[ความเดิม] โบบ้า เฟตต์ เคยประสบเหตุเฉียดตาย, แต่เพราะรอดได้โดยน้ำใจคนแปลกหน้า เขาจึงคิดว่าถึงเวลาเปลี่ยนวิถีชีวิต
ระหว่างโบบ้าที่เหลือตัวเปล่า เล็งหาลู่ทางชิงยานอวกาศของตัวเอง คืนจากแก๊งนักเลงบนดาวทาทูอิน
เขาเจอเฟนเนค แชน (ทหารรับจ้างหญิงชื่อดัง) ผู้บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย
จึงจ่ายเงินแก่ช่างผ่าตัด ให้ใส่เครื่องจักรลงร่างหญิงแปลกหน้า เพื่อกู้ชีพหล่อน
เขาขอให้เฟนเนก แชน, ตอบแทนโดยร่วมขโมยยานคืน
หลังงานจบก็ยื่นข้อเสนอจ้าง ในฐานะมือขวาของว่าที่เจ้าพ่อโบบ้า
เฟนเนกเลยสวามิภักดิ์ต่อโบบ้า และติดตามเขาสู่ทุกแห่งหน
เป้าหมายถัดไปของทั้งสอง, คือตามหาชุดเกราะนักสู้ศาสนาแมนดาลอร์ อันเคยเป็นของโบบ้า
พวกเขาเจอเกราะ อยู่กับแมนดาลอเรี่ยนอีกคน ที่ชื่อดิน จาร์ริน
ทว่าเพราะโบบ้ากับเฟนเนก ทวงเกราะผิดเวลา
"โกรกู" เด็กน้อยที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของจาริน เลยถูกกองทัพจักรวรรดิลักพาตัว
โบบ้าจึงอาสาสนับสนุน การทวงเด็กน้อยคืนจากกองทหารโฉด
-
เมื่อภารกิจดังกล่าวจบ, โบบ้าถึงได้สิทธิ์ครอบครองเหนือชุดสู้รบ คืนมาโดยสมบูรณ์
และพร้อมเริ่มต้นเส้นทางชีวิตใหม่ ตามที่ดำริ, คือยึดอำนาจเหนือบัลลังก์เก่า
ของไดเมียวผู้ล่วงลับ แห่งเมืองท่ามอส เอสป้า (จั๊บบ้า เดอะ ฮัตต์)
โบบ้าหาพรรคพวกเพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆ จนมีทั้งพวกม็อด (Mod) ที่เป็นมนุษย์ดัดแปลง (Modification)
วู้กกี้ดำจอมเถื่อนคราซซานทาน, คนหน้าหมูป่าองครักษ์เก่าของจั๊บบ้า และอสูรร้ายแรนคอร์ ภายใต้สังกัด
แต่แค่นี้ยังไม่พอสำหรับ รับมือศึกอันใกล้อุบัติกับ "ไพค์"
หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมซึ่งใหญ่สุด ของกาแล็คซี่, ที่กำลังจะเปิดสงคราม เพื่อยึดครองทาทูอิน
-
-
-
[สปอยล์] ดิน จาริน เดินอาดๆ สู่ภายในโรงแปรรูปเนื้อสัตว์, อันเป็นรังอสรพิษ ของหัวหน้าแก๊งอาชญากร
การล่าค่าหัวงวดนี้คือจับเป็นหรือตายก็ได้ แต่คงเพราะเป้าหมายเห็นพระเอกประจำตอน
โผล่มาคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ จึงสั่งลูกน้องจำนวนมากรุมสกรัม หวังว่าอั๊วรอด
แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ลิ่วล้อตัวประกอบใช้วิธีหมาหมู่, มีหรือผู้เป็นตัวเอกจะสิ้นลาย
แม้เขาพลาดพลั้ง เผลอทำ 'ไลท์เซเบอร์' สีดำ บาดขาตัวเองบ้าง
-
จารินเดินกะเผลกหิ้วถุงใส่หัวเป้าหมาย ไปเคลมสิ่งที่ต้องการจากผู้ว่าจ้าง
คือข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ซ่อนแห่งใหม่ ของแมนดาลอเรี่ยนผู้นับถือลัทธิหัวโบราณ
ซึ่งรอดตาย จากเหตุร้ายบนดาวเนอร์วาโร (The Mandalorian ซีซั่น 1)
เมื่อถึงจุดหมายคนดูจึงทราบว่า นอกจากจารินแล้ว
มีเพียงสตรีช่างตีเหล็ก กับนายตัวบักเอ้บชื่อพาซ วิซลา (Paz Vizsla)
ช่างตีเหล็กผู้รอบรู้ในวิถีแห่งลัทธิ รักษาบาดแผลบนขาจาริน
และเริ่มเปิดติวหลักสูตร ประวัติศาสตร์กระบี่ดำ (ดาร์คเซเบอร์) แบบเร่งรัดให้
อันไลท์เซเบอร์สีดำนั้นไซร้ คือสิ่งประดิษฐ์อายุเก่าแก่นับพันปี
ผลิตจากน้ำมือของทาร์ วิซลา (Tarre Vizsla) ผู้เคยควบทั้งตำแหน่งแมนดาลอเรี่ยน และเจได
แถมพิชิตชัยหลายต่อหลายศึก จนได้เป็นเจ้าเหนือหัวประจำดาวแมนดาลอร์
ดาร์คเซเบอร์เลยมีสภาพดุจของขลัง คือสัญลักษณ์แห่งผู้นำและความเป็นหนึ่งของแมนดาลอเรี่ยน
รวมทั้งมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกะมันว่า, หากเกิดการแย่งชิงไปถือ หรือได้ครองอย่างผิดลู่ผิดทาง (ไม่ผ่านการประลอง)
ความพินาศอลังการ จะมาเยือนชาวแมนดาลอร์
ก่อนหน้าเคยเกิด กรณีแย่งชิงดังว่า (ในอนิเมชั่นซีรีส์ The Clone Wars)
แถมโบ-คาธาน ครีซ/สตรีจากตระกูลใหญ่นึง ซึ่งควรเป็นความหวังสุดท้าย
สำหรับการทวงคืนความรุ่งโรจน์จากจักรวรรดิ, ยังได้มันในฐานะของกำนัล
ฉะนั้นอาเพศจึงอุบัติตามพยากรณ์, ดาวของศาสนาที่อยู่มานับหมื่นปี
ถูกจักรวรรดิที่อายุแค่ราว 30 ปี ดำเนินการส่งทหารลงฆ่าล้างบาง, ภายใต้คำสั่งของชายชื่อมอฟฟ์ กิเดียน
ช่างตีเหล็กแจ้งว่า จารินชนะกิเดียนได้ดาร์คเซเบอร์มา จึงสมควรใช้มัน
จากนั้นก็เปิดคอร์ส สอนวิธีใช้กระบี่แสง, ชี้แจงว่าจงให้ดาบนำทาง อย่าพยายามสั่งมัน
ทว่าการร่ายรำกระบี่ของจาริน มิราบรื่นเท่าไหร่
ทายาทผู้ประดิษฐ์ดาร์คเซเบอร์อย่าง พาซ วิซลา (ผู้ดูอยู่ห่าง ๆ และฟังเรื่องราวเช่นกัน)
จึงเห็นแล้วขัดลูกตา ขอท้าดวลกับสหาย เพื่อแย่งสิทธิ์เหนือวัตถุขลัง
-
จารินชนะ แต่เมื่อช่างตีเหล็ก, ไต่ถามว่า
เจ้าเคยถอดหมวก ต่อหน้าผู้อื่น (นอกศาสนาเรา) มั้ย ? ตามธรรมเนียม
เพื่อยืนยันความชอบธรรม ในการถือดาบดำให้ชัวร์
จารินไม่อาจโกหกต่อศรัทธา และยอมรับว่า เคยฝ่าฝืนข้อห้าม (เฉพาะของลัทธิตน)
ช่างตีเหล็กริบสถานะ 'แมนดาลอเรี่ยน' จากจาริน และยืนกรานว่าหากต้องการไถ่บาป
เขาต้องใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ จากเหมืองบนดาวแมนดาลอร์ ที่ถูกพวกจักรวรรดิทำลายไปแล้วเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หล่อนยอมทำธุระให้จารินประการนึง
นั่นคือหลอมศัสตราเทพอีกชิ้น ซึ่งพระเอกประจำตอนได้มาเมื่อคราว The Mandalorian ซีซั่น 2
เปลี่ยนเป็นของขวัญ ที่เขาตั้งใจจะมอบแก่ "โกรกู" เมื่อเจอกันอีก
จารินนั่งยานโดยสารของพลเรือน ไปเยือนเมืองมอส ไอส์ลีย์บนทาทูอิน
เพื่อรับยานประจำตัวลำใหม่ ที่ช่างเครื่องหญิงคนรู้จักอย่าง 'เพลิ มอตโต' สัญญาว่าจะขายให้
แต่การณ์ปรากฏว่าสินค้าที่สัญญา ยังเป็นเพียงเศษซากของยานจู่โจมรุ่นเอ็นวัน (N-1 starfighter) อยู่
จารินจึงต้องช่วยเพลิ มอตโต, ซ่อมแซม & ปรับแต่งขนานหนัก
-
หลังหมกมุ่น & ผลาญเวลากับมัน นานเท่าไรไม่ทราบ
ยานผลิตเพื่อกลุ่มองครักษ์ ของกษัตริย์ดาวนาบู, ก็คืนชีพ
จารินนำเครื่องขึ้นบินทดสอบ และผลลัพธ์ช่างน่าพอใจ
พอเอายานลำใหม่กลับเข้าอู่, จู่ ๆ ป้าหัวฟู (มอตโต) ก็บอกว่าคนรู้จักเอ็งมาหา
เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก 'เฟนเนก แชน' ผู้เสนอเงินรางวัลตอบแทน หากช่วยโบบ้าทำสงครามกับไพค์
จารินยอมทำให้ฟรีๆ เพราะโบบ้าเคยช่วยเรื่องโกรกู แม้ไม่จำเป็น
เพียงแต่ขอเวลาเขา ไปเคลียร์ธุระตนก่อน, นั่นคือเยี่ยมเยือนเด็กน้อยคราสุดท้าย
เพื่อยืนยันให้ชัวร์ว่า เค้าจะปลอดภัยดีในสภาพแวดล้อมใหม่
-
-
-
[วิจารณ์] แม้ทราบข่าวล่วงหน้า ว่าเฮียจารินมาแหง
แต่เล่นเปลี่ยนเนื้อหาซีรีส์โบบ้าทั้งตอน ให้กลายเป็นอีกช่วงเวลาของ The Mandalorian นี่คาดไม่ถึง
และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ดันมาขยายความเรื่องดาร์คเซเบอร์กับชาวแมนดาลอร์ แบบเป็นเรื่องเป็นราวเอาตรงนี้
แทนที่จะใส่แถว The Mandalorian ซีซั่น 3 (สงสัยกะจูงใจผู้ชม ซึ่งประสงค์จะดูแต่ซีรีส์แมนโด้ ให้ลองชิมเรื่องนี้ด้วยมั้ง)
สำหรับผู้ติดตาม The Book of Boba Fett เพราะเคยดูซีรีส์แมนโด้ คงรู้สึกปีติแหละ
แต่การทำแบบนี้ส่งผลให้คัมภีร์แห่งโบบ้า เฟตต์, พ้นสภาพซีรีส์ที่เป็น 'เอกเทศ'
ชนิดคนเคยดูแค่หนังภาค Return of the Jedi มารับชม ก็ยังรู้เรื่อง
เข้าสู่สถานะเนื้อหาเสริม ที่ควรยลคอนเทนท์ Star Wars อื่นมาก่อน อย่างยิ่ง
มันจะเป็นเรื่องดีหรือไม่... คงแล้วแต่มุมมองของปัจเจกบุคคลไปกระมัง ?
อย่างไรก็ตาม เพราะเปลี่ยนพระเอก (ชั่วคราว) จึงได้เปลี่ยนบรรยากาศ, รสชาติเนื้อหาของซีรีส์หลากหลายขึ้น
อารมณ์ในตอนนี้ยังค่อนข้างหลากรส คือมีทั้งความโหด (ในฉากบู๊), ฮา (มุกตลก) และตระการตา (ฉากบินทดสอบยานใหม่)
-
-
[ปล.1] ในคอนเทนท์อื่นของ Star Wars ยุคดิสนีย์ มีระบุไว้ชัดเจนว่าไลท์เซเบอร์ดึงพลัง (The Force) ไปใช้ขึ้นรูปใบดาบ
ฉะนั้นกรณีจารินใช้ไม่คล่อง คงเพราะเขาโดนสูบพลังผ่านร่างโดยไม่รู้ตัว และพยายามฝืนมัน
แทนที่จะปล่อยให้กระแสพลังงานธรรมชาติไหลผ่าน แล้วกำหนดทิศทางโดยสัญชาตญาณ
[ปล.2] ยาน N-1 ปกติใช้นักบินคนเดียว แต่ดูแล้วฉบับดัดแปลง
มี 'ที่นั่งเสริม' ซึ่งเพลิ มอตโตถือวิสาสะใส่เข้ามาแทน ช่องบรรจุหุ่นยนต์สนับสนุนการรบ
นี่มันคือการปูทางว่าใครบางคน จะได้กลับมาโดยสารยานอวกาศไปไหนต่อไหน กับนายแมนโด้ใช่หรือไม่ ?
-
[ปล.3] ขอเดาว่า ของขวัญอำลาโกรกู คงเป็นแร่เบสคาร์
ที่ขึ้นรูปให้เหมือน 'กระปุกเกียร์' เรเซอร์เครสท์ (ยานเก่าจาริน) ซึ่งเด็กน้อยเคยถอดไปเล่นบ่อย ๆ
[Spoil+Review] The Book of Boba Fett Ep.5 >>เจ้าเคยถอดหมวก ต่อหน้าผู้อื่นมั้ย ?
ระหว่างโบบ้าที่เหลือตัวเปล่า เล็งหาลู่ทางชิงยานอวกาศของตัวเอง คืนจากแก๊งนักเลงบนดาวทาทูอิน
เขาเจอเฟนเนค แชน (ทหารรับจ้างหญิงชื่อดัง) ผู้บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย
จึงจ่ายเงินแก่ช่างผ่าตัด ให้ใส่เครื่องจักรลงร่างหญิงแปลกหน้า เพื่อกู้ชีพหล่อน
เขาขอให้เฟนเนก แชน, ตอบแทนโดยร่วมขโมยยานคืน
หลังงานจบก็ยื่นข้อเสนอจ้าง ในฐานะมือขวาของว่าที่เจ้าพ่อโบบ้า
เฟนเนกเลยสวามิภักดิ์ต่อโบบ้า และติดตามเขาสู่ทุกแห่งหน
เป้าหมายถัดไปของทั้งสอง, คือตามหาชุดเกราะนักสู้ศาสนาแมนดาลอร์ อันเคยเป็นของโบบ้า
พวกเขาเจอเกราะ อยู่กับแมนดาลอเรี่ยนอีกคน ที่ชื่อดิน จาร์ริน
ทว่าเพราะโบบ้ากับเฟนเนก ทวงเกราะผิดเวลา
"โกรกู" เด็กน้อยที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของจาริน เลยถูกกองทัพจักรวรรดิลักพาตัว
โบบ้าจึงอาสาสนับสนุน การทวงเด็กน้อยคืนจากกองทหารโฉด
เมื่อภารกิจดังกล่าวจบ, โบบ้าถึงได้สิทธิ์ครอบครองเหนือชุดสู้รบ คืนมาโดยสมบูรณ์
และพร้อมเริ่มต้นเส้นทางชีวิตใหม่ ตามที่ดำริ, คือยึดอำนาจเหนือบัลลังก์เก่า
ของไดเมียวผู้ล่วงลับ แห่งเมืองท่ามอส เอสป้า (จั๊บบ้า เดอะ ฮัตต์)
โบบ้าหาพรรคพวกเพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆ จนมีทั้งพวกม็อด (Mod) ที่เป็นมนุษย์ดัดแปลง (Modification)
วู้กกี้ดำจอมเถื่อนคราซซานทาน, คนหน้าหมูป่าองครักษ์เก่าของจั๊บบ้า และอสูรร้ายแรนคอร์ ภายใต้สังกัด
แต่แค่นี้ยังไม่พอสำหรับ รับมือศึกอันใกล้อุบัติกับ "ไพค์"
หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมซึ่งใหญ่สุด ของกาแล็คซี่, ที่กำลังจะเปิดสงคราม เพื่อยึดครองทาทูอิน
-
-
-
[สปอยล์] ดิน จาริน เดินอาดๆ สู่ภายในโรงแปรรูปเนื้อสัตว์, อันเป็นรังอสรพิษ ของหัวหน้าแก๊งอาชญากร
การล่าค่าหัวงวดนี้คือจับเป็นหรือตายก็ได้ แต่คงเพราะเป้าหมายเห็นพระเอกประจำตอน
โผล่มาคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ จึงสั่งลูกน้องจำนวนมากรุมสกรัม หวังว่าอั๊วรอด
แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ลิ่วล้อตัวประกอบใช้วิธีหมาหมู่, มีหรือผู้เป็นตัวเอกจะสิ้นลาย
แม้เขาพลาดพลั้ง เผลอทำ 'ไลท์เซเบอร์' สีดำ บาดขาตัวเองบ้าง
-
จารินเดินกะเผลกหิ้วถุงใส่หัวเป้าหมาย ไปเคลมสิ่งที่ต้องการจากผู้ว่าจ้าง
คือข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ซ่อนแห่งใหม่ ของแมนดาลอเรี่ยนผู้นับถือลัทธิหัวโบราณ
ซึ่งรอดตาย จากเหตุร้ายบนดาวเนอร์วาโร (The Mandalorian ซีซั่น 1)
เมื่อถึงจุดหมายคนดูจึงทราบว่า นอกจากจารินแล้ว
มีเพียงสตรีช่างตีเหล็ก กับนายตัวบักเอ้บชื่อพาซ วิซลา (Paz Vizsla)
ช่างตีเหล็กผู้รอบรู้ในวิถีแห่งลัทธิ รักษาบาดแผลบนขาจาริน
และเริ่มเปิดติวหลักสูตร ประวัติศาสตร์กระบี่ดำ (ดาร์คเซเบอร์) แบบเร่งรัดให้
อันไลท์เซเบอร์สีดำนั้นไซร้ คือสิ่งประดิษฐ์อายุเก่าแก่นับพันปี
ผลิตจากน้ำมือของทาร์ วิซลา (Tarre Vizsla) ผู้เคยควบทั้งตำแหน่งแมนดาลอเรี่ยน และเจได
แถมพิชิตชัยหลายต่อหลายศึก จนได้เป็นเจ้าเหนือหัวประจำดาวแมนดาลอร์
ดาร์คเซเบอร์เลยมีสภาพดุจของขลัง คือสัญลักษณ์แห่งผู้นำและความเป็นหนึ่งของแมนดาลอเรี่ยน
รวมทั้งมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกะมันว่า, หากเกิดการแย่งชิงไปถือ หรือได้ครองอย่างผิดลู่ผิดทาง (ไม่ผ่านการประลอง)
ความพินาศอลังการ จะมาเยือนชาวแมนดาลอร์
ก่อนหน้าเคยเกิด กรณีแย่งชิงดังว่า (ในอนิเมชั่นซีรีส์ The Clone Wars)
แถมโบ-คาธาน ครีซ/สตรีจากตระกูลใหญ่นึง ซึ่งควรเป็นความหวังสุดท้าย
สำหรับการทวงคืนความรุ่งโรจน์จากจักรวรรดิ, ยังได้มันในฐานะของกำนัล
ฉะนั้นอาเพศจึงอุบัติตามพยากรณ์, ดาวของศาสนาที่อยู่มานับหมื่นปี
ถูกจักรวรรดิที่อายุแค่ราว 30 ปี ดำเนินการส่งทหารลงฆ่าล้างบาง, ภายใต้คำสั่งของชายชื่อมอฟฟ์ กิเดียน
ช่างตีเหล็กแจ้งว่า จารินชนะกิเดียนได้ดาร์คเซเบอร์มา จึงสมควรใช้มัน
จากนั้นก็เปิดคอร์ส สอนวิธีใช้กระบี่แสง, ชี้แจงว่าจงให้ดาบนำทาง อย่าพยายามสั่งมัน
ทว่าการร่ายรำกระบี่ของจาริน มิราบรื่นเท่าไหร่
ทายาทผู้ประดิษฐ์ดาร์คเซเบอร์อย่าง พาซ วิซลา (ผู้ดูอยู่ห่าง ๆ และฟังเรื่องราวเช่นกัน)
จึงเห็นแล้วขัดลูกตา ขอท้าดวลกับสหาย เพื่อแย่งสิทธิ์เหนือวัตถุขลัง
-
จารินชนะ แต่เมื่อช่างตีเหล็ก, ไต่ถามว่า
เจ้าเคยถอดหมวก ต่อหน้าผู้อื่น (นอกศาสนาเรา) มั้ย ? ตามธรรมเนียม
เพื่อยืนยันความชอบธรรม ในการถือดาบดำให้ชัวร์
จารินไม่อาจโกหกต่อศรัทธา และยอมรับว่า เคยฝ่าฝืนข้อห้าม (เฉพาะของลัทธิตน)
ช่างตีเหล็กริบสถานะ 'แมนดาลอเรี่ยน' จากจาริน และยืนกรานว่าหากต้องการไถ่บาป
เขาต้องใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ จากเหมืองบนดาวแมนดาลอร์ ที่ถูกพวกจักรวรรดิทำลายไปแล้วเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หล่อนยอมทำธุระให้จารินประการนึง
นั่นคือหลอมศัสตราเทพอีกชิ้น ซึ่งพระเอกประจำตอนได้มาเมื่อคราว The Mandalorian ซีซั่น 2
เปลี่ยนเป็นของขวัญ ที่เขาตั้งใจจะมอบแก่ "โกรกู" เมื่อเจอกันอีก
จารินนั่งยานโดยสารของพลเรือน ไปเยือนเมืองมอส ไอส์ลีย์บนทาทูอิน
เพื่อรับยานประจำตัวลำใหม่ ที่ช่างเครื่องหญิงคนรู้จักอย่าง 'เพลิ มอตโต' สัญญาว่าจะขายให้
แต่การณ์ปรากฏว่าสินค้าที่สัญญา ยังเป็นเพียงเศษซากของยานจู่โจมรุ่นเอ็นวัน (N-1 starfighter) อยู่
จารินจึงต้องช่วยเพลิ มอตโต, ซ่อมแซม & ปรับแต่งขนานหนัก
-
หลังหมกมุ่น & ผลาญเวลากับมัน นานเท่าไรไม่ทราบ
ยานผลิตเพื่อกลุ่มองครักษ์ ของกษัตริย์ดาวนาบู, ก็คืนชีพ
จารินนำเครื่องขึ้นบินทดสอบ และผลลัพธ์ช่างน่าพอใจ
พอเอายานลำใหม่กลับเข้าอู่, จู่ ๆ ป้าหัวฟู (มอตโต) ก็บอกว่าคนรู้จักเอ็งมาหา
เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก 'เฟนเนก แชน' ผู้เสนอเงินรางวัลตอบแทน หากช่วยโบบ้าทำสงครามกับไพค์
จารินยอมทำให้ฟรีๆ เพราะโบบ้าเคยช่วยเรื่องโกรกู แม้ไม่จำเป็น
เพียงแต่ขอเวลาเขา ไปเคลียร์ธุระตนก่อน, นั่นคือเยี่ยมเยือนเด็กน้อยคราสุดท้าย
เพื่อยืนยันให้ชัวร์ว่า เค้าจะปลอดภัยดีในสภาพแวดล้อมใหม่
-
-
-
[วิจารณ์] แม้ทราบข่าวล่วงหน้า ว่าเฮียจารินมาแหง
แต่เล่นเปลี่ยนเนื้อหาซีรีส์โบบ้าทั้งตอน ให้กลายเป็นอีกช่วงเวลาของ The Mandalorian นี่คาดไม่ถึง
และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ดันมาขยายความเรื่องดาร์คเซเบอร์กับชาวแมนดาลอร์ แบบเป็นเรื่องเป็นราวเอาตรงนี้
แทนที่จะใส่แถว The Mandalorian ซีซั่น 3 (สงสัยกะจูงใจผู้ชม ซึ่งประสงค์จะดูแต่ซีรีส์แมนโด้ ให้ลองชิมเรื่องนี้ด้วยมั้ง)
สำหรับผู้ติดตาม The Book of Boba Fett เพราะเคยดูซีรีส์แมนโด้ คงรู้สึกปีติแหละ
แต่การทำแบบนี้ส่งผลให้คัมภีร์แห่งโบบ้า เฟตต์, พ้นสภาพซีรีส์ที่เป็น 'เอกเทศ'
ชนิดคนเคยดูแค่หนังภาค Return of the Jedi มารับชม ก็ยังรู้เรื่อง
เข้าสู่สถานะเนื้อหาเสริม ที่ควรยลคอนเทนท์ Star Wars อื่นมาก่อน อย่างยิ่ง
มันจะเป็นเรื่องดีหรือไม่... คงแล้วแต่มุมมองของปัจเจกบุคคลไปกระมัง ?
อย่างไรก็ตาม เพราะเปลี่ยนพระเอก (ชั่วคราว) จึงได้เปลี่ยนบรรยากาศ, รสชาติเนื้อหาของซีรีส์หลากหลายขึ้น
อารมณ์ในตอนนี้ยังค่อนข้างหลากรส คือมีทั้งความโหด (ในฉากบู๊), ฮา (มุกตลก) และตระการตา (ฉากบินทดสอบยานใหม่)
-
-
[ปล.1] ในคอนเทนท์อื่นของ Star Wars ยุคดิสนีย์ มีระบุไว้ชัดเจนว่าไลท์เซเบอร์ดึงพลัง (The Force) ไปใช้ขึ้นรูปใบดาบ
ฉะนั้นกรณีจารินใช้ไม่คล่อง คงเพราะเขาโดนสูบพลังผ่านร่างโดยไม่รู้ตัว และพยายามฝืนมัน
แทนที่จะปล่อยให้กระแสพลังงานธรรมชาติไหลผ่าน แล้วกำหนดทิศทางโดยสัญชาตญาณ
[ปล.2] ยาน N-1 ปกติใช้นักบินคนเดียว แต่ดูแล้วฉบับดัดแปลง
มี 'ที่นั่งเสริม' ซึ่งเพลิ มอตโตถือวิสาสะใส่เข้ามาแทน ช่องบรรจุหุ่นยนต์สนับสนุนการรบ
นี่มันคือการปูทางว่าใครบางคน จะได้กลับมาโดยสารยานอวกาศไปไหนต่อไหน กับนายแมนโด้ใช่หรือไม่ ?
-
[ปล.3] ขอเดาว่า ของขวัญอำลาโกรกู คงเป็นแร่เบสคาร์
ที่ขึ้นรูปให้เหมือน 'กระปุกเกียร์' เรเซอร์เครสท์ (ยานเก่าจาริน) ซึ่งเด็กน้อยเคยถอดไปเล่นบ่อย ๆ