเราจะปรับปรุง จะขัดเกลาตัวเอง จะพยายามทำผิดให้น้อยลง หรือไม่ทำผิดอีก
ส่วนใครจะอภัยให้เราหรือไม่ อันนั้นเป็นเรื่องของเขา
หรือถ้าใครทำผิดต่อเรา เบียดเบียนเรา
เราก็อภัยให้เขา ไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาต จนต้องวนเวียนไปล้างแค้นกันไปๆๆๆๆ มาๆๆๆๆ
....ไม่จบสิ้นซะที
3. ในทางพุทธ ไม่ได้เชื่อเรื่องประเภทที่ว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เช่น เค้ามาทำคุณเจ็บแขน คุณก็มีสิทธิ์ไปทำให้เค้าเจ็บแขนบ้าง เพื่อเป็นการชดเชยโดยไม่บาป
ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ
เค้าทำเบียดเบียนคุณ เค้าก็ผิด
คุณไปเอาคืน คุณก็ผิดนะคะ ไม่ใช่ว่า ไม่ผิด
มันถึงได้วนเวียนไม่รู้จบไงคะ ถ้าไม่มีฝ่ายใด คิดที่จะให้อภัยก่อน ยอมก่อน
อดกลั้น อดทนที่จะไม่ตอบโต้ และอโหสิกันไป
ใครแรงมา เราแรงกลับ
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
แนวคิดพวกนี้ เป็นแนวคิดที่ดูมันสมควร ยุติธรรมดี สำหรับบางคน
แต่ทางพุทธ ไม่สนับสนุนแนวคิดเหล่านี้
หรือจะลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าคนที่มาเบียดเบียนทำร้ายคุณ
เป็นพ่อแม่พี่น้องหรือคนรักของคุณ ที่คุณก็รักเขา เขาก็รักคุณ
แต่คนเราก็มีกิเลส มีทำผิดพลาดได้ ก็ทำร้ายคนที่ตัวเองรักทั้งโดยเจตนา หรือไม่เจตนา
ถ้าพ่อแม่ หรือคนรัก ประมาท พลาดพลั้ง ทำให้คุณเสียใจในบางเรื่อง
คุณจะเอาคืนมั้ยคะ? เราต้องทำให้เค้าเจ็บใจคืนบ้าง มันถึงจะแฟร์ มันถึงจะเท่าเทียม??
เราเชื่อว่า หลายคนคงไม่คิดแบบนี้
เราจบมันได้ด้วยการให้อภัย
พูดคุย ปรับความเข้าใจ ฯลฯ
ไม่ใช่การสนองคืนแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
การเปรียบเทียบแบบนี้ แค่จะบอกว่า กับคนที่เรารัก เราแคร์ เราให้อภัยได้ง่าย
แต่บางคน ก็ให้อภัยไม่ได้ง่ายๆ ยิ่งรักก็ยิ่งแค้น
แล้วคนที่ไม่ใช่คนที่เรารัก เรายิ่งอภัยให้ไม่ง่ายค่ะ
เรื่องการอภัย การปล่อยวาง เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนจิตใจค่ะ
ไม่งั้นก็ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ
สรุปว่า ถ้าคุณเชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวรมีอยู่
วิธีที่จะทำได้ คือ ทำสิ่งดีๆ ทำกุศลต่างๆ แล้วอุทิศไปให้พวกเขา
สื่อสารไปทางจิต บอกกล่าวพวกเขา เอาความดี เอาสิ่งดีๆ เพื่อชดเชยสิ่งที่เราเคยทำไว้
และจะเรียกว่าเป็นการขอโทษ สำนึกผิด หรือขอ อโหสิกรรม อะไรก็แล้วแต่ค่ะ
คือเป็นการทำความดีเพื่อชดเชยความผิดพลาด เพราะเราย้อนเวลาไปแก้อดีตไม่ได้
และเราก็ไม่รู้ว่า เราเคยทำไม่ดีกับใครไว้บ้าง จนเค้าผูกใจอาฆาตเรา
ไม่ว่าคุณจะเชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวรมีอยู่หรือไม่ วิธีนี้จะส่งผลดีแน่ๆ ค่ะ
(ส่วนการทำดี ที่ดีมาก มีกุศลมากๆ มากที่สุดก็ว่าได้ คือ การฝึกภาวนาค่ะ
ลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกวิปัสสนาภาวนา หรือสติปัฏฐานดูละกันค่ะถ้าสนใจ
ไม่ว่าจะมีเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่ แต่การฝึกภาวนาจะส่งผลเป็นกุศลสูงสุดค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
เจ้ากรรมนายเวรตามมาแก้แค้นคนที่เคยทำร้าย แบบนี้เจ้ากรรมนายเวรจะมีบาปติดตัวไหม