[ความเดิม] ในอดีตโบบ้า เฟตต์ ถูกมนุษย์ทราย (ทัสเคน เรดเดอร์) กลุ่มนึงช่วยชีวิต บนดาวทาทูอิน
หลังจากที่เอาตัวรอดจากบ่อซาลักก์ได้ แต่ทำชุดเกราะหาย
ฉะนั้นเมื่อชาวเผ่าถูกข่มเหง โดยแก๊งไพค์ (Pyke Syndicate)
เขาจึงสอนวิธีสู้กับอาวุธสมัยใหม่ แก่มนุษย์โบราณ... จนถูกยอมรับในฐานะส่วนหนึ่งของเผ่า
โบบ้า เฟตต์ใช้เวลาอยู่กับชาวทัสเคนหลายปี, กระทั่งแก๊งค์สิงห์นักบิดนิคโต้ (Nikto) ก่อเหตุสะเทือนขวัญ
นั่นคือฆ่าล้างทัสเคนยกเผ่า, ขณะโบบ้าเขาออกไปทำธุระที่อื่น
โบบ้าเหลือตัวคนเดียว และเหลืออดกับเหล่าผู้มีอำนาจ ที่ไร้ความเคารพต่อผู้ใด
จึงดำริว่าถึงเวลาทิ้งอาชีพเก่าไป และเดินบนเส้นทางใหม่สักที
-
ณ ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน (ในซีรีส์ The Mandalorian ซีซั่น 1 ตอน 5)
โทโร คาลิแคน (Toro Calican) นักล่าเงินรางวัลหนุ่ม ซึ่งเป็นมือใหม่ในสายงาน และยังไม่มีกิลด์ไหนยอมรับ
อยากได้ชื่อเสียงจัด แม้ตระหนักว่าตนอ่อนหัดเกินจะจับกุม เฟนเนค แชนด์ (Fennec Shand)
ทหารรับจ้างหญิงชื่อดัง ผู้สังหารคนระดับสูงในองค์กรอาชญากรรมต่าง ๆ มานักต่อนัก
จึงเสนอจะมอบค่าหัวทั้งหมด แก่แมนดาลอเรี่ยนนายนึง (ดิน จาร์ริน) หากเขาร่วมมือ
เฟนเนค แชนด์ ซุ่มยิงด้วยปืนยาวอยู่บนชัยภูมิที่ได้เปรียบ
จาร์รินจึงรอให้ฟ้ามืด แล้วค่อยปล่อยพลุแสงเป็นระยะ เพื่อก่อกวนการมองเห็น
ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวโทโรกับจาร์ริน เลยชนะยอดฝีมือหญิงไหว
แชนด์หวังเอาตัวรอด โดยการยุให้โทโรแตกคอกับจาร์ริน
ซึ่งสำเร็จอยู่หรอก แต่โทโรก็ไม่ไว้ใจแชนด์เช่นกัน, หมอนั่นจึงลั่นไกยิงปืนใส่หล่อน เพื่อปลิดชีพ
-
-
ส่วนฟากปัจจุบัน, โบบ้า เฟตต์กับสาวกหญิง (เฟนเนก แชน) ยึดบัลลังก์เก่าของจั๊บบ้า เดอะ ฮัตต์
ต่อจากนายบิ๊บ ฟอร์ทูน่า (หัวหน้าพ่อบ้านของจั๊บบา) อีกที
โบบ้าหวังครองตำแหน่งไดเมียวแห่งมอส เอสป้า (เมืองท่าของทาทูอิน)
ซึ่งก่อนเขามา, อาณาเขตโดนแบ่งออก ให้อีก 3 ขั้วอำนาจท้องถิ่นดูแลอยู่
นายกเทศมนตรี 'มอค ไชซ์' ผู้อยู่ภายใต้อิทธิพลของไพค์ พยายามขัดขวาง
นายกฯ ชักใยให้แก๊งนักเลงอื่น ส่งวู้กกี้ขนดำสุดเถื่อนคราซซานทาน (Krrsantan) ไปลอบสังหารโบบ้า
ทว่าคราซซานทานล้มเหลว, ในขณะที่โบบ้าเองก็มีพรรคพวกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ว่าจะพวกม็อด (Mod) ที่เป็นมนุษย์ดัดแปลง (Modification), คนหน้าหมูป่าองครักษ์เก่าของจั๊บบ้า, หรือว่าอสูรร้ายแรนคอร์
-
-
-
[สปอยล์] ในอดีต, โบบ้าโต๋เต๋ใกล้อารามศาสนาโบมาร์ อันเป็นรังเก่าของจั๊บบ้าอย่างไม่ไปไหน
เพราะยานอวกาศคู่ชีพนามเครื่องพ่นไฟ (ไฟร์สเปรย์/Firespray) ของเขา ถูกจอดคาไว้ภายใน
ไอ้ครั้นจะเดินเข้าไปหาบิ๊บ ฟอร์ทูน่า แล้วทวงยานซึ่งหน้าก็ไม่เข้าท่า
เนื่องจากโบบ้าผู้ไร้เกราะแมนดาลอเรี่ยน คงอดรับความยำเกรง, และโดนเฉดหัวส่งออกมาแบบมือเปล่า
-
โบบ้าอยากชิงยานคืนมาก่อน แล้วค่อยค้นหาเกราะตามลำดับ
แต่เวรยามของแก๊งบิ๊บคืออย่างหนา หาช่องเจาะลอบบุกคนเดียวไม่เจอ
ขณะสถานการณ์หยุดนิ่งไร้ทางไปต่อ, จู่ๆ บนท้องฟ้าราตรี พลันมีพลุแสงปรากฏ
โบบ้าจึงลองไปสำรวจดูว่า มันเกิดสิ่งใดขึ้นกลางทะเลทราย
โบบ้าพบร่างของแชน ผู้บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย
เขารำลึกถึงสมัยทัสเคนช่วย, จึงแบกหล่อนไปด้วยจนถึงร้านม็อด นอกเมืองมอส ไอส์ลีย์ (Mos Eisley)
และจ่ายเงินแก่ช่างม็อด ให้ผ่าตัดใส่เครื่องจักรลงร่างหญิงแปลกหน้า เพื่อกู้ชีพหล่อน
ก่อนจะขอให้เฟนเนก แชน ตอบแทนโดยร่วมทำภารกิจ, ชิงเครื่องพ่นไฟจากในอาราม
แผนคือลอบเข้าและออก โดยก่อเรื่องน้อยที่สุด, แต่ระหว่างดำเนินงานคือผิดพลาด จนเอะอะสุดกำลังตามสูตร
อย่างไรก็ตาม เฟนเนกโชว์ทั้งลีลาบู๊และไหวพริบเชิงบุ๋น เพื่อแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า
หลังได้ยานคืน, โบบ้าเหินนภาไปไล่ฆ่าแก๊งนิคโต้
และส่องหาชุดเกราะ ที่คาดว่าอยู่ในบ่อซาลักก์, ทว่าไม่เจอ
-
แชนถือวิสาสะ กดปุ่มหย่อนระเบิดคลื่นไหวสะเทือน (seismic charge) ลงบ่อฆ่าสัตว์ประหลาด
จากนั้นโบบ้ายอมขนาด ลงว่ายน้ำย่อยของซาลักก์ (ที่ตายแล้ว) แต่ยังคงไม่พบเกราะ
-
-
ช่วงปัจจุบัน, หลังโบบ้านอนหลับคาแท็งค์เยียวยา เพื่อรักษาแผลกรดกัดโดยน้ำย่อยซาลักก์ อย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดอาการบาดเจ็บเรื้อรังก็หายขาด ผิวหนังกลับมาตึงเปล่งปลั่ง
อีกทั้งยังจ้างคราซซานทาน ผู้กำลังหลงทางชีวิต, มาเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผู้ติดตามไดเมียว
โบบ้าเรียกประชุม 3 ขั้วอำนาจท้องถิ่นแห่งมอส เอสป้า
เขาร้องขอให้ทั้งสามขั้ว ส่งกำลังพลและอาวุธของตนลงสนาม
เพื่อร่วมทำสงครามกับแก๊งไพค์ ที่ใกล้อุบัติ
พวกนั้นปฏิเสธ, แต่ก็ยอมรับเงื่อนไขรองลงมา อย่างการ "วางเฉย" ไม่ลอบกัดไดเมียวทีหลัง
-
-
-
[วิจารณ์] มาถึงกลางซีรีส์จึงเจอช่วงย้อนอดีต ที่อยากดูหน่อย
เพราะมันบรรจบ กับเนื้อหาของเฟนเนกกับโบบ้า ใน The Mandalorian แล้ว
แต่แอบขัดใจที่พอจะต้องการขึ้นมา ก็จบละ, แถมฉากบู๊ในอารามไม่ยักโดนเท่าไหร่
โอเคนะว่ามันต้องมี ชั่วเวลาที่ฉากบู๊ตอนกลางคืนเยอะบ้าง ตามท้องเรื่อง (และเพื่อประหยัดงบทำซีจี)
แต่ตอน 4 อันควรเป็นไคลแม็กซ์ครึ่งเรื่อง กลับมาพร้อมฉากยิงสนั่นที่ทั้งมองไม่ค่อยชัด
แถมยังอวยตัวละครหลักมากเกินเหตุ (พวกยามของบิ๊บไม่ควรยิงมั่ว จนดูเหมือนอวตารของเหล่าสตอร์มทรูเปอร์ ซะขนาดนั้น)
จนสัมผัสไม่เจอความลุ้น ผิดกับสามตอนก่อน... ส่วนตัวมองว่าดีไซน์ฉากแอ็คชั่นนี้ ได้ไม่ดีเท่าที่ควร
แต่พอขโมยเครื่องพ่นไฟเสร็จ คือยอด (ชะรอยทั้งความทุ่มเทกับงบประจำตอน จะกองรวมกันอยู่แถวเนี้ย)
ทั้งอารมณ์ตอนไล่ยิงแก๊งนักซิ่ง กับทิ้งลูกระเบิดดิ่งใส่มอนสเตอร์ คือเอ้อ! ภาพสวยแฮะ (สำหรับซีรีส์)
ด้านเนื้อหาย้อนอดีตก็ค่อนข้างชัด ว่าไม่มีอีกละใน 3 ตอนข้างหน้า
พอเอาเข้าจริงเสียดายนิด แต่คิดว่าดีแล้ว
เพราะหลังจากนี้เรื่องราว สามารถเดินเครื่องไปข้างหน้า ได้อย่างเต็มสูบ
-
-
[ปล.1] สมัยจอร์จ ลูคัส, ยานประจำตัวของโบบ้า เฟตต์ชื่อทาสหมายเลขหนึ่ง (สเลฟวัน/Slave I)
ที่โดนเปลี่ยน คงเพราะความหมายไม่สวยงาม
หรือขัดกับธีม 'โบบ้าอยากเป็นเจ้านายตัวเองสักที' ของ The Book of Boba Fett
-
[ปล.2] ข่าวลือ (ซึ่งไม่น่าผิด) แจ้งไว้นานแล้วว่า
เหล่าตัวละครจาก The Mandalorian หลายคน จะยกพลตามกันมาโผล่ทางนี้
ดังนั้นคงได้เห็นดิน จาร์ริน (& เดอะแก๊ง) ในตอนหน้า
หรือช้าสุดคือตอนที่ 6 ซึ่งเดฟ ฟิโลนี่ (ผู้ถนัดอะไรทำนองนี้) ร่วมเขียนบทกับฟาฟโร
[Spoil+Review] The Book of Boba Fett Ep.4 >>เครื่องพ่นไฟ ในอาราม
หลังจากที่เอาตัวรอดจากบ่อซาลักก์ได้ แต่ทำชุดเกราะหาย
ฉะนั้นเมื่อชาวเผ่าถูกข่มเหง โดยแก๊งไพค์ (Pyke Syndicate)
เขาจึงสอนวิธีสู้กับอาวุธสมัยใหม่ แก่มนุษย์โบราณ... จนถูกยอมรับในฐานะส่วนหนึ่งของเผ่า
โบบ้า เฟตต์ใช้เวลาอยู่กับชาวทัสเคนหลายปี, กระทั่งแก๊งค์สิงห์นักบิดนิคโต้ (Nikto) ก่อเหตุสะเทือนขวัญ
นั่นคือฆ่าล้างทัสเคนยกเผ่า, ขณะโบบ้าเขาออกไปทำธุระที่อื่น
โบบ้าเหลือตัวคนเดียว และเหลืออดกับเหล่าผู้มีอำนาจ ที่ไร้ความเคารพต่อผู้ใด
จึงดำริว่าถึงเวลาทิ้งอาชีพเก่าไป และเดินบนเส้นทางใหม่สักที
-
ณ ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน (ในซีรีส์ The Mandalorian ซีซั่น 1 ตอน 5)
โทโร คาลิแคน (Toro Calican) นักล่าเงินรางวัลหนุ่ม ซึ่งเป็นมือใหม่ในสายงาน และยังไม่มีกิลด์ไหนยอมรับ
อยากได้ชื่อเสียงจัด แม้ตระหนักว่าตนอ่อนหัดเกินจะจับกุม เฟนเนค แชนด์ (Fennec Shand)
ทหารรับจ้างหญิงชื่อดัง ผู้สังหารคนระดับสูงในองค์กรอาชญากรรมต่าง ๆ มานักต่อนัก
จึงเสนอจะมอบค่าหัวทั้งหมด แก่แมนดาลอเรี่ยนนายนึง (ดิน จาร์ริน) หากเขาร่วมมือ
เฟนเนค แชนด์ ซุ่มยิงด้วยปืนยาวอยู่บนชัยภูมิที่ได้เปรียบ
จาร์รินจึงรอให้ฟ้ามืด แล้วค่อยปล่อยพลุแสงเป็นระยะ เพื่อก่อกวนการมองเห็น
ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวโทโรกับจาร์ริน เลยชนะยอดฝีมือหญิงไหว
แชนด์หวังเอาตัวรอด โดยการยุให้โทโรแตกคอกับจาร์ริน
ซึ่งสำเร็จอยู่หรอก แต่โทโรก็ไม่ไว้ใจแชนด์เช่นกัน, หมอนั่นจึงลั่นไกยิงปืนใส่หล่อน เพื่อปลิดชีพ
-
-
ส่วนฟากปัจจุบัน, โบบ้า เฟตต์กับสาวกหญิง (เฟนเนก แชน) ยึดบัลลังก์เก่าของจั๊บบ้า เดอะ ฮัตต์
ต่อจากนายบิ๊บ ฟอร์ทูน่า (หัวหน้าพ่อบ้านของจั๊บบา) อีกที
โบบ้าหวังครองตำแหน่งไดเมียวแห่งมอส เอสป้า (เมืองท่าของทาทูอิน)
ซึ่งก่อนเขามา, อาณาเขตโดนแบ่งออก ให้อีก 3 ขั้วอำนาจท้องถิ่นดูแลอยู่
นายกเทศมนตรี 'มอค ไชซ์' ผู้อยู่ภายใต้อิทธิพลของไพค์ พยายามขัดขวาง
นายกฯ ชักใยให้แก๊งนักเลงอื่น ส่งวู้กกี้ขนดำสุดเถื่อนคราซซานทาน (Krrsantan) ไปลอบสังหารโบบ้า
ทว่าคราซซานทานล้มเหลว, ในขณะที่โบบ้าเองก็มีพรรคพวกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ว่าจะพวกม็อด (Mod) ที่เป็นมนุษย์ดัดแปลง (Modification), คนหน้าหมูป่าองครักษ์เก่าของจั๊บบ้า, หรือว่าอสูรร้ายแรนคอร์
-
-
-
[สปอยล์] ในอดีต, โบบ้าโต๋เต๋ใกล้อารามศาสนาโบมาร์ อันเป็นรังเก่าของจั๊บบ้าอย่างไม่ไปไหน
เพราะยานอวกาศคู่ชีพนามเครื่องพ่นไฟ (ไฟร์สเปรย์/Firespray) ของเขา ถูกจอดคาไว้ภายใน
ไอ้ครั้นจะเดินเข้าไปหาบิ๊บ ฟอร์ทูน่า แล้วทวงยานซึ่งหน้าก็ไม่เข้าท่า
เนื่องจากโบบ้าผู้ไร้เกราะแมนดาลอเรี่ยน คงอดรับความยำเกรง, และโดนเฉดหัวส่งออกมาแบบมือเปล่า
-
โบบ้าอยากชิงยานคืนมาก่อน แล้วค่อยค้นหาเกราะตามลำดับ
แต่เวรยามของแก๊งบิ๊บคืออย่างหนา หาช่องเจาะลอบบุกคนเดียวไม่เจอ
ขณะสถานการณ์หยุดนิ่งไร้ทางไปต่อ, จู่ๆ บนท้องฟ้าราตรี พลันมีพลุแสงปรากฏ
โบบ้าจึงลองไปสำรวจดูว่า มันเกิดสิ่งใดขึ้นกลางทะเลทราย
โบบ้าพบร่างของแชน ผู้บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย
เขารำลึกถึงสมัยทัสเคนช่วย, จึงแบกหล่อนไปด้วยจนถึงร้านม็อด นอกเมืองมอส ไอส์ลีย์ (Mos Eisley)
และจ่ายเงินแก่ช่างม็อด ให้ผ่าตัดใส่เครื่องจักรลงร่างหญิงแปลกหน้า เพื่อกู้ชีพหล่อน
ก่อนจะขอให้เฟนเนก แชน ตอบแทนโดยร่วมทำภารกิจ, ชิงเครื่องพ่นไฟจากในอาราม
แผนคือลอบเข้าและออก โดยก่อเรื่องน้อยที่สุด, แต่ระหว่างดำเนินงานคือผิดพลาด จนเอะอะสุดกำลังตามสูตร
อย่างไรก็ตาม เฟนเนกโชว์ทั้งลีลาบู๊และไหวพริบเชิงบุ๋น เพื่อแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า
หลังได้ยานคืน, โบบ้าเหินนภาไปไล่ฆ่าแก๊งนิคโต้
และส่องหาชุดเกราะ ที่คาดว่าอยู่ในบ่อซาลักก์, ทว่าไม่เจอ
-
แชนถือวิสาสะ กดปุ่มหย่อนระเบิดคลื่นไหวสะเทือน (seismic charge) ลงบ่อฆ่าสัตว์ประหลาด
จากนั้นโบบ้ายอมขนาด ลงว่ายน้ำย่อยของซาลักก์ (ที่ตายแล้ว) แต่ยังคงไม่พบเกราะ
-
-
ช่วงปัจจุบัน, หลังโบบ้านอนหลับคาแท็งค์เยียวยา เพื่อรักษาแผลกรดกัดโดยน้ำย่อยซาลักก์ อย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดอาการบาดเจ็บเรื้อรังก็หายขาด ผิวหนังกลับมาตึงเปล่งปลั่ง
อีกทั้งยังจ้างคราซซานทาน ผู้กำลังหลงทางชีวิต, มาเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผู้ติดตามไดเมียว
โบบ้าเรียกประชุม 3 ขั้วอำนาจท้องถิ่นแห่งมอส เอสป้า
เขาร้องขอให้ทั้งสามขั้ว ส่งกำลังพลและอาวุธของตนลงสนาม
เพื่อร่วมทำสงครามกับแก๊งไพค์ ที่ใกล้อุบัติ
พวกนั้นปฏิเสธ, แต่ก็ยอมรับเงื่อนไขรองลงมา อย่างการ "วางเฉย" ไม่ลอบกัดไดเมียวทีหลัง
-
-
-
[วิจารณ์] มาถึงกลางซีรีส์จึงเจอช่วงย้อนอดีต ที่อยากดูหน่อย
เพราะมันบรรจบ กับเนื้อหาของเฟนเนกกับโบบ้า ใน The Mandalorian แล้ว
แต่แอบขัดใจที่พอจะต้องการขึ้นมา ก็จบละ, แถมฉากบู๊ในอารามไม่ยักโดนเท่าไหร่
โอเคนะว่ามันต้องมี ชั่วเวลาที่ฉากบู๊ตอนกลางคืนเยอะบ้าง ตามท้องเรื่อง (และเพื่อประหยัดงบทำซีจี)
แต่ตอน 4 อันควรเป็นไคลแม็กซ์ครึ่งเรื่อง กลับมาพร้อมฉากยิงสนั่นที่ทั้งมองไม่ค่อยชัด
แถมยังอวยตัวละครหลักมากเกินเหตุ (พวกยามของบิ๊บไม่ควรยิงมั่ว จนดูเหมือนอวตารของเหล่าสตอร์มทรูเปอร์ ซะขนาดนั้น)
จนสัมผัสไม่เจอความลุ้น ผิดกับสามตอนก่อน... ส่วนตัวมองว่าดีไซน์ฉากแอ็คชั่นนี้ ได้ไม่ดีเท่าที่ควร
แต่พอขโมยเครื่องพ่นไฟเสร็จ คือยอด (ชะรอยทั้งความทุ่มเทกับงบประจำตอน จะกองรวมกันอยู่แถวเนี้ย)
ทั้งอารมณ์ตอนไล่ยิงแก๊งนักซิ่ง กับทิ้งลูกระเบิดดิ่งใส่มอนสเตอร์ คือเอ้อ! ภาพสวยแฮะ (สำหรับซีรีส์)
ด้านเนื้อหาย้อนอดีตก็ค่อนข้างชัด ว่าไม่มีอีกละใน 3 ตอนข้างหน้า
พอเอาเข้าจริงเสียดายนิด แต่คิดว่าดีแล้ว
เพราะหลังจากนี้เรื่องราว สามารถเดินเครื่องไปข้างหน้า ได้อย่างเต็มสูบ
-
-
[ปล.1] สมัยจอร์จ ลูคัส, ยานประจำตัวของโบบ้า เฟตต์ชื่อทาสหมายเลขหนึ่ง (สเลฟวัน/Slave I)
ที่โดนเปลี่ยน คงเพราะความหมายไม่สวยงาม
หรือขัดกับธีม 'โบบ้าอยากเป็นเจ้านายตัวเองสักที' ของ The Book of Boba Fett
-
[ปล.2] ข่าวลือ (ซึ่งไม่น่าผิด) แจ้งไว้นานแล้วว่า
เหล่าตัวละครจาก The Mandalorian หลายคน จะยกพลตามกันมาโผล่ทางนี้
ดังนั้นคงได้เห็นดิน จาร์ริน (& เดอะแก๊ง) ในตอนหน้า
หรือช้าสุดคือตอนที่ 6 ซึ่งเดฟ ฟิโลนี่ (ผู้ถนัดอะไรทำนองนี้) ร่วมเขียนบทกับฟาฟโร