ความไม่รู้ ความหลงผิด ทุกการกระทำที่เริ่มจากจิต และผลแห่งกรรม
ตามที่เข้าใจมา กรรมใดๆ จะให้ผลไม่ให้ผล จะให้ผลหนักเบา ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เช่น เวลา สถานที่ ความเข้มข้นของจิตสังขาร ผู้ทำ และสิ่งหรือผู้ถูกกระทำ เป็นต้น
จะว่าไปในโลกสัจจะธรรม ยิ่งไม่รู้ ยิ่งผิดมากบาปมาก ซึ่งขัดกับชาวโลกที่กล่าวว่า ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด
เช่น คนที่ด่าทำร้ายอริยะบุคคลที่เป็นฆราวาส
โดยคิดว่าเป็นปุถุชน ตามหลักผลกรรมย่อมรุนแรงกว่าด่าหรือทำร้ายปุถุชน ประเด็นนี้คือ ไม่รู้ก็ไม่ได้ช่วยให้กรรมเบาลงไปเท่ากับทำกับปุถุชน
หรือ ถ้าด่าทำร้ายผิดคน ตั้งใจทำกับปุถุชนคนหนึ่ง แต่สำคัญผิดไปทำกับอีกคนที่เป็นอริยบุคคล นี่ก็ใช่ว่าผลกรรมจะบรรเทาไปเท่ากับทำกับปุถุชนไม่
หรือกระทำโดยประมาท รู้เท่าไม่ถึงการ เพราะโง่เขลาเบาปัญญา จะอ้างจะช่วยบรรเทาโทษจากผลร้ายที่เกิดจากการกระทำได้บ้างไหม
โดยสรุป อวิชชา คือความไม่รู้ ไม่สามารถช่วยหรือเป็นข้ออ้างในการลดหย่อนผ่อนโทษเลย กรรมมันลงโทษด้วยการให้เกิดทุกขอริยสัจเกิดขึ้นนิรันดร
ท่านทั้งหลายมีความเห็นในเรื่องเหล่านี้ หรือในประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างไรกันบ้าง
ความไม่รู้ ความหลงผิด ทุกการกระทำที่เริ่มจากจิต และผลแห่งกรรม
ตามที่เข้าใจมา กรรมใดๆ จะให้ผลไม่ให้ผล จะให้ผลหนักเบา ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เช่น เวลา สถานที่ ความเข้มข้นของจิตสังขาร ผู้ทำ และสิ่งหรือผู้ถูกกระทำ เป็นต้น
จะว่าไปในโลกสัจจะธรรม ยิ่งไม่รู้ ยิ่งผิดมากบาปมาก ซึ่งขัดกับชาวโลกที่กล่าวว่า ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด
เช่น คนที่ด่าทำร้ายอริยะบุคคลที่เป็นฆราวาส
โดยคิดว่าเป็นปุถุชน ตามหลักผลกรรมย่อมรุนแรงกว่าด่าหรือทำร้ายปุถุชน ประเด็นนี้คือ ไม่รู้ก็ไม่ได้ช่วยให้กรรมเบาลงไปเท่ากับทำกับปุถุชน
หรือ ถ้าด่าทำร้ายผิดคน ตั้งใจทำกับปุถุชนคนหนึ่ง แต่สำคัญผิดไปทำกับอีกคนที่เป็นอริยบุคคล นี่ก็ใช่ว่าผลกรรมจะบรรเทาไปเท่ากับทำกับปุถุชนไม่
หรือกระทำโดยประมาท รู้เท่าไม่ถึงการ เพราะโง่เขลาเบาปัญญา จะอ้างจะช่วยบรรเทาโทษจากผลร้ายที่เกิดจากการกระทำได้บ้างไหม
โดยสรุป อวิชชา คือความไม่รู้ ไม่สามารถช่วยหรือเป็นข้ออ้างในการลดหย่อนผ่อนโทษเลย กรรมมันลงโทษด้วยการให้เกิดทุกขอริยสัจเกิดขึ้นนิรันดร
ท่านทั้งหลายมีความเห็นในเรื่องเหล่านี้ หรือในประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างไรกันบ้าง