ผมเคยฟ้องนายจ้างครับ ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยมาจนถึง วันนัดพิจารณา ปรากฏว่าวันนัดพิจารณาไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น ท่านบอกให้โจทย์(ผม)ควรถอนเรื่องออกไปโดยดีเพราะ ถ้าอีกฝ่ายเขาจะเอาเรื่องคดีอาญา (อีกฝ่ายว่าผมทุจริตจึงเลิกจ้างได้โดยไม่มีความผิด )ผมแจ้งว่ายินดีพิสูจน์ครับ ท่านพยายามให้ผมถอนเรื่องฟรีๆให้ได้ทั้งคำพูดสารพัด เช่น เธอมีหลักฐานอะไร เธอมีอะไรไปสู้เขา ซึ่งตลอดเวลาท่านพูดคุยกับฝั่งผมอย่างเดียวฝ่ายนายจ้างไม่ต้องพูดเลย ฝ่ายนายจ้างมีทนายแต่ทนายไม่ต้องพูด พอผมไม่ยอมแน่ๆ ท่านจึงกล่าวว่า อยากได้เงินเหรอ เอาเดือนนึงไหมจะคุยให้ เธอมีสิทธิได้เดือนเดียว ผมจึงชี้แจงว่า คดีนับแต่วันฟ้องเลื่อนโควิดมาสองครั้งรวมปีกว่า ถ้าท่านจะไกล่เกลี่ย ผมขอสามเดือนครับ (ชั้นไกล่เกลี่ยเดือนเดียวไม่ให้ ชั้นกำหนดประเด็นศาลอีกชุดเจรจาสองเดือนนายจ้างไม่จ่าย) ท่านตอบมาว่า โอ้ยขอเยอะไปเธอมีสิทธิได้เดือนเดียว ตอนนี้ทุกบริษัทเขาลำบากหมดขออะไรเยอะแยะ เอาไปเดือนเดียวนั่นแหละ ผมจึงไม่ยอมถอนครับ สาเหตุ เงินเดือนผมหลักหมื่นต้นๆเอง ผมรอความยุติธรรมมาปีกว่า สุดท้ายไม่ยอมจริงๆ ท่านเลยบอกงั้นอย่าตกใจคำพิพากษานะ ให้อุทธรณ์เอา แล้วถ้ามีคดีอาญาตามมาก็ตามนั้นนะ นอกจากนี้ท่านยังกล่าวว่าชนะแล้วได้อะไร กระดาษแผ่นเดียว วันนัดพิจารณาคือเดือนตุลา แล้วท่านก็ให้ส่งคำเบิกความแทนการซักถามพยาน ผมเห็นไม่สืบพยานจึงขอแถลงปิดคดีเป็นหนังสือ ท่านก็หันมาถามใครสอนเธอ แล้วก็ให้เวลา 7 วัน(ท่านไม่คอยพอใจ) จากเหตุการณ์วันนั้น ผมรู้สึกแปลกๆ คู่กรณีผมเป็นบริษัทระดับประเทศและสนับสนุนการเมืองชัดเจนตามข่าว ผมก็เสริชพันทิป เสริช จนไปเจอเวปของ กต.(คณะกรรมการข้าราชการตุลาการ)เขาเปิดให้ร้องเรียน ด้วยความที่ตอนนั้นผมก็ไม่พอใจที่เจอแบบนั้นก็เลยกดส่งข้อความร้องเรียนแบบชื่อ นามสกุลเลขคดีครบถ้วนครับ
ต่อมา หลังจากนัดพิจารณาแล้ว 1 เดือน ก็ได้มีคำพิพากษาออกมาตรงตามที่ท่าน กล่าวไว้ทุกประการ เช่น ในคำพิพากษามีคำว่าโจทย์ทุจริต โดยแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ควรชอบด้วยกฏหมายเพื่อตน และแพ้ทุกข้อ ซึ่งผมก็ได้ยื่นอุธรณ์ไป แต่ก็ยากครับชั้นอุธรณ์ ใช้แต่ข้อกฏหมายไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริง
ต่อมา อีก สามเดือนนับแต่ร้องเรียนไป วันนี้ นิติกรศาลได้โทรมา และ อธิบดีศาลท่านทำหนังสือเชิญ ไปให้ถ้อยคำเรื่องที่ผมร้องเรียนไว้ สอบถามผู้รู้หลายท่านก็หวั่นใจ
เช่นไม่ชนะหรอก สู้ยาก โดนฟ้องกลับหมิ่นประมาทแน่ ใช้เส้นสายกับตำรวจจะลำบาก และคดีนี้ไม่มีพยานอื่นใด ผมไม่เชื่อหน้าบันลังค์จะให้การตรงไปตรงมา และที่สำคัญ ห้องพิจารณานี้ไม่มีกล้องวงจรปิด ผมจึงอยากขอความรู้ความเห็นครับว่า
1.ผมควรเดินหน้าเพื่อไม่ใช่เกิดกับคนอื่นอีกซึ่งศาลนี้ ฐานะโจทย์กับจำเลยนั้นต่างกันมาก แต่ผมก็กลัวการช่วยกันเองเพราะท่านด้วยกันสอบสวน และกลัวโดนกฏหมายปิดปากฟ้องหรือแจ้งความกลับฐานหมิ่นประมาท
2.หยุด แบบแกล้งทำไม่รู้เรื่อง หรือแจ้งโดยชัดแจ้งว่าไม่ร้องเรียนแล้วดีไหมครับ เนื่องจากสู้ไปก็แพ้ ฐานะความรู้ต่างกันมาก
3.ใครมีประสบการณ์เรื่องนี้รบกวนแชร์หน่อยครับเป็นวิทยาทาน
ขอบคุณครับ
สอบถามเรื่องเรียนท่านครับ..ควรไปต่อหรือควรสำนึกว่าสู้ไม่ได้หรอกอย่าสู้
ต่อมา หลังจากนัดพิจารณาแล้ว 1 เดือน ก็ได้มีคำพิพากษาออกมาตรงตามที่ท่าน กล่าวไว้ทุกประการ เช่น ในคำพิพากษามีคำว่าโจทย์ทุจริต โดยแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ควรชอบด้วยกฏหมายเพื่อตน และแพ้ทุกข้อ ซึ่งผมก็ได้ยื่นอุธรณ์ไป แต่ก็ยากครับชั้นอุธรณ์ ใช้แต่ข้อกฏหมายไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริง
ต่อมา อีก สามเดือนนับแต่ร้องเรียนไป วันนี้ นิติกรศาลได้โทรมา และ อธิบดีศาลท่านทำหนังสือเชิญ ไปให้ถ้อยคำเรื่องที่ผมร้องเรียนไว้ สอบถามผู้รู้หลายท่านก็หวั่นใจ
เช่นไม่ชนะหรอก สู้ยาก โดนฟ้องกลับหมิ่นประมาทแน่ ใช้เส้นสายกับตำรวจจะลำบาก และคดีนี้ไม่มีพยานอื่นใด ผมไม่เชื่อหน้าบันลังค์จะให้การตรงไปตรงมา และที่สำคัญ ห้องพิจารณานี้ไม่มีกล้องวงจรปิด ผมจึงอยากขอความรู้ความเห็นครับว่า
1.ผมควรเดินหน้าเพื่อไม่ใช่เกิดกับคนอื่นอีกซึ่งศาลนี้ ฐานะโจทย์กับจำเลยนั้นต่างกันมาก แต่ผมก็กลัวการช่วยกันเองเพราะท่านด้วยกันสอบสวน และกลัวโดนกฏหมายปิดปากฟ้องหรือแจ้งความกลับฐานหมิ่นประมาท
2.หยุด แบบแกล้งทำไม่รู้เรื่อง หรือแจ้งโดยชัดแจ้งว่าไม่ร้องเรียนแล้วดีไหมครับ เนื่องจากสู้ไปก็แพ้ ฐานะความรู้ต่างกันมาก
3.ใครมีประสบการณ์เรื่องนี้รบกวนแชร์หน่อยครับเป็นวิทยาทาน
ขอบคุณครับ