สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
พูดถึงอุดมคติก่อน
สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าต้อง activate หรือไม่ ประเด็นสำคัญมันคือคนใช้บัตรไม่ใช่เจ้าของบัตร ร้านค้าไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้หากไม่สามารถ
พิสูจน์ได้ว่าบัตรที่จ่ายนั้นเป็นเจ้าของบัตรใช้เองจริงๆ ลายเซ็น หรือ OTP ที่ผ่านเบอร์เจ้าของบัตร เป็นสิ่งต้องมี ที่ไม่มีคือการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า
และร้านค้ารับความเสี่ยงนี้ไว้เอง หากเกิดปัญหาธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายได้ทุกกรณี ซึ่งตรงนี้ธนาคารต้อง protect ผู้ถือบัตร
ในความเป็นจริงการใช้บัตรเครดิตในประเทศไทย
ธนาคารผู้ออกบัตรไม่ protect ผู้ถือบัตรได้เท่าที่ควร ระบบก็ไม่เอื้อให้แบบระดับสากลเขา ชอบผลักภาระให้ผู้ถือบัตรในการวิ่งปฏิเสธยอดเอง
แม้ว่าจะเอาระบบหลายๆอย่างของสากลมาใช้ เช่น ร้านค้าออนไลน์ที่ไม่ต้องผ่าน OTP ที่ต้องรับผิดชอบก็ดันไม่รับผิดชอบ
เคส จขกท. บัตรพร้อมใช้แต่ส่งไปให้คนที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรเซ็นรับ และถูกใช้โดยคนที่ไม่ใช้เจ้าของบัตร ไม่มีตรงไหนเลยที่เจ้าของบัตรจะปฏิเสธยอดนี้ไม่ได้ครับ เห็นด้วยว่าไม่ควรยอมจ่ายไปง่ายๆ มีหลายความเห็นแนะนำแล้วตามนั้นแหละ แต่ถ้าคุณไม่ไฟท์สิทธิ์ตัวเองซะแล้วก็ช่วยไม่ได้ครับ
ไม่อยากเบลมแบบนี้นะแต่อยู่ประเทศนี้มันเหนื่อยหน่อยแหละ
สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าต้อง activate หรือไม่ ประเด็นสำคัญมันคือคนใช้บัตรไม่ใช่เจ้าของบัตร ร้านค้าไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้หากไม่สามารถ
พิสูจน์ได้ว่าบัตรที่จ่ายนั้นเป็นเจ้าของบัตรใช้เองจริงๆ ลายเซ็น หรือ OTP ที่ผ่านเบอร์เจ้าของบัตร เป็นสิ่งต้องมี ที่ไม่มีคือการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า
และร้านค้ารับความเสี่ยงนี้ไว้เอง หากเกิดปัญหาธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายได้ทุกกรณี ซึ่งตรงนี้ธนาคารต้อง protect ผู้ถือบัตร
ในความเป็นจริงการใช้บัตรเครดิตในประเทศไทย
ธนาคารผู้ออกบัตรไม่ protect ผู้ถือบัตรได้เท่าที่ควร ระบบก็ไม่เอื้อให้แบบระดับสากลเขา ชอบผลักภาระให้ผู้ถือบัตรในการวิ่งปฏิเสธยอดเอง
แม้ว่าจะเอาระบบหลายๆอย่างของสากลมาใช้ เช่น ร้านค้าออนไลน์ที่ไม่ต้องผ่าน OTP ที่ต้องรับผิดชอบก็ดันไม่รับผิดชอบ
เคส จขกท. บัตรพร้อมใช้แต่ส่งไปให้คนที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรเซ็นรับ และถูกใช้โดยคนที่ไม่ใช้เจ้าของบัตร ไม่มีตรงไหนเลยที่เจ้าของบัตรจะปฏิเสธยอดนี้ไม่ได้ครับ เห็นด้วยว่าไม่ควรยอมจ่ายไปง่ายๆ มีหลายความเห็นแนะนำแล้วตามนั้นแหละ แต่ถ้าคุณไม่ไฟท์สิทธิ์ตัวเองซะแล้วก็ช่วยไม่ได้ครับ
ไม่อยากเบลมแบบนี้นะแต่อยู่ประเทศนี้มันเหนื่อยหน่อยแหละ
แสดงความคิดเห็น
บทเรียนสำหรับการถือบัตรเครดิต SCB กับการส่งบัตรใหม่ต่ออายุ
เรื่องมีอยู่ว่า
เราได้มีการทำบัตรเครดิต กับ ไทยพาณิชย์ ไว้เมื่อหลายปีก่อน น่าจะมากกว่า 5 ปี จำไม่ได้ว่าถูก sale ชักชวนหรือสมัครเองเพราะ promotion ก็จำไม่ได้ และก็ไม่ค่อยได้ใช้บัตรนี้เครดิตเท่าไร ยอดใช้จ่ายในบัตรเป็น 0 บาท ที่นี้เมื่อ 3 ปีก่อน ได้ย้ายที่อยู่ไหม่ ซึ่งเข้าใจว่าได้ใล่เปลี่ยนที่อยู่หมดอย่างรวมถึงทุกธนาคารแล้ว ซึ่ง SCB ก็เป็นธนาคารหนึ่งที่ใช้รับเงินเดือนและกองทุนเข้าบัญชี ซึ่งตัวเองก็เข้าใจว่าน่าจะเปลี่ยนแล้ว
สุดท้ายเกิดเรื่องจนได้ เมื่อถึงเวลาที่บัตรหมดอายุลง ธนาคารได้ส่งบัตรใหม่ไปที่อยู่เก่าโดยเราก็ไม่รู้ตัวว่าเขาส่งไปเมื่อไร (ซึ่งปัจจุบันบ้านนั้นเป็นบ้านเช่า) มารู้ตัวอีกทีคือมาสังเกตุข้อความจาก line ที่เคยผูกไว้มีข้อความแจ้งเตือนว่ามีการรูดใช้งานไปประมาณ 5-6 ยอด ซึ่งก็ถูกรูดใช้ไปหลายบาทอยู่ พอรู้ตัวก็รีบแจ้งอายัดซิจ๊ะ รออะไร พร้อมทั้งสอบถามว่าบัตรถูกใช้งานได้อย่างไร ทางธนาคารบอกว่าก็ได้ส่งบัตรถึงมือลูกค้าเรียบร้อยและมีการรูดใช้งานปกติ
เราก็อึ้งไปพักหนึ่ง นึกอยู่ในใจว่าปกติบัตรใหม่ถ้าถูกส่งมาให้เจ้าของต้องมีการเปิดบัตรหรือยืนยันตัวตนก่อนไม่ใช่เหรอ (เจ้าของกระทู้มีบัตรเครดิต 3 ธ ทุกธนาคารต้องยืนยันหมดกรณีส่งบัตรให้ไหม่ไม่ว่ากรณีไหน) แต่นี่สามารถรูดปรี๊ดๆ ใช้ได้เลยโดยใครก็ได้ ก็อยู่ที่ท่านบุรุษไปรษณีย์จะนำไปส่งถึง แล้วความปลอดภัยของเราอยู่ตรงไหนละที่นี้? ทางธนาคารได้แจ้งกลับมาว่าเป็น นโยบายอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เราก็อึ๊งไปอีกรอบ "ทำไมถึงเอาความสะดวกไปปนกับความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้ากันนะ" ซึ่งก็ได้แจ้งปฎิเสธรายการไปตามกระบวนการ
หลักจากแจ้งอายัดและปฎิเสธรายการทุกรายการ และโทรติดตามผ่าน call center กว่า 10 ครั้ง ในเวลา 4 เดือน ในระหว่างนั้นถูกทวงหนี้ทุก 2-3 วัน ต้องอธิบายซ้ำๆแบบเดิมทุกรอบ ว่าเป็นยอดที่ส่งแจ้งอายัดไว้ เรื่องซึ่งก็หยุดทวงไปพักก็กลับมาทวงอีก
สุดท้ายการการโทรติดตามสถานะได้ความว่า case นี้เป็นปัญหาของทางลูกค้าเอง ทางธนาคารได้ส่งบัตรให้ตามที่อยู่ที่ให้ไว้ ซึ่งหากมีการรับจากไปรษณีย์และนำไปใช้ก็อยู่ที่ความรับผิดชอบของลูกค้าเอง ซึ่งต้องไปดำเนินการเอง แจ้งความหรือติดตามเอง หรือจะไปร้องทุกข์ที่ไหนก็สุดแล้วแต่เรา ยอมรับเลยว่าโกรธ กับการทำกับเราแบบนี้ ซึ่งไม่ต่างกับการที่ ธนาคารเอาเงิน 10000 ใส่ซองจดหมายส่งไปรษณีย์ไปให้ปลายทาง ถ้าไม่ถึงมือหรือศูนย์หายระหว่างทาง ปลายทางต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งธนาคารบอกว่าได้ทำถูกต้องตามกระบวนการแล้ว
สุดท้ายทางที่ดีคือต้องไปแจ้งความและดิ้นรนหาทางเอาเอง แต่นี้ก็ผ่านมา 4 เดือนละจะไปตามจับดูกล้องว่าใครเอาไปใช้ก็คงจะยากแล้ว ซึ่งเราเองก็ไม่ไปแจ้งความอะไรถือซะว่าเป็นบทเรียนราคาแพง ยอมจ่ายเพื่อไม่ให้เครดิตตัวเองเสีย และคงจำฝังใจกับวิธีการดำเนินการของ SCB ไปตลอดและพยายามเลี่ยงบริการบัตรเครดิตของ SCB ไว้ (บริการอื่นๆ ที่ใช้อยู่ เช่นกองทุน/เงินฝาก ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ) โดยในฐานะผู้บริโภคถ้าไม่พอใจในบริการก็ไปร้องทุกข์เอาหรือไม่ก็เลิกใช้บริการเขาไปซะ ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็เลือกที่จะจ่ายเพื่อจบจะใด้ไม่โดนเรื่องบูโรไปอีกเรื่องและปิดบริการบัตรเครดิตทุกอย่างลงซะ
จึงอยากเข้ามา เขียนประสบการณ์ เพื่อเตือนให้กับคนที่ไม่รู้ ให้ระวังจุดนี้ด้วยเรื่อง Update ที่อยู่ อาจกลายเป็นผู้เสียหายเช่นเรา
"โดยจุดนี้ธนาคารจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเราเลยนะจ๊ะ.."
คำถามคือ อันนี้คือเป็นปกติใช่ไหม ที่ ธ. ส่งบัตรให้ไหม่ ใครได้รับก็สามารถจะเอาไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องยืนยันตัวตนจากเจ้าของ เพื่อเปิดใช้งานบัตร
----------------------------
ขออนุญาต Update ทางเจ้าของกระทู้ได้ติดตามไปอีกครั้ง และทางเจ้าหน้าที่ธนาคารทำการตรวจสอบอย่างละเอียดจากประวัติและเสียงบันทึกเสียงสนทนาทั้งหมด ซึ่งพิจารณาแล้วว่าเป็นผู้เสียหายจริง และทางเจ้าของกระทู้ได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารตามสมควรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามก็ยังเห็นควรว่า การ verify บัตรไม่ว่าผ่าน app หรือ โทรไปเปิด ก็น่าจะปลอดภัยกว่า การได้รับบัตรจากการส่งไปรษณีย์แล้วใช้ได้เลย ฝากธนาคาร พิจารณาด้วย