เวลาเลิกกันไปแล้ว จำเป็นต้องเลิกแบบเกลียดกันไปเลยมั้ยคะ ถึงจะขาดกันได้จริงๆ?

เคยเห็นจากดีแล้วก็ยังไม่ได้ตัดกันแบบขาดจริงๆ แต่แค่อยู่ต่างสถานะ เช่น เพื่อน พี่ น้อง แต่ความรักดันเหมือนเดิม ห่วงใยเหมือนเดิม ซึ่งสำหรับบางคนมันทำให้มูฟออนไปไหนไม่ได้ แต่จากแบบเกลียดก็เกลียดกันไปเลย ไม่ต้องมารู้จัก ไม่ต้องมาอะไรกันทั้งนั้น ไม่ต้องมาเปลี่ยนสถานะให้ยังเป็นเพื่อน หรือพี่น้อง ขาดกันไปแบบเกลียดๆไป

เพื่อนๆว่าอันไหนดีกว่ากันและทำให้มูฟออนได้เร็วกว่าคะ ?
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
อยู่ที่ว่าจบแบบไหนดีกว่าค่ะ  แต่ที่จะทำให้ตัดขาดกันได้จริงๆสำหรับเราคิดว่าเป็นเรื่องของเวลาและการยอมรับความจริงมากกว่า
การโกรธ,เกลียด ไม่ได้ทำให้ลืมหรือตัดขาดได้ เพราะจิตใจเรายังคงคิดถึงเขาถึงแม้ว่าจะเป็นความรู้สึกเกลียดก็ตาม มันไม่ได้เรียกว่าตัดขาดได้
แต่การที่เรายอมรับความจริงของการจากลาต่างหากล่ะ ที่จะทำให้เราตัดขาด และไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาอีกเลย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ตอบจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เพิ่งเลิกกับแฟนได้ไม่นานนะครับ (อันนี้คือเลิกในช่วงคนอายุ 30+ แล้วนะ ไม่ใช่เรื่องหุนหันพลันแล่นและมองว่าไม่ใช่เรื่องเล็กด้วย)  สำหรับผมไม่ได้เรียกว่า move on ละกัน เพราะไม่ได้มีคนใหม่อะไร แต่เรียกว่าอยู่กับชีวิตโสด อยู่กับตัวเองได้อย่างไม่โหยหาความรักที่ผ่านมากับคนเดิมได้
คือสามารถเลิกกันแบบดีๆได้ ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ได้ทำผิดต่อกัน เช่น ไม่ได้ไปมีคนอื่นหรือทำเรื่องบาดใจหรือทำร้ายจิตใจอย่างมาก
การเลิกกับแฟนแบบดีๆ สำหรับผมมันเกิดจาก "ความเข้าใจ" มากกว่าอย่างอื่น
เข้าใจกันและกันว่า ทิศทางการดำเนินชีวิตไม่ได้สอดรับกันมากนัก ภาษารักที่เราสื่อสารออกไปไม่ touch ใจเธอ ในทางกลับกัน ภาษารักที่เธอมอบให้เราก็ไม่ touch ใจเราเช่นกัน
การต้องปรับตัวมากๆ เพื่อมาพบกันตรงกลางนั้น ต่างฝ่ายต่างจะเหนื่อยและอ่อนล้าไปเอง เหมือนกุญแจกับแม่กุญแจ ที่มันไม่ click กันอย่างมาก
พอเวลาที่เราปล่อยให้ทุกอย่างค่อยๆคลี่คลายมันออกมา เช่นห่างกันสักพัก มันก็เหมือนจะเริ่มทำใจได้ พอได้คุยกันว่าตกลงจะเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปเป็นแบบพี่น้อง มันก็จะเข้าใจกันและไม่ผิดใจกัน แม้ช่วงแรกๆที่เลิกกัน เป็นธรรมดาที่เราจะรู้สึกโหวงๆ แต่ตลอดเวลาที่เราต้องทนปรับตัวมา มันก็จะเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า ยิ่งอยู่ไปยิ่งบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ และช่วงแรกก็อยู่กับครอบครัวก็จะเป็นกำลังใจให้เราก้าวต่อไปได้
ถ้าเราลองปล่อยใจให้เป็นอิสระ แล้วตกลงกันได้ ไม่มีปัญหาครับ  ของผมไม่ได้ทะเลาะกันเลย และคุยกันว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ แต่จะไม่ล้ำเส้นกัน
โอกาสที่จะกลับไปมันยากในตัวมันอยู่แล้ว เพราะธรรมชาติของนิสัยลึกๆไม่เหมือนกันอย่างที่บอก

ส่วนคำถามที่บอกว่าแบบไหน move on ได้เร็วกว่า มันตอบไม่ได้ ขึ้นกับว่าเราเข้าใจและยอมรับความจริงได้เร็วแค่ไหน คิดออก คิดได้ คิดตก เร็วแค่ไหน  ถ้าคิดมานาน อดทนมานาน พยายามฝืนตัวเองมานาน ก็เหมือนได้ผ่อนส่งการ move on ไปในตัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่